ตอนที่ 4 เริ่มต้นรักครั้งใหม่ [4]
“ขืนไม่รีบทำอะไรสักอย่างอาจจะสูญเสียไปอีกก็ได้นะ”
“ฉันไม่อยากเร่งรีบทำอะไรตอนนี้ ถ้าเธอพอใจกับสถานะที่เป็นอยู่ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ยังไงก็โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว จะให้มาทำตัวเลือดร้อนไวไฟเหมือนแก เดี๋ยวก็ได้อับอายขายหน้าเอาหรอก”
“เหอะ ได้หล่อนเป็นเมียแล้วสิถึงได้กล้าพูดจาอย่างนี้ แต่จะบอกอะไรให้นะ ตราบใดที่ทุกคนยังเห็นหล่อนเป็นเพียงแม่ม่ายไร้พันธะ อีกไม่นานก็ต้องมีตัวยุ่งยากโผล่มาตามจีบแบบจริงจังเข้าสักวัน ถึงตอนนั้นยังจะวางท่ามากแล้วบอกว่าอยู่ไปแบบนี้ก็ไม่เลวอีกไหม หากไร้พันธะผูกพัน ไม่ว่าใครก็สานสัมพันธ์กับหล่อนได้ทั้งนั้น”
“แก...คิดจะเอาคืนฉันเรื่องนั้นรึไง”
ดวงตาเฉียบคมดุดันแฝงแววคุกคามเล็กน้อย มันคงโกรธที่เขาจัดแจงจัดการเรื่องของมีนาจนมันเป็นบ้าเป็นหลังไปช่วงหนึ่ง แล้วไหนจะวางแผนให้มันทุกข์ร้อนใจคิดหาวิธีง้อเมียอีก แต่ก็ถูกมันจับได้แล้วโดนซ่อนแผนกลับหนีไปจากบ้านของปานวาดตอนนั้น
“ผมไม่ทำเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นหรอก แค่ไม่อยากให้เสียใจภายหลัง ถ้าไม่รีบทำให้จบตอนนี้ ต่อไปต้องมีปัญหาตามมาแน่ แล้วก็...แก่ๆ กันแล้ว เวลาทำเรื่องอย่างว่าไม่ต้องทุ่มสุดกำลังใส่จนสุดแรงทุกยกก็ได้ ผมกลัวว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างหล่อนจนทนรับอารมณ์รุนแรงของเสือร้ายที่เพิ่งกลับมาลืมตาตื่นอีกครั้งไม่ไหว”
“อย่างแกมีหน้ามาพูดคำนี้ด้วยเรอะ น้องก็ตัวเล็กนิดเดียว จะไปรองรับความตะกละตะกลามของแกยังไงไหว”
“เหมือนกันแหละน่า ผมก็ได้นิสัยมาจากพ่อแหละ”
“เป็นไปไม่ได้ คนอย่างฉันมีศิลปะในการจีบหญิงมากกว่าแก ไม่เหมือนแกที่ทำตัวเป็นหมาบ้าไล่ฟัดเหยื่อจนกว่าจะยินยอม”
“เหอะ แล้วจะรอดูว่าศิลปะมันจะได้กินจนอิ่มไหม”
“คอยดูไปเงียบๆ แล้วกัน ฉันจะทำให้แกเห็นเองว่าถ้าอยากทำให้ผู้หญิงรักผู้หญิงหลงต้องทำยังไง”
“ไม่ใช่ว่าตอนท้ายกลายเป็นตัวเองไปหลงรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้นหรอกนะ เห็นพูดจาอวดดีท้าทายแบบนี้ทีไรก็เสร็จกันทุกราย”
“แกเองก็ด้วยล่ะสิ” เมคินเย้ยหยันพลางเหยียดยิ้มร้ายกาจใส่ลูกชาย เขารู้ว่าสักวันตัวเองต้องกลายเป็นแบบนั้น
ปานวาดเป็นผู้หญิงคนที่สองที่ดึงดูดความสนใจของเขาได้ เสน่ห์เย้ายวนใจโดยธรรมชาติของเธอมีอานุภาพร้ายแรงพอให้เขายอมสยบอยู่แทบเท้า ให้มุดใต้กระโปรงเธอ เป็นทาสสวาทไปชั่วชีวิตยังได้เลย
“ผมรีบกลับมาดูแลมีน ท้องโตขึ้นทุกวันจนตอนนี้เดินเหินก็ลำบาก ถ้าไม่มีคนช่วยประคองก็เดินไปไหนไกลๆ ไม่ได้”
“ดูแลน้องดีๆ ถึงมีนาจะไม่ใช่ลูกสาวฉันแท้ๆ แต่ฉันก็รักเธอมาก ถ้าแกทำร้ายจิตใจน้องอีก ก็ดูแล้วกันว่าคราวนี้ฉันจะจัดการแกยังไง มันจะไม่เหมือนกับคราวก่อนที่ฉันปรานีแกยอมบอกที่อยู่ของเธอให้ แล้วอย่าคิดว่าอิทธิพลใดที่แกหรือเพื่อนแกมีอยู่จะใช้กับฉันได้ผล ถ้าแกยังไม่รู้จักพ่อแกดี จะลองท้าทายฉันอย่างคนโง่ก็ได้”
เมคินไม่ได้ขู่เพื่อหวังให้เจ้าลูกชายตัวดีกลัว เขาเพียงแต่อยากให้มันรู้ว่าเบื้องหลังของมีนายังมีเขาที่รักและพร้อมจะปกป้องดูแลเธอเสมอ ต่อให้จะไม่มีสายเลือดเดียวกัน แต่มีนาก็ยังเป็นลูกสาวคนสำคัญของเขาที่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายได้เด็ดขาด
คนฟังมองสบดวงตาคมวาววับที่ฉายแววจริงจังของคนเป็นพ่อ สีหน้าเคร่งขรึมดุดันแบบนั้นไม่ว่าใครได้เห็นก็ต้องผงะถอยหลังด้วยความหวาดเกรง แต่เขาที่เป็นลูกชายย่อมคุ้นชินกับท่าทางนั้นดี นี่เป็นคำเตือนแกมบังคับ หากมีนาถูกเขาทำร้ายจิตใจให้ต้องร้องไห้เสียใจอีก พ่อคงไม่คิดจะใจดีกับลูกชายแท้ๆ อย่างเขาอีกต่อไป
หลังจากพูดคุยกับลูกชายเสร็จ เมคินก็พาตัวเองกลับขึ้นห้องซึ่งอยู่คนละฝั่งกับลูกสาว หลังประตูบานนี้มีความทรงจำมากมายของเขากับทานตะวัน ช่วงเวลาแห่งความสุขที่ต่อให้จะผ่านไปกี่ปีก็ยังจดจำได้ไม่มีลืม เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้เขายิ้มหัวเราะได้อย่างสนุกสนาน ความร่าเริงสดใสมีชีวิตชีวาของเธอดึงดูดให้เขาอยากใกล้ชิด คอยเฝ้ามองทุกอิริยาบถอย่างไม่คลาดสายตา และตกหลุมเธอจนหมดใจในที่สุด
ความรักของเขากับทานตะวันคือสายสัมพันธ์ที่ไม่มีสิ่งใดมาตัดขาดได้ แม้ว่าเธอจะจากไปได้สิบกว่าปีแล้วตามที ตัวเขาที่จมอยู่กับความเศร้า หัวใจอ้างว้างเดียวดาย ไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะมีผู้หญิงคนหนึ่งยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดที่รักษาไม่หายให้บรรเทาเบาบางลง ทว่า...ก็ยังไม่อาจหลุดพ้นจากความเศร้าที่คอยกัดกินหัวใจ
สองมือบางที่ยื่นมาโอบกอดร่างเขาไว้ น้ำเสียงอ่อนหวานคอยปลอบประโลมใจในค่ำคืนอันเร่าร้อนของพวกเขาสองคนที่เผลอไผลปล่อยใจให้จมดิ่งสู่ห้วงปรารถนาล้ำลึก ในตอนที่ร่างกายพวกเขาประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน เขาได้สัมผัสความรู้สึกวิเศษที่ห่างหายไปนานอีกครั้ง