ตอนที่ 3 วันแปรเปลี่ยน 1/2
“ครับคุณแม่ กำลังจะออกไปแล้วครับ”
วางสายจากมารดาแล้วก็คว้ากระเป๋าเป้มาสะพายหลัง ก่อนจะโน้มตัวลงไปจุมพิตที่หน้าผากคนที่กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียง
“พี่ไปแล้วนะ ตอนเย็นเจอกันนะครับ”
เห็นอีกคนยังหลับปุ๋ยก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งยื่นมือไปบีบจมูกอย่างมันเขี้ยว
“อื้อ พี่ซัน รันจะนอน!”
คนบนเตียงนิ่วหน้า ก่อนจะคว้าหมอนปาใส่คนขี้แกล้งทั้ง ๆ ที่เปลือกตายังปิดสนิท
แสงเหนือเปล่งเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะตัดใจลุกออกมาจากเตียง แต่ไม่ลืมหันกลับไปสั่งเสียงนุ่ม
“พี่ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ให้แล้ว มีอาหารเช้าอยู่ในตู้เย็น เอาออกมาอุ่นเองนะ แล้วอย่าหลับยาวจนไปเรียนไม่ทันล่ะ”
“รู้แล้วคร้าบ” รันลากเสียงยาวก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดใบหน้าแล้วหลับต่อ
แสงเหนือยกยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะรีบก้าวออกไปจากห้องชุดเพราะนัดบิดามารดาเอาไว้ก่อนขึ้นเวรที่โรงพยาบาล
“มาไม่บอกล่วงหน้าอีกแล้วนะครับคุณพ่อคุณแม่” ตัดพ้อพอเป็นพิธี ก่อนจะสวมกอดท่านทั้งสองอย่างคิดถึง
“ก็คุณหมอยุ่งมากนี่นา พ่อกับแม่ก็ต้องอาศัยมาหาที่โรงพยาบาลแบบนี้แหละ”
“ยังเป็นแค่นักศึกษาแพทย์ครับ คุณแม่อย่าเพิ่งเรียกหมอ เดี๋ยวอาจารย์หมอมาได้ยิน ซันจะโดนเล่นงานเอา”
“อีกสองปีก็จบแล้ว เก่งที่สุดเลยลูกแม่” ปิ่นงามยกนิ้วโป้งทั้งสองข้างให้ลูกชาย
“ก็ลูกใครล่ะครับ ผมนายแสงเหนือ วราราช ลูกชายคนเดียวของศาสตราจารย์ ดร.ศรันย์ นักวิทยาศาสตร์ที่เก่งที่สุดในโลก กับ พญ.ปิ่นงาม สูตินรีแพทย์มือหนึ่งของประเทศเชียวนะครับ”
แสงเหนือยืดอกอย่างภาคภูมิใจ ในวันที่ความฝันใกล้จะเป็นจริง เขาฝันอยากเป็นหมอเหมือนมารดา และฉลาดปราดเปรื่องเหมือนบิดาที่มีผลงานวิจัยมากมายจนได้รับการยอมรับในวงการวิทยาศาสตร์
เสียดายที่ท่านทั้งสองบอกว่าจะเกษียณตัวเอง และกลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายในไร่แสนกันดารและห่างไกลความเจริญ
“ว่าแต่ คุณพ่อคุณแม่มีธุระอะไรด่วนหรือเปล่าครับ ถึงได้นัดซันกะทันหันแบบนี้”
แสงเหนือแตะหลังมารดาให้นั่งลงบนโซฟาในร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงพยาบาล ไม่ลืมที่จะหันมาพยุงบิดาให้นั่งลงข้าง ๆ กัน
“พ่อกับแม่จะเดินทางไปไร่แสนรักวันนี้” ศรันย์เป็นคนเอ่ยปากกับลูกชาย
“อ้อ ครับ” แสงเหนือพยักหน้าอย่างรับรู้ ด้วยไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร เพราะท่านทั้งสองก็ขึ้นลงกรุงเทพฯ เชียงรายบ่อย ๆ อยู่แล้ว
“และคงไม่กลับมากรุงเทพฯ อีก”
แต่ประโยคถัดมานั่นต่างหากที่ทำแสงเหนือชะงัก เขาหยัดตัวขึ้นมาจากการนั่งเอนหลังในท่าสบายก่อนหน้า
“คุณพ่อว่ายังไงนะครับ?” ทั้ง ๆ ที่ก็ได้ยินถนัดตั้งแต่ครั้งแรก เพียงแต่อยากฟังซ้ำให้แน่ใจ
“พ่อกับแม่ขายบ้านไปแล้ว เงินครึ่งหนึ่งโอนเข้าบัญชีลูก รวมถึงห้องชุดที่ลูกอยู่ พ่อก็โอนให้เรียบร้อยแล้ว”
นั่นเป็นสิ่งที่แสงเหนือเคยรับรู้มาก่อนหน้าเมื่อหลายปีก่อน บิดาเคยถามว่าหากพวกท่านทั้งสองจะไปอยู่ที่ไร่แสนรัก แสงเหนือจะอยู่บ้านหลังใหญ่คนเดียวได้หรือไม่ วันนั้นเขาปฏิเสธทันที ว่าไม่สามารถดูแลบ้านหลังใหญ่และคนรับใช้อีกสี่ชีวิตได้ เขาอยากใช้ชีวิตในห้องชุดสุดหรูใจกลางเมืองมากกว่า มันกว้างขวาง สะดวกสบาย ใกล้โรงพยาบาล และที่สำคัญ รันชอบที่นั่น
แม้จะใจหาย แต่เขาก็ทำใจไว้นานแล้ว ว่าสักวันพวกท่านจะต้องไปใช้ชีวิตอย่างที่พวกท่านฝัน ส่วนเขาก็ยังยืนยันจะทำตามความฝันของตัวเอง
“ครับ”
แสงเหนือจึงรับคำเพียงสั้น ๆ
“เอาไว้ว่าง ๆ ซันจะขึ้นไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่นะครับ”
“อย่าลืมชวนรันไปด้วยล่ะ” ปิ่นงามยิ้มรับ และไม่ลืมถามถึงคนรักของลูกชาย “แล้วนี่ ไม่ได้บอกน้องใช่ไหมว่าแม่มาหา ไม่อย่างนั้นรันต้องขอตามมาด้วยแน่ ๆ”
“ครับ เมื่อคืนอ่านหนังสือดึก ซันก็เลยให้นอนต่อ ตอนบ่ายรันมีเรียนน่ะครับ”
ยามพูดถึงคนรักมุมปากก็มักจะยกยิ้มอยู่เสมอ ปิ่นงามเห็นลูกชายยิ้มมีความสุข เธอก็ยิ้มตามไปด้วย
“ดูแลกันดี ๆ นะลูก พ่อกับแม่ไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว”
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะครับ เชียงรายอยู่ใกล้แค่นี้เอง เอาไว้ซันจะไปเยี่ยมบ่อย ๆ”
“กลัวว่าคุณหมอจะไม่มีเวลาน่ะสิ เอาที่สะดวกก็แล้วกัน พ่อกับแม่ไม่หายไปไหนหรอก จะยังรอลูกอยู่ที่ไร่แสนรักเสมอ”
“ครับคุณแม่”
“อ้อ…” ปิ่นงามทำท่านึกอะไรบางอย่างได้ เธอควานหามันในกระเป๋าถือ ก่อนจะยื่นมาให้ลูกชาย
“อะไรครับ?”
“โปสต์การ์ดจากแสนดาว”
แสงเหนือรับมาถือไว้ ทอดมองภาพวาดท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างสงสัยในความหมาย
“น้องฝากความคิดถึงมาน่ะ ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัย ซันก็ไม่เคยไปที่ไร่เลยนะ ติดแฟนจนลืมน้อง”
พอถูกมารดาต่อว่า แสงเหนือก็ไพล่คิดถึงเจ้าของโปสต์การ์ด ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยโดนบิดามารดาตำหนิเลยสักครั้ง แต่ตั้งแต่แสนดาวลืมตาขึ้นมาดูโลก ก็ดูเหมือนโลกของเขาจะเปลี่ยนไป จากที่หนึ่งกลายเป็นที่สอง เพราะความขี้อ้อนของแสนดาว
“แสนดื้อ”
แสงเหนือย่นจมูกให้โปสต์การ์ดในมือ หวังสื่อให้เจ้าของมันรับรู้
“เอาละ พ่อกับแม่ต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก”
“ครับคุณพ่อคุณแม่ แล้วซันจะไปหาที่ไร่นะครับ”
หลังแยกย้ายกับบิดามารดา แสงเหนือก็มุ่งหน้าไปโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ แต่เมื่อไปถึง เขากลับพบเพื่อนนักศึกษาแพทย์ที่ขอแลกเวรมาปรากฏตัวอยู่ที่วอร์ด
“โทษทีว่ะ กูลืมบอก”
“ไม่เป็นไรมึง ดีเหมือนกัน วันนี้กูอยากพัก”
เมื่อไม่ต้องขึ้นเวรแทนเพื่อน แสงเหนือก็ยิ้มพราย เขาแวะซื้อของในซูเปอร์มาเก็ต ก่อนจะหอบหิ้วมันกลับห้องชุดที่มีคนขี้เซาหลับใหลอยู่ในนั้น
อาหารเช้าแช่แข็งในตู้เย็นหรือจะสู้ฝีมือเชฟซัน รันมักออกอาการดีใจเวลาที่เขาทำอาหารให้
“เชฟพี่ซันเก่งที่สุดเลยครับ อร่อยมาก”
และรางวัลของเชฟกระทะเล็ก ๆ อย่างแสงเหนือ ก็มักจะเป็นจูบหวาน ๆ หรือไม่ก็บทรักเร่าร้อนบนเตียง
มีเวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาเรียนคลาสบ่ายของนักศึกษาภาควิชาเคมีชั้นปีที่สองคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเดียวกันกับอนาคตนายแพทย์แสงเหนือ เขายกยิ้มมุมปากขณะค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปในห้องชุดพร้อมกับแผนร้ายในหัว
มื้อเช้ากับเซ็กซ์เร่าร้อนเป็นไง แค่คิดก็คึกขึ้นมาทันที
นักศึกษาแพทย์หอบหิ้วอาหารสดไปวางไว้บนโต๊ะกลางครัว ก่อนจะหาผ้ากันเปื้อนสีหวานที่คนรักซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อนมาสวมไว้ เขาเลือกมีดขนาดพอดีมือ ลับคมมันกับเครื่องลับมีดสองสามที แล้วบรรจงหั่นชิ้นเนื้อเป็นลูกเต๋าขนาดพอดีคำ
ปัก ปัก ปัก
เสียงมีดกระทบเขียงไม้ดังเป็นจังหวะตามแรงกด เนื้อสดปริมาณสำหรับสองคนทานถูกหั่นจนหมดแล้วกวาดลงจานเตรียมปรุง
ตับ ตับ ตับ
มีดในมือถูกยกออกจากเขียงไม้แล้ว แล้วเสียงนั่นมาจากไหน? แสงเหนือขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคมกริบกะพริบอย่างครุ่นคิด
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ”