ตอนที่ 1 เริ่มต้นรักครั้งใหม่ [1]
เมคินตัดสินใจออกจากบริษัทตั้งแต่บ่ายแล้วสั่งให้คนขับรถแวะไปยังบ้านของปานวาดที่อยู่หลังตลาดก่อน หลังจากที่เธอตัดสินใจรับมีนาเป็นบุตรบุญธรรมเขาก็เข้าออกบ้านหลังนี้เป็นประจำไม่ได้ขาด แม้จะถูกเธอชักสีหน้าและทำสายตาไม่พอใจใส่ แต่เขาก็ตีสีหน้าเมินเฉยทำเป็นมองไม่เห็น แวะเอาอาหารจากภัตตาคารหรูไปนั่งกินที่บ้านเธอทุกวัน
“คุณเลิกทำแบบนี้สักทีได้ไหมคะ คนแถวนี้เริ่มพูดนินทากันแล้วนะ คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างรึไง”
ปานวาดมองตำหนิชายวัยกลางคนที่แวะเวียนเอาอาหารเลิศรสมานั่งกินที่บ้านเธอทุกเย็น จนคนที่อาศัยอยู่ในระแวกนี้พากันซุบซิบนินทาลับหลัง ส่วนบางคนก็เริ่มมาพูดแซวเธอเรื่องของเขาเพราะสงสัยว่าเป็นอะไรกับเธอกันแน่ ทำไมถึงมาหาเธอได้ทุกวี่ทุกวัน ไม่เว้นแม้กระทั่งวันหยุด
“ผมไม่สนใจคำพูดของคนอื่น พวกเราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ไม่จำเป็นต้องเก็บเอามาคิดมากให้ปวดหัว”
“อย่าพูดเหมือนเรื่องทุกอย่างมันง่ายไปซะหมดได้ไหม วาดไม่เข้าใจคุณเลยเมคิน ถึงวาดจะรับหนูมีนาเป็นลูกบุญธรรม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสถานะของเราสองคนจะเปลี่ยนไป เราต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องข้องแวะยุ่งเกี่ยวกันเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เหรอ”
“ผมปล่อยให้คุณทำตามใจมาสองปีเต็ม ไม่ได้เข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิตคุณทั้งๆ ที่ผมเองก็มีสิทธิ์ แต่คนที่เป็นฝ่ายกลับเข้ามาในชีวิตผมก่อนคือคุณ ถ้าคุณไม่รับมีนาเป็นลูกบุญธรรม ผมก็คงจะปล่อยเรื่องของพวกเราไป สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ทั้งคุณและผมต่างรู้ดีว่านั่นไม่ใช่อารมณ์เพียงชั่ววูบ ไม่ใช่การกระทำที่ขาดการยั้งคิด หรือคุณจะบอกว่าคุณนอนกับผู้ชายคนไหนก็ได้เพียงเพราะคุณเมา”
“วาดไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น ไม่ได้นอนกับใครก็ได้อย่างที่คุณกล่าวหา”
ปานวาดไม่ชอบใจในคำพูดร้ายกาจของเขา จริงอยู่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเธอมีสติดีและจดจำเรื่องทุกอย่างได้ชัดเจน แต่หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่ได้พบเขาอีกเลย เพราะต้องการลืมเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขา แม้ช่วงหลังเราจะมีโอกาสทำการค้าร่วมกัน แต่เธอก็พยายามหลบเลี่ยงที่จะไม่เจอหน้าเขา…
กระทั่งเขาโทรศัพท์มาหาบอกว่าลูกสาวอยู่ที่บ้านเธอ และเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง เธอจึงตัดสินใจที่จะรับมีนาไว้เป็นบุตรบุญธรรม เพื่อช่วยเหลือเด็กคนนี้ที่กำลังหลงทางให้พบเจอกับทางออกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
...แต่ใครจะคิดว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการกลับเข้ามาพัวพันในชีวิตเธอของเขา!
เมคินเริ่มกลับมาทวงสิทธิ์ความเป็นสามีกับเธอ เรียกร้องความเป็นเจ้าของร่างกายเธอทั้งที่เธอไม่เต็มใจ ถึงตอนนี้เขาจะไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าการมาเยี่ยมเยียนเธอที่บ้าน กินข้าวเย็นด้วยกัน พูดคุยอีกไม่กี่คำก็กลับ แต่เธอรู้สึกเหมือนชีวิตกำลังถูกคุกคาม สายตาคมกริบเร้นลับของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้นทุกที
เขาเปรียบเสมือนหมาป่าที่ซุ่มรอเวลาลงมือและทำราวกับเธอเป็นเหยื่อที่รอให้เขาขย้ำ!
“เพราะผมรู้ว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้นไงถึงได้ทำอย่างนี้ ยอมรอเวลาตั้งสองปีไม่เคลื่อนไหวทำอะไรให้คุณต้องอึดอัดรำคาญใจ”
“แล้วทำไมตอนนี้คุณถึง...”
“คำตอบนั้นคุณเองก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ คุณไม่มีทางปฏิเสธความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจตอนนี้ได้ หรือแม้กระทั่งร่างกายคุณก็ยังตอบสนองต่อสัมผัสของผม แค่ถูกแตะต้องนิดหน่อยก็ปฏิกิริยาแล้ว ที่คุณพยายามถอยห่างจากผม ไม่ใช่ว่าคุณก็รู้อยู่แล้วว่าเหตุผลนั้นมันคืออะไร”
“วะ...วาดไม่รู้อะไรทั้งนั้น” ปานวาดก้มหน้าหลบสายตาจ้องจับผิดของผู้ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ราวกับถูกเขามองทะลุไปถึงจิตใจที่ซ่อนอยู่ข้างใน เธอรู้สึกว่าตัวเองไร้กำลังจะต่อกร ตกเป็นฝ่ายที่ถูกไล่ต้อนอยู่ฝ่ายเดียว
เมคินไม่ปล่อยให้โอกาสโจมตีเล่นงานหัวใจเธอหลุดลอยไป รุกเข้าใส่ต่อทันที
“คุณแค่กลัวว่าถ้าถูกผมสัมผัสไปมากกว่านั้น ปราการที่คุณพยายามสร้างขึ้นมาเพื่อกีดกันผมจะพังทลายลง หัวใจคุณกำลังหวั่นไหวให้กับผม แล้วไม่นานสถานะของเราสองคนจะเปลี่ยนไป”
“ไม่จริง! วาดไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณเลยสักนิด เลิกยุ่งกับวาดสักที เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ อีกอย่างทั้งวาดและคุณก็ยังไม่ลืมคนที่จากไป ยังรักอยู่จนถึงตอนนี้ไม่ลืมเลือน”
“ใช่ ทั้งผมและคุณต่างไม่เคยลืมพวกเขา ต่อให้เวลาผ่านไปอีกกี่สิบปีพวกเขาก็จะสลักอยู่ในความทรงจำ เพียงแต่ตอนนี้ความรู้สึกที่พิเศษกำลังก่อตัวขึ้นในใจของเราสองคน พวกเราไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันคือความรัก นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ผมอยากจะสานต่อให้จบกับคุณ”
“...!”