ตอนที่ 2 : ข้ามภพมาเพื่อ.... 1/2
ตอนที่
[1]
ข้ามภพมาเพื่อ....
“มัน! เป็นมันทำร้ายข้า โอ๊ยยย ข้าเจ็บ!!” กล่าวจบก็จับนิ้วของตนอย่างเจ็บปวด
“หึ เป็นสตรีขี้โรคแต่ก็มีฤทธิ์เดชหรือ ไหนมาเจอกับข้าหน่อยเป็นอย่างไร” บุรุษคนแรกกล่าวจบก็เดินเข้ามาหานางทันที
พึ่บ!!
พร้อมกันนั้นหลิวลี่ซือก็ลุกขึ้นยืนเพื่อเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายทันที แม้จะแปลกใจที่เหตุใดรู้สึกว่าร่างกายของตนนั้นมีความเบากว่าปกติมาก และยามที่เอื้อมมือไปหักนิ้วบุรุษเลวผู้นั้น ก็เห็นข้อมือของตนนั้นเล็กกว่าปกติเช่นกัน แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาสนใจขนาดร่างกายของตน เพราะนางอยากจะระบายความคับแค้นใจออกไปกับผู้ใดสักคนแล้ว
ไม่สิ ตอนนี้มีสามคน......
อาเฉินหรือซ่งอี้เฉินแม้คราแรกจะเดินเข้าหาอีกฝ่ายด้วยความกล้า แต่เมื่อเห็นสตรีขี้โรคที่อยู่ดี ๆ ก็ยืนขึ้นและปล่อยรังสีที่น่ากลัวบางอย่างออกมา ตนก็รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างประหลาด แต่ก็พยายามคิดว่าตนคิดไปเอง สตรีผู้เดียวจะน่ากลัวอันใด อี้หงก็เช่นกันเมื่อหันไปสบตากับสหายก็คล้ายจะตกลงกันทางสายตาว่าจะเข้าไปจัดการสตรีขี้โรคพร้อมกัน จากนั้นก็กรูเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมกันทันที
ตุบ!
ตุบ!
เสียงคล้ายของบางอย่างหล่นกระทบพื้นดังขึ้น
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
ที่แท้เป็นการกระทำของหลิวลี่ซือ นางเล็งเข้าที่ท้องของทั้งสองจากนั้นก็กระโดดถีบขาคู่เข้าไปเต็มแรงอย่างไม่ผ่อนปรนแม้เพียงนิด
ส่งผลให้ทั้งสองกุมท้องของตนด้วยความเจ็บปวดทันที ด้านอาชิ่งหรือฝานชิ่งที่เห็นสหายของตนถูกทำเช่นนั้นพร้อมกันก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นทันที และเตรียมจะวิ่งหนีออกไป แต่ก็ช้าไปสำหรับเหยาลี่ซือหรือหลิวลี่ซือนัก นางกระโดดถีบเข้าที่หลังอีกฝ่าย จับหมับที่คอเสื้อของเขาพร้อมกับกระตุกอีกฝ่าย จากนั้นก็ลากเขาลงกับพื้นอย่างไร้ซึ่งความปรานีใด ๆ
“ปล่อยข้า ๆ”
แม้อีกฝ่ายจะดิ้นรนเพียงใดนางก็ไม่ยอมปล่อยมือออก
เมื่อลากเขามาอยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับอีกสองคนก่อนหน้าแล้ว นางจึงเอ่ยขึ้น
“ข้าได้ยินว่าพวกเจ้าอยากเล่นสนุกกับข้าหรือ เอาสิ ข้ากำลังอยากเล่นสนุกพอดี”
เมื่อนางกล่าวจบทั้งสามก็ส่ายหน้าอย่างหวาดกลัวทันที
แต่.....พวกเขามีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยหรือ
นางจับพวกเขาบ้างมัดกับเสา บ้างมัดกับเก้าอี้ แต่ก็อยู่ใกล้ ๆ กัน จากนั้นก็จับทั้งสามเปลื้องผ้า “แม่นาง ปล่อยพวกข้าไปเถิด” เสียงของบุรุษคนแรกนามอาเฉินเอ่ยขอร้องขึ้น น้ำเสียงช่างดูต่างจากตอนแรกเหลือเกิน จากนั้นที่เหลือก็อ้อนวอนเช่นกัน
“จะรีบปล่อยไปไย เรายังไม่ได้เล่นสนุกกันเลย” หลิวลี่ซือยิ้มที่มุมปากพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่คล้ายจะสนุกสนานยิ่ง แต่พวกเขากลับส่ายหน้าและเหมือนจะปล่อยโฮออกมาอยู่รอมร่อ หากรู้ว่าสตรีขี้โรคที่หลายคนพูดถึง แท้จริงนั้นห่างไกลจากคำว่าขี้โรคเช่นนี้...หากรู้เช่นนี้.... พวกเขาจะไม่ย่างกรายเข้าใกล้นาง หรือใกล้บ้านของนางด้วยซ้ำ
ซวยจริง ๆ
แท้จริงแล้วทั้งสามเป็นพวกอันธพาลที่ไม่มีแก่นสารใด ๆ ที่มีบิดามารดาคอยให้ท้ายเพียงเพราะคล้ายมีญาติห่าง ๆ ที่เป็นขุนนางเล็ก ๆ เท่านั้น
ที่ถึงแม้ว่าจะทำความผิดอย่างไร พวกเขาก็รอดพ้นไปได้เสมอ พวกเขาจึงเหิมเกริมในการกระทำของตนยิ่ง
แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่เช่นนั้น.......
หลิวลี่ซือไม่ปล่อยให้พวกเขาส่งเสียงน่ารำคาญนาน นางก้าวย่างเข้าไปหาพวกเขาอย่างกำลังหมายมาดบางอย่างในใจ.....
หลังจากนั้นเสียงดังตุบตับ คล้ายกับเสียงทุบตีบางอย่างก็ดังขึ้นอย่างรุนแรง ประสานกับเสียงโหยหวนของบุรุษต่างโทนเสียงที่ร้องขึ้นไม่หยุด นางไม่สนใจว่าจะมีผู้ใดมาพบ เพราะคงไม่มีผู้ใดมาพบได้ง่าย ๆ เพราะการที่พวกมันลักพาตัวนางเพื่อมาทำมิดิมิร้าย คงจะต้องพามาที่ลับตาคนอย่างแน่นอน
กว่าค่อนคืนที่เสียงต่าง ๆ เหล่านี้จะจบลง แต่ทุกอย่างไม่จบลงเพียงเท่านี้ เมื่อนางจัดการพวกเขาเสร็จ ก็จับพวกเขามัดเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ทำการลากออกมาจากห้องห้องนั้นทันที ซึ่งเมื่อออกมาแล้ว นางก็ได้รู้ว่าที่นี่คือบ้านร้างห่างไกลผู้คน
อย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด!
หึ! พวกคนเลวพวกนี้ต้องการจัดการนางในที่ที่ห่างไกลผู้คนแห่งนี้
หากเป็นสตรีทั่วไปที่ไม่ใช่นาง.....
ยิ่งคิดนางก็ยิ่งลากพวกเขาแรงขึ้น
แต่ไม่รู้ว่านางคิดไปเองหรือไม่ นางคิดว่าตนเองนั้นแข็งแรงมากขึ้นกว่าตอนที่แข่งขันเสียอีก ทั้งที่คราแรกรู้สึกว่าร่างกายตนเบาและบางกว่าปกติ แต่พละกำลังนั้น....ดูคล้ายจะมากขึ้นกว่าเดิม
หลิวลี่ซือจัดการลากทั้งสามที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ไปตามหนทางอันมืดมิด นางไม่สนใจว่าพวกเขาจะได้รับบาดแผลอีกหรือไม่ เพราะมันสมควรได้รับเช่นนี้แล้ว และแม้ไม่รู้จะพาไปที่ใด แต่นางคิดว่าหากลากไปตามทางเรื่อย ๆ ก็น่าจะพบกับเขตชุมชน
และนางก็คิดถูก
ยิ่งลากมาเรื่อย ๆ นางยิ่งพบกับบ้านเรือนที่ใหญ่โตมากมาย แต่เป็นเรือนที่คล้ายกับจีนสมัยก่อน ทั้งสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่เห็นได้เด่นชัดจากโคมไฟที่ห้อยอยู่ตามจุดต่าง ๆ จากนั้นจึงสอดส่องสายตาหาจุดที่น่าจะง่ายต่อการพบเห็นลากพวกเขาที่อยู่ในอาการสลบไสล จับมัดกับเสาต้นหนึ่ง และจุดสำคัญที่นางไม่ลืม คือพวกมันต้องการจะล่วงเกินนาง นางจึงจัดการจับมือของพวกมันแต่ละคนไปไว้ที่ตำแหน่งของลับของกันและกัน และมัดตรึงตำแหน่งด้วยเชือกอีกที คิดเอาไว้ว่า หากฟ้าสว่างคนอื่นคงจะได้เห็นภาพนี้กันได้อย่างชัดเจน...........
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย พวกมันก็คล้ายจะเริ่มรู้สึกตัว นางจึงกระซิบข่มขู่พวกมันไปเล็กน้อย แม้เพียงเล็กน้อยพวกมันก็กลัวจนตัวสั่นแล้ว
จากนั้นจึงเดินผิวปากออกไปด้วยความสบายใจ แต่นางไม่ได้ไปที่ไหนไกล แค่เพียงซุ่มรออยู่ที่ที่หนึ่ง ที่สามารถมองเห็นพวกเขาได้
นางจะจากไปโดยไม่รอดูผลลัพธ์ได้อย่างไร
และก็เป็นไปตามคาดเมื่อฟ้าสว่าง ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นทันที และสิ่งที่ทำให้นางยิ่งสะใจเข้าไปอีก จุดที่นางนำพวกเขาไปมัดไว้มันคือใจกลางของตลาดดี ๆ นี่เอง
ไม่ต้องเดาว่าจะเกิดอันใดขึ้นกับกลุ่มบุรุษเปลือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์กับท่าทางบัดสีเช่นนั้น
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการแล้ว หลิวลี่ซือก็หมุนกาย เดินไปอีกทางทันที ในทุกก้าวย่างนางก็ได้แต่สงสัย ว่านางกำลังอยู่ที่ใดกันแน่ และมันเกิดอะไรขึ้นทำไมทุกอย่างจึงได้ชวนพิศวงเช่นนี้
แต่เดินไปไม่นานนางก็พบกับสตรีผู้หนึ่งที่กำลังยืนร้องไห้และวิ่งเข้ามาสวมกอดนางด้วยความรวดเร็ว
“หายไปที่ใดมาซือเออร์ลูกแม่ แม่ตามหาเจ้าทั้งคืน ดีใจเหลือเกินที่แม่พบเจ้า ฮึก”