ตอนที่ 2 ไอ้กาฝาก
“เร็วๆ ถ้ามึงทำไม่ทันได้โดนกูแน่” ชี้หน้าแล้วเดินไปนั่งรอเพื่อนที่โซฟาหน้าจอทีวีขนาดยักษ์
เขาเกลียดไอ้เด็กคนนี้เข้าไส้ นอกจากแม่มันจะจับบิดาของเขาจนได้เป็นหม่อมแล้ว ยังจะส่งลูกชายมาจับเขาอีก คงเห็นว่าท่านพ่อจะยกสมบัติให้เยอะกว่าใครในบรรดาพี่น้องทั้งหมดสินะ ถึงได้คิดการณ์ไกลขนาดนี้
รันรีบอาบนน้ำเปลี่ยนชุดใหม่ แล้วเดินเข้าไปในครัวเตรียมกลับแกล้มหลายเมนูเพื่อรองรับเพื่อนๆ ของอัศที่จะมาถึงคอนโดในอีกไม่ช้านี้ อาหารหลายเมนูถูกปรุงแต่งจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว รันยกมาวางจัดเรียงรายไว้บนโต๊ะกระจกหน้าจอทีวี ซึ่งรายล้อมไปด้วยโซฟาสีครีมจนเต็มพื้นที่ รอการมาถึงของเหล่าบรรดาหนุ่มวิศวะเพื่อนของเจ้าของคอนโด
ไม่นานนักเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น รันรีบเดินไปเปิดประตูห้อง ก็พบกับชายหนุ่มทั้งหกคนยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตู
“เฮ้ย! น้องรันคนสวยนี่หว่า วันนี้มารับพวกพี่ถึงหน้าห้องเลยเหรอคร้าบบ” ‘ต้า’ หนุ่มหน้าตี๋จัดฟันเอ่ยขึ้นเสียงดัง
“เชิญข้างในก่อนครับคุณชายรออยู่” รันจดจำใบหน้าผู้ชายเหล่านี้ได้ทุกคน เพราะพวกเขามาจัดปาร์ตี้ที่นี่อยู่บ่อยครั้ง แถมบางทียังพาพวกผู้หญิงอย่างว่ามามั่วสุมอีกด้วยในบางครั้ง
เมื่อทั้งหมดเข้าทีมกันแล้ว เสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังขึ้นแข่งกับเสียงดนตรีสากล ที่ถูกเปิดคลอไปด้วยเพื่อสร้างบรรยากาศ น้ำสีชาถูกรินผ่านก้อนน้ำแข็งลงไปที่ก้นแก้วอย่างช้าๆ หลังจากนั้นน้ำโซดาก็ถูกเทตามลงไปเพื่อผสมให้เจือจางจนเกิดฟองฟู่ซู่ซ่า ก่อนจะถูกคนให้เข้ากันด้วยแท่งตะเกียบที่นำมาใช้ในการนี้โดยเฉพาะ รันทำอย่างนั้นแก้วแล้วแก้วเล่าส่งให้กับชายหนุ่มที่นั่งโยกตามจังหวะดนตรีอย่างสนุกสนาน บ้างก็พูดคุยกัน บ้างก็ฮัมเพลงตาม ดูช่างมีความสุขกันเสียจริง คนที่มีความทุกข์ในตอนนี้คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรันคนเดียวเท่านั้น เมื่อไหร่ช่วงเวลาแห่งความน่าเบื่อหน่ายนี้จะหมดไปเสียที
“น้องรันครับชงเหล้าให้พี่หน่อย...หมดแก้วแล้ว” ได้ยินเสียงเรียกก็รีบเดินไปรับแก้วมาจากมือชายหนุ่ม แต่กลับโดนกุมมือไว้ไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยเถอะครับผมจะได้ไปชงเหล้าให้” รันหน้าเสียแล้วรีบเอ่ยขอร้อง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนกระทำอย่างนี้ แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ชินกับการโดนหยามศักดิ์ศรี
“มือน้องรันนิ่มโคตรๆ พี่ไม่อยากจะปล่อยเลยอ่ะ” บอยส่งสายตากรุ้มกริ่มให้ ดูท่าทางคงจะเริ่มเมาแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่เล่นด้วยก็ยอมปล่อยมืออย่างเสียดาย
คุณชายเจ้าของห้องเห็นอย่างนั้นกลับยิ้มเยาะอย่างสะใจ อยากรู้จังว่ามันจะทนอยู่ในสภาพนี้ไปได้สักกี่น้ำ
“ฮิ้ววว!!!”
“ถ้ามึงชอบน้องเขาขนาดนั้นทำไมไม่พากลับไปที่ห้องด้วยเลยล่ะวะไอ้บอย” ป๋องเอ่ยแซวเพื่อน
“ก็อยากจะพาไปอยู่หรอกแต่น้องรันน่ะสิคงไม่ยอมแน่” คนพูดยังคงส่งสายตากรุ้มกริ่มให้
“เอาไปเลยกูอนุญาต” คุณชายที่นั่งฟังอยู่เอ่ยกับเพื่อน หากเขาสั่งให้ไปก็ต้องไปไม่มีสิทธิ์ขัดขืนใดๆ
รันได้ยินก็หันขวับไปมองเจ้าของเสียงทันที พูดจาดูถูกถากถางเขายังพอทนได้ แต่นี่ถึงขนาดอนุญาตให้คนอื่นพาไปที่ห้องด้วยมันชักจะเกินไปแล้ว มีสิทธิ์อะไรมาพูดอย่างนั้นทั้งที่ไม่ใช่เจ้าชีวิตเขาสักหน่อย
“มึงมองอย่างนั้นหมายความว่าไงวะไอ้กาฝาก” อัศเอ่ยเสียงเข้มออกไปเมื่อเห็นอีกฝ่ายมองตาขวางมาที่เขา
“ปะ...เปล่าครับ” รันตอบรับเสียงเบาแล้วก้มหน้าลง
“เปล่าก็หุบปาก อย่าให้กูได้ยินเสียงมึงอีกเด็ดขาด” ยิ่งเห็นอีกฝ่ายกลัวยิ่งได้ใจ ชี้หน้าคาดโทษ แล้วกระดกเหล้าอึกใหญ่
“ไอ้คุณชายมึงก็โหดไป น้องเขากลัวจนตัวสั่นจะแย่แล้วนั่น” บอยเอ่ยขณะมองร่างเล็กอย่างไม่ละสายตา
“ถ้ามึงชอบมันก็เอาไปนอนกกได้เลยกูอนุญาต” เจ้าตัวมองคนที่นั่งก้มหน้าอยู่บนพื้นอย่างหงุดหงิด
“ได้จริงดิวะ”
“ก็เออดิ”
“ถ้างั้นคืนนี้น้องรันกลับไปกับพี่นะครับ พี่สัญญาจะไม่ทำให้เจ็บแม้แต่ปลายเล็บ” บอยยิ้มเจ้าเล่ห์มองหน้าร่างเล็ก ส่วนหนึ่งก็เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ด้วยที่ทำให้ใจกล้าได้ขนาดนี้
“ขอโทษนะครับผมคงไปด้วยไม่ได้ ต้องอ่านหนังสือ” รันตอบกลับอย่างมีสติ เขาไม่ใช่สินค้าหรือของใช้ส่วนตัวของอัศ ที่จะให้ไปกับใครก็ได้
“คืนนี้มึงต้องไปกับเพื่อนกู ไม่งั้นมึงก็ไสหัวออกไปจากคอนโดกูเลย” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างเย็นยะเยือก
“ไม่! ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น และผมก็ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของคุณชายที่จะให้ไปกับใครก็ได้” ตอนนี้รันเริ่มเหลืออดกับความคิดต่ำๆ ของอีกฝ่ายแล้ว ที่เงียบไม่ใช่ว่ายอมแต่เพราะไม่อยากมีเรื่องจนถึงหูท่านชายและมารดาของตัวเองเท่านั้น
ทุกคนนั่งเงียบมองตากันปริบๆ ปกติแล้วรันไม่ใช่คนที่จะกล้าพูดต่อหน้าทุกคนอย่างนี้ แสดงว่าครั้งนี้คงสุดจริงๆ
“นี่มึงกล้าเถียงกูเหรอวะ!” อัศลุกขึ้นยืนกร่างพร้อมจะเดินไปหาเรื่อง
“ผมทนไม่ไหวแล้ว ฮึก คุณชายไม่ใช่เจ้าของชีวิตผม” ยกมือเรียวขึ้นปาดน้ำตาแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะล็อกเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายเข้าไปได้
ปังๆๆ!!!
“มึงออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้กาฝาก”
“........” เจ้าตัวนั่งพิงประตูห้องแล้วร้องไห้ออกมา เขาไม่มีทางออกไปให้คนพวกนั้นข่มเหงย่ำยีศักดิ์ศรีแน่นอน ที่ทนมาทุกวันนี้ก็เพราะสำนึกบุญคุณของท่านชายที่ชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กจนโตเท่านั้นเอง
“ถ้างั้นมึงก็อยู่ในนั้นห้ามออกมาอีกตลอดชีวิต กูจะไม่ให้มึงได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกต่อไป” ว่าแล้วก็เตะประตูเสียงดังจนคนที่อยู่ในห้องสะดุ้งโหยง เดินไปหยิบลูกกุญแจมาล็อคข้างนอกไว้ ไม่ให้ออกมาได้
อัศเดินอารมณ์เสียมานั่งที่เดิม ก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียวจนหมดแก้ว เมื่อเห็นอย่างนั้นเพื่อนๆ ต่างก็พยายามสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้นเหมือนเดิม ไม่นานนักเจ้าตัวก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และปาร์ตี้คืนนั้นก็ดำเนินไปเรื่อยๆ จนเกือบสว่าง