บทที่ 4 รุก เพื่ออนาคตที่ดี (1/2)
หวังซานเย่เดินขึ้นบันได้มาหยุดยังบานประตูไม้เรียบหรู วันนี้เป็นวันที่เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก ไหนจะต้องสะสางงานในกองทัพ ไหนจะต้องไปเจรจากับหยางตงฉวน มิหนำซ้ำยังต้องมาอธิบายให้คุณแม่เข้าใจเรื่องที่เขาซื้อฉินเจินเจินมาอีก ตอนนี้เขาแทบจะหมดแรงจนอยากจะอาบน้ำและพักผ่อนเต็มที ร่างสูงผลักฝ่ามือลงบนบานประตูเข้ามายังห้องนอนของตัวเองดังเช่นทุกวัน
ดวงตาคู่คมที่พร่ามัวสะลึมสะลือด้วยอาการง่วงนอน กวาดมองไปยังเตียงนอนของตัวเองดังเช่นเคย แต่ทว่าเขากลับต้องเบิกตากว้างขึ้นเมื่อภาพเบื้องหน้าปรากฏหญิงสาวในชุดกี่เพ้าสีชมพูบางเบานั่งไขว่ห้างโชว์เรียวขาพร้อมกับส่งสายตาสุดเย้ายวนมาให้
เห็นทีคุณป้าหวังและฉินเจินเจินคงเข้าใจผิดไปกับคำพูดของเขาอยู่ไม่น้อย การที่เขาเอ่ยปากออกไปเช่นนั้นไม่ได้สื่อความหมายว่าตัวเองต้องการให้เธอมาเป็นนางบำเรอในค่ำคืนนี้ แต่เขาต้องการให้เธอเข้ามามารอที่ห้องนอนของตัวเอง นั่นก็เพื่อที่จะหลบหลีกสายตาของคุณแม่และคนอื่นที่ภายในคฤหาสน์ต่างหาก
ดวงตาของเขาทอประกายขึ้นอย่างวาบหวาม เมื่อเผลอไผลจ้องมองไปตามร่างกายสาวของสาวน้อยวัยแย้มยิ้ม เธอช่างดูงดงามอย่างไร้ซึ่งที่ติ ผิวพรรณนั้นขาวผ่องเป็นยองใย แม้จะมีรอยเขียวช้ำในบางจุดจากการถูกครอบครัวข่มเหงรังแก ทรวงอกอิ่มกลมกลึงคู่นั้นก็ช่างเด่นหราทะลุออกมาจากกี่เพ้าตัวบางจนต้องลอบกลืนน้ำลายด้วยความกระหาย
เขาเองก็ห่างเหินจากผู้หญิงมานานหลายปี แม้ว่าจะอายุมากขึ้นเข้าไปทุกทีแต่ความเป็นชายไม่ได้พร่องลงไปเลยแม้แต่น้อย เมื่อได้พบเจอกับเธอ มิหนำซ้ำใจเจ้ากรรมกลับเต้นตึกตักขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ความอัดแน่นกลางกายดุนดันกางเกงเครื่องแบบทหารขึ้นมาจนรู้สึกรวดร้าว
ผู้บัญชาการถึงกับยกมือฝ่ามือขึ้นมาทาบบนหน้าผากและพยายามตั้งสติ ก่อนจะส่งเสียงตวาดเธอออกไปเบา ๆ ทั้งที่ภายในใจนั้นทั้งรู้สึกสงสารและเลือดลมสูบฉีดขึ้นบนใบหน้าและอวัยวะส่วนอื่นจนอยากจะกระโจนเข้าหาเธอราวกับเสือร้ายที่พร้อมจะขย้ำกระต่ายตรงหน้าใจแทบขาด แต่เขาไม่คิดจะล่วงเกินเธอ จึงได้แต่บอกเธอออกไปว่าสิ่งที่เขาต้องการคือ ซื้อเธอมาเพื่อเป็นสาวรับใช้เพียงเท่านั้น
หวังซานเย่หมุนตัวหันหลังให้กับเธอ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเห็นภาพที่แสนจะยั่วเย้าอารมณ์เหล่านั้น แต่ทว่ารอบเอวของเขาตอนนี้กลับมีท่อนเเขนเล็กยื่นเข้ามาโอบกอดเขาเอาไว้อย่างแน่นเหนียวราวกับฝ่ามือของตุ๊กแกก็ไม่ปาน
“เจินเจิน คะ...คุณทำอะไรของคุณ”
เสียงทุ้มเข้มแข็งแกร่งของชายชาตรีเอ่ยออกไป มันตะกุกตะกักจนแทบจะไม่เหลือมาดของนายทหารยศสูงเลยแม้แต่น้อย
“ท่านคะ ฉันไม่อยากเป็นคนใช้นี่คะ”
ฉินเจินเจินฝังใบหน้าได้รูปลงบนแผ่นหลังกว้างของเขาจนได้กลิ่นกายอ่อน ๆ ที่หอมสะอาดบนตัวของเขา โดยที่เธอยังคงกระชับท่อนแขนโอบรอบเอวของเขาเอาไว้แน่น น้ำเสียงของเธอนั้นออดอ้อนและฟังดูกระเส่าเพื่อหวังให้นายทหารคนนี้รับเธอไว้ในฐานะอื่นที่ไม่ใช่ฐานะคนใช้
“เป็นคนใช้ที่นี่ คุณไม่ได้ลำบากเหมือนอยู่กับหยางตงฉวนและคุณแม่ของคุณหรอกนะเจินเจิน คุณยังมีอิสระ”
เขาสูดลมหายใจด้วยความยากลำบาก มันช่างติดขัดไปเสียหมด เมื่อก้อนเนื้อกลมกลึงของเธอบดเบียดอยู่บนแผ่นหลังของเขาจนแทบจะอดใจไม่ไหวอีกต่อไป
ฉินเจินเจินที่ได้ฟังเช่นนั้นถึงกับหน้าเสียไม่น้อย ‘ฉันไม่เคยลำบาก ไม่ว่าอย่างไรชีวิตใหม่ฉันก็จะต้องไม่ลำบาก’ เธอยังคงฮึดสู้สุดใจ ถึงอย่างไรอยู่ที่นี่เธอก็ตัวคนเดียว อย่างน้อยได้เป็นคนใกล้ชิดของเขาในฐานะคนร่วมเตียงก็ยังคงดีเสียกว่าเป็นคนใช้ที่แก่งแย่งชิงดีกัน
เธอเดินหน้ายั่วยวนเขาเต็มที่ ฝ่ามือเล็กลูบไล้ลงบนแผงอกแผงใหญ่ของเขาจากทางด้านหลังไปพร้อมกับการคลึงเต้าถูไถลงบนแผ่นหลังไปด้วยพร้อมกัน ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชายอกสามศอกมีหรือจะไม่หวั่นไหว
มะ...หมับ
“อ่ะ”