เพราะเราต่างก็เหงา
ตอนที่ 3
เพราะเราต่างก็เหงา
เช้านี้อรรถพันธ์ปลุกคนตัวเล็กที่ยังนอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี
“ลุกได้แล้ว ไปหุงข้าวทำกับข้าว”
มีนาลุกขึ้นมานั่งด้วยท่าทีที่ยังไม่หายง่วงนอน เธอเหนื่อยและรู้สึกเหมือนไม่สบายเพราะตอนอยู่ในเรือก็ตากฝนมา
“รู้สึกเหมือนไม่สบายเลยค่ะ ต้องไปหุงข้าวทำกับข้าวจริง ๆ ใช่ไหม”
ชายหนุ่มไม่ตอบแต่ดึงเธอให้ลุกออกจากที่นอนส่งผ้าเช็ดตัวให้อีกฝ่ายไปล้างหน้าแปรงฟันให้เรียบร้อย
มีนาเลือกดูข้าวของในครัว เธอมองแล้วก็รู้สึกว่าทุกอย่างมีเยอะมาก จนเธอเลือกไม่ถูกว่าจะทำอะไรดี
เสียงเหมือนคนกำลังทำอะไรข้างล่าง หญิงสาวจึงชะโงกหน้ามองลงไป
“ทำอะไรคะ”
“ปลูกผัก ปลูกพริก”
อรรถพันธ์สำรวจของที่มีแล้วทุกอย่างอยู่ได้นานหมดยกเว้นผักผลไม้แต่ผลไม้ที่นี่ยังมีมะพร้าว กระท้อน และก็ทุเรียน เท่าที่เขามองเห็นเพราะไม่กล้าไปเดินรอบเกาะเพราะมีเจ้าถิ่นคือลิงป่า
มีนามีความสามารถเรื่องทำกับข้าวอยู่แล้วไม่นานเธอก็ทำข้าวต้มเสร็จพร้อมกับยำผักกาดกระป๋องแล้วก็ทอดกุนเชียง
“ดีที่ยังทำกับข้าวเป็น ไม่อย่างนั้นพากันอดตายแน่เพราะพี่ทำไม่เป็นเลย”
ชายหนุ่มแทนตัวว่าพี่ทำให้มีนารู้สึกสบายใจขึ้น ว่าอย่างน้อยเขาคงมองเธอเป็นน้องสาวและคงจะพาเธอกลับบ้านใน ไม่ช้านี้
“บอกว่าไม่สบาย ทำไมยังไม่ไปนอน”
ชายหนุ่มตะโกนถามเพราะเห็นมีนาเข้าไปทำอะไรในครัวอยู่นานสองนานไม่ออกมา
“มีนาเห็นมีไข่เป็ดเกือบร้อยฟอง กินคงไม่ทันเลยทำไข่เค็มค่ะ ”
หญิงสาวตอบด้วยท่าทางอิดโรย ชายหนุ่มจึงเดินไปหายาที่เวย์เตรียมไว้เอามาให้เธอกินและไล่ให้ไปนอน
อรรถพันธ์เดินดูรอบ ๆ บ้านและเดินไปเอาเรือขึ้นมาซ่อนไว้เพราะถ้าใครเห็นเรือจะรู้ว่ามีคนอยู่อาจจะทำให้ตามหาทั้งคู่ได้สำเร็จ
เกือบบ่ายกว่าที่อรรถจะเดินกลับมาถึงบ้าน เขาคิดว่ามีนาคงตื่นขึ้นมากินข้าวแล้ว แต่พอดูจากร่องรอยก็เลยรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตื่นขึ้นมา
“ตัวร้อนจี๋เลย”
ชายหนุ่มรีบไปหาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดตัวให้มีนาจนเธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
“พี่ก็ลืมเลยว่านี่มันหลายชั่วโมงแล้วยังไม่ได้กินข้าวกินยา ลุกนั่งเดี๋ยวไปอุ่นข้าวต้มให้แล้วจะได้กินยา”
คนตัวใหญ่ส่ายหัวให้กับตัวเอง ตั้งใจจับเธอมาเป็น ตัวประกันตั้งใจจะแกล้งเสียให้เข็ดให้สมกับที่แค้นพี่ชายของเธอแต่แค่มาวันแรกก็กลายเป็นฝ่ายที่ต้องดูแลเธอเสียแล้ว
เย็นนี้มีนายังคงฝืนร่างกายตัวเองลุกมาทำกับข้าวแต่เธอก็แค่ผัดผักและยำหมูยอกินกับข้าวต้มที่ยังเหลือ
พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้ามีนาก็เริ่มร้องไห้ ตอนนี้ร่างกายเธอไม่สบายยิ่งทำให้เธอคิดถึงบ้านเข้าไปใหญ่
อรรถพันธ์เองก็ออกมายืนรับลมหน้าบ้าน ด้วยความรู้สึกเดียวกับคนที่นอนป่วยอยู่ในห้อง เขาคิดทุกคนที่บ้านแต่ในเมื่อเขาโดนบีบให้ต้องทำแบบนี้เขาจึงบอกตัวเองให้ต้องอดทน และยิ่งทำให้คิดโมโหดอนแฟนของน้องสาวขึ้นมา
คนร่างใหญ่เดินเข้าไปในห้องใจหนึ่งก็เป็นห่วงอีกใจหนึ่งก็อยากจะเอาความโมโหมาปาใส่ เขาจึงคว้าแขนหญิงสาวที่นอนป่วยอย่างแรง
คนป่วยที่กำลังร้องไห้ ลุกขึ้นโผเข้ากอดคนที่กระฉากมือเธอพร้อมกับปล่อยน้ำตาออกมาเต็มที่
“มีนาคิดถึงบ้าน พี่อรรถคิดถึงบ้านไหมคะ”
ยังไม่ทันที่คนถูกถามจะตอบเสียงฟ้าผ่ากลางทะเลทำเอามีนาตกใจโถมตัวเข้าใส่ชายหนุ่มจนตัวเธอลงไปนอนแนบกับเขา ปากบางทาบทับลงไปที่ปากหนาอย่างไม่ตั้งใจ
บรรยากาศที่แสนจะเร้าอารมณ์ด้วยกลิ่นฝนและลมเย็นที่พัดเข้ามาบวกกับความเหงาในหัวใจของทั้งคู่
ชายหนุ่มไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ เขาจับตัวอีกฝ่ายให้ลงไปนอนราบกับพื้น ปากหนาซุกซนไปทั่วใบหน้าและคอยาวของมีนาที่เธอเองก็หลับตาส่งอารมณ์ร่วมมือไปกับบทรักของอีกฝ่าย
หัวใจสองดวงที่ตอนนี้ถูกความเหงาเข้าครอบงำจนร่างกายเรียกร้องหาความอบอุ่นจากกันและกัน
ชายหนุ่มปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงเรียกร้องของหัวใจเขาลืมทุกอย่างที่ทำให้เขาต้องมาอยู่ที่ เขารู้แค่เพียงว่าร่างเล็ก ในอ้อมกอดเขามันช่างหอมหวานและสวยงามยิ่งนัก
ร่างเปลือยเปล่าของคนที่หัวใจกำลังเหงาส่งผ่านความรู้สึกซาบซ่านเข้าหากัน เหมือนไฟที่โหมแรงเมื่อเจอลม
ความเป็นชายพร้อมเดินทัพแต่...มันติดที่อีกฝ่ายยังเป็นหญิงสาวที่บริสุทธิ์ เมื่อทุกอย่างดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้วต่อให้รู้สึกผิดแค่ไหนชายหนุ่มก็เลือกที่จะเดินหน้าอย่างเดียว
“เจ็บค่ะ อ๋อย...เจ็บ”
ชายหนุ่มพยายามเริ่มต้นใหม่เพื่อให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายก่อนจะรวมกำลังและเดินหน้าเป็นจังหวะเหมือนเสียงคลื่นที่กระทบชายฝั่ง ไม่นานทั้งสองคนก็พากันไปถึงจุดหมายปลายทางที่แสนจะอิ่มเอมใจ
พายุข้างนอกยังคงไม่สงบแต่พายุแห่งอารมณ์สงบลงแล้วมีนาหลับใหลอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับชายหนุ่ม อย่างน้อยคืนนี้เธอก็นอนหลับโดยไม่ต้องเสียน้ำตาเพราะคิดถึงบ้าน
อรรถพันธ์ลูบผมหญิงสาวที่เขาได้เธอเป็นภรรยาไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาด้วยความรู้สึกผิดและสับสน เขาพาเธอมาที่นี่เพื่อเป็นตัวประกันไม่ใช่เพื่อทำลายเธอแบบนี้ คำว่าขอโทษดังอยู่ในหัวใจของเขาแต่มันคงไม่มีทางที่จะหลุดออกมาเป็นคำพูดเด็ดขาด