ตอนที่ 2 เริ่มต้นรักครั้งใหม่ [2]
ปานวาดไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากผู้ชายที่ใครๆ ก็พากันกลัว รูปลักษณ์ภายนอกของเขาดูเป็นคนเคร่งขรึมและเคร่งครัดในการทำงานมาก ใบหน้าคมสันดุดันทรงอำนาจข่มขวัญให้คนรอบข้างเกิดความยำเกรง แต่เวลาที่อยู่กับครอบครัวเขาจะอ่อนโยน เอาใจใส่ ดูแลทุกคนอย่างทั่วถึง ทำให้คนที่อยู่ใกล้รู้สึกปลอดภัยอย่างไร้กังวล
เธอจำได้ว่าตอนนั้นเขาพูดถึงภรรยาที่จากไปยังไง ความรู้สึกของเขาที่ถ่ายทอดออกมาทางคำพูดและสีหน้าทำให้เธอรู้ว่าเขารักผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหน เช่นเดียวกับตัวเธอที่ยังไม่ลืมสามีที่ถูกโรคร้ายพรากชีวิตไป แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังก้าวข้ามเส้นของความเป็นเพื่อนมามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าไม่ควร แต่ก็ห้ามแรงดึงดูดและแรงปรารถนาที่ซ่อนเร้นในกายไม่ได้
เหมือนถูกอะไรบางอย่างเรียกร้องให้เข้าหากัน ไม่ว่าจะพยายามหักห้ามใจแค่ไหนก็ยังเผลอถลำลึกลงไปในห้วงวังวนปรารถนานั้นอย่างลืมตัว
“ระ...เราอายุมากกันแล้ว ไม่ควรจะสนใจพวกเรื่องนี้”
“แค่สี่สิบสองเอง ยังไม่แก่สักหน่อย” เมคินหัวเราะขบขันในลำคออย่างอดไม่ได้กับข้ออ้างนั้น
อยู่ต่อหน้าเด็กๆ เธอเคร่งขรึมเคร่งครัดในขนบธรรมจารีตประเพณี ชอบทำหน้าดุข่มให้คนอื่นกลัว แต่เขารู้ว่านิสัยใจคอที่แท้จริงของเธอเป็นคนใจดีมีเมตตา ไม่อย่างนั้นจะรีบรับมีนาเป็นลูกบุญธรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะมีอะไรกับพี่ชายตัวเองทำไม ถึงจะไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ แต่อาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูไม่ดีในสายตาคนอื่นทั้งนั้น
เพราะได้ปานวาดยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เรื่องที่ดูหนักหนาสาหัสเหมือนไร้ทางออกถึงได้เบาลงจนแทบไม่มีใครขุดคุ้ยขึ้นมาพูดถึงอีก
“ผมยังไม่เร่งเร้าเอาคำตอบจากคุณตอนนี้หรอก ยังไงเราสองคนก็ล่วงเลยมาถึงวัยนี้แล้ว ค่อยๆ คิดค่อยๆ ใช้เวลาไตร่ตรองให้ดีก่อนก็ได้ ผมไม่เหมือนลูกชายที่จะเลือดร้อนทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่ก็คงห้ามไม่ให้พลั้งเผลอทำอะไรล่วงเกินคุณในระหว่างที่กำลังใช้ความคิดอยู่ไม่ได้ ผมเองก็ไม่ได้ใจเย็นขนาดที่จะทนมองคุณยั่วยวนโดยไม่ทำอะไร”
“วาดยั่วยวนคุณตอนไหน?” เรียวปากอิ่มสวยเม้มแน่นฉุนเฉียวกับคำพูดใส่ร้ายของเขา
“ตอนนี้”
ดวงตาของเมคินเปล่งประกายโชนแสงขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่กำยำจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้าไปหาร่างเพรียวบางของผู้หญิงปากแข็งที่ไม่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง เมื่อถูกเขาจ้องมากๆ แถมยังรุกล้ำเข้ามาใกล้ ปานวาดก็หันรีหันขวางคิดหาตัวช่วยให้หลุดพ้นจากสถานการณ์น่าอึดอัด แต่บริเวณนี้กลับไม่มีใครอยู่เลยสักคน
ใบหน้านวลกระจ่างขึ้นสีแดงระเรื่อ อากาศเย็นสบายในห้องรับแขกกลับร้อนอบอ้าวจนเม็ดเหงื่อผุดซึมบนหน้าผากนูนสวย ดวงตาเรียวโตสั่นไหวด้วยความรู้สึกตื่นเต้นระคนหวั่นกลัว เพียงแค่เขาก้าวเข้ามาใกล้ หัวใจเธอก็เต้นกระหน่ำรัวแรงจนแทบทะลุอก
ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอกำลังหวั่นไหวไปกับการก้าวเข้ามาใกล้ชิดของเขา
“หยุดนะ ถ้าคุณเข้ามาใกล้กว่านี้ ครั้งต่อไปวาดจะไม่เปิดประตูต้อนรับคุณอีก!”
กึก
“ก็ได้ ครั้งนี้ผมจะไม่ทำอะไร แต่ครั้งหน้าที่เจอกันความสัมพันธ์ของเราจะต้องก้าวหน้ามากกว่านี้ ผมจะไม่ยอมหยุดเพียงเพราะคุณขอให้หยุด จะไม่ปล่อยคุณให้หนีไปเหมือนอย่างตอนนั้น”
“...”
ปานวาดไม่ตอบโต้เพราะรู้ดีว่าเมคินเป็นคนที่ใครก็ไม่อาจต่อกรได้ เขาไม่ได้รวยล้นฟ้าหรือมีอำนาจล้นมือ แต่ความน่าเกรงขามของเขายามแผ่ออกมาจากร่างกลับทำให้คนกลัวจนแทบจะไม่มีแรงยืน สองขาของเธอกำลังสั่นระริกเพียงเพราะถูกเขาจับจ้องนิ่งๆ ดวงตาคมปลาบของเขาราวกับมือที่กำลังลูบไล้เรือนร่างเธอ ทุกจุดที่ลากผ่านก่อเกิดคลื่นปั่นป่วนปลุกเร้าอารมณ์หวามไหวให้แก่เธอ และก่อนที่เขาจะจากไปยังได้ทิ้งสายตาไว้บนริมฝีปากเธอเนิ่นนาน
ถึงไม่ได้ถูกจูบตรงๆ ก็รู้สึกเหมือนโดนเขากระชากตัวเข้าไปจูบอย่างดูดดื่มอยู่ดี
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปความรู้สึกที่เธอพยายามกดทับไว้ต้องทะลักออกมาแน่
เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใครทั้งนั้น เธอยังรักสามีของเธออยู่ แต่ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ เรื่องที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาถึงต้องผุดขึ้นมาในความทรงจำทุกที
เพราะอะไรเมคินถึงอยากสานสัมพันธ์กับเธอต่อ หลังจากที่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเนิ่นนานมาสองปี
แล้วเธอล่ะ ที่ผ่านมาคงไม่ได้คาดหวังให้เขามาตามหาเธอเหมือนอย่างตอนนี้หรอกใช่ไหม?