ตอนที่ 5 ข้าอยากอยู่คนเดียว
เปลวเดินออกมาจากศาลาริมน้ำด้วยท่าทีอิดออด เขาก็เหมือนเด็กหนุ่มคนหนึ่งเมื่อได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ก็เกิดความสนุกและอยากจะเล่นต่อไป แต่ตอนนี้ภารกิจของเขาสำคัญยิ่งกว่า
เปลวเดินถือปิ่นโตตรงเข้าไปยังเรือนพี่พักของคุณพระ วางสำรับเรียงไว้บนโต๊ะแล้วก็กวาดสายตามองหาคุณพระ ปกติแล้วเขามักจะอยู่บริเวณนี้เป็นประจำ ทว่าตอนนี้กลับไม่เห็นเลย จึงตะโกนเรียกหา
“คุณพระขอรับ คุณพระอยู่ไหน ถึงเวลารับประทานมื้อเที่ยงแล้วขอรับ”
“...”
“หายไปไหนนะ ถ้าเจอจะจับตีก้นซะให้เข็ดเลยคอยดู คนอะไรจะดื้อถึงเพียงนี้” เขาบ่นอย่างไม่เก็บเสียงเพราะตรงนี้ไม่มีใคร แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้มีใครบางคนกำลังยืนอยู่ด้านหลัง ทำหน้าถมึงทึง ส่งปลายดาบอันแหลมคมชี้มายังบ่าวรับใช้จอมจุ้นจ้าน
“เอ็งกำลังว่าให้ใคร”
ได้ยินเช่นนั้นเปลวก็เบิกตาด้วยความตกใจ ยืนตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะด้วยความกลัว ยกมือขึ้นมาตบปากตัวเองเบา ๆ สองสามที หมุนตัวกลับไปหมายจะแก้ต่างให้ตัวเอง ทว่าเมื่อเห็นปลายดาบกำลังชี้มายังคอตนก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“คะ...คุณพระอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ขอรับ”
“ก็นานพอจะได้ยินว่าเอ็งกำลังนินทาข้า”
“บ่าวไม่ได้นินทานะขอรับ บ่าวกำลังบ่นให้น้องชายของบ่าวขอรับ จู่ ๆ ก็คิดถึงขึ้นมา พอดีว่าน้องชายของบ่าวดื้อมาก เลยพูดอย่างนั้นออกไป คุณพระเอาดาบลงเถิดขอรับ บ่าวกลัวแล้วจริง ๆ”
“สีหน้าเอ็งเหมือนไม่ได้กลัวข้าเลย” สายตาคมกริบปานคมดาบจับจ้องมองใบหน้าเรียวรูปไข่ ใบหน้าอันอ่อนเยาว์ไร้ที่ติ ทว่าเขากลับมองเห็นเพียงความดื้อและกวนประสาทนั้น
เปลวรีบทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า แล้วคลานเข้าไปกอดขาของคุณพระเอาไว้แน่น แสร้งร้องไห้ร้องห่มเสียงดัง เล่นละครตบตา หวังว่าคุณพระของเขาคงจะยอมยกโทษให้
“ฮือ ๆ คุณพระ บ่าวผิดไปแล้ว ยกโทษให้บ่าวด้วยนะขอรับ ต่อไปนี้บ่าวจะไม่ปากพล่อยอีกแล้วขอรับ”
“ปล่อยขาข้า” คนพูดพยายามสลัดขาตนเองออก แต่กลับไม่เป็นผล
“ไม่ปล่อย จนกว่าคุณพระจะยอมยกโทษให้บ่าว ยกโทษให้บ่าวด้วยนะขอรับ”
“ปล่อย!”
“ไม่ปล่อย ฮือ ๆ คุณพระสัญญาก่อนว่าจะไม่ลงโทษบ่าว”
“เฮ้อ ข้าปวดกบาลกับเอ็งจริง ๆ ทำตัวน่ารำคาญ”
“ฮือ ๆ”
“ก็ได้ ข้าจะไม่ลงโทษเอ็ง ปล่อยข้าได้แล้ว”
“ขอบพระคุณขอรับคุณพระ บ่าวซาบซึ้งในน้ำใจคุณพระเหลือเกิน” ใบหน้าหวานมีรอยยิ้มประดับเมื่อแผนการสำเร็จจนได้ เขายอมปล่อยขาแล้วเงยขึ้นส่งยิ้มให้คุณพระผู้มีสีหน้าเย็นชาเช่นเคย
“ออกไปข้างนอก แล้วก็ไม่ต้องเข้ามา หากข้าไม่เรียกใช้”
“ขอรับ แต่ตอนนี้คุณพระรีบมารับประทานข้าวก่อนเถิด กำลังร้อน ๆ เชียวนะขอรับ” เปลวลุกขึ้นยืนเข่า ถือวิสาสะจับมือคุณพระเพื่อพามายังโต๊ะไม้ที่มีกับข้าววางไว้รอ
พระพิชิตพลเดชารีบสะบัดมือออกโดยเร็ว ชักสีหน้าใส่ให้รู้ว่าไม่พอใจ แล้วก็อย่ามาบังอาจแตะเนื้อต้องตัวหากไม่ได้รับอนุญาต
“เอ็งนี่ช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย หากไม่ได้รับอนุญาตอย่ามาแตะตัวข้าอีกเด็ดขาด”
“ทำไมล่ะขอรับ ก็บ่าวเป็นห่วงคุณพระนี่นา ไม่ได้จะทำร้ายสักหน่อยนะขอรับ” เปลวขมวดคิ้วทำหน้าฉงน เขาไม่ได้มีเจตนาอื่นใดนอกเสียจากอยากให้รับประทานข้าวให้ตรงเวลาเท่านั้น เพราะคุณหญิงได้กำชับเอาไว้นั่นเอง
“ออกไป! ข้าอยากอยู่คนเดียว”
“ก็ได้ขอรับ”