บทที่ 2
โอปอล์ตื่นมาในตอนบ่าย เธอเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ สาวน้อยค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆอย่างไม่คุ้นตา ที่นี่...ไม่ใช่บ้านเดิมของเธอ
ใช่...
ไม่มีบ้านเดิมของเธออีกต่อไปแล้ว
สาวน้อยถอนใจ เมื่อบิดามารดาสิ้นไปในอุบัติเหตุกะทันหัน เธอก็เหมือนถูกรุมทึ้งจากญาติ ทั้งฝั่งบิดาและมารดา พวกเขารุมทวงหนี้สิน และบุญคุณมากมายที่มีจนล้นหัวครอบครัวหล่อน ตอนตายธุรกิจของพวกเขาไปได้ไม่ดีนัก จึงต้องกู้ยืมเงินมากจากญาติๆ มาค้ำจุน พอพวกเขาตาย เหลือไว้เพียงลูกสาวที่ยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย มันก็ทำให้พวกเขาไม่เชื่อว่าหล่อนจะหาเงินมาใช้ให้ได้ มีอะไรที่พอขายได้ มีอะไรที่พอจะเอาคืนมาเป็นการชำระหนี้ได้ จึงมารีดเร้นเอาจากเธอ
ความอ่อนเยาว์ ความตื่นกลัวกับคำขู่ต่างๆ นานา ทำให้สาวน้อย...ต้องเซ็นเอกสารที่ตัวเองไม่ค่อยเข้าใจนัก ว่าเป็นการยกทุกอย่างให้พวกเขาไป เนื้อสดถูกกลุ่มหมาป่ารุมทึ้ง และทิ้งหล่อนไว้ทันที เมื่อหมดความต้องการแล้ว
มีมือคู่หนึ่ง ยื่นมาหาเธอ
มือคู่นั้น คือมือที่คุ้นเคย ว่าเคยโอบอุ้มเธอตอนวัยเยาว์
เธอเคยติดเขามาก
ลุงเต้...
ก่อนที่เขาจะหายไปแทบจะหายห่างไปจากชีวิตเธอเลยก็ว่าได้ เมื่อเธอเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น โอปอล์ถามหาเขาจากบิดาบ้าง โทรคุยกับเขาบ้างตามโอกาส แต่เหมือนลุงเต้ของเธอระยะหลังจะเย็นชากับเธอ และเหมือนจะไม่อยากคุยกับเธอ จนสาวน้อยก็รู้สึก และถอยห่างจากเขา เช่นกัน
เธอเคยน้อยอกน้อยใจ ว่าลุงเต้โกรธเธอหรือเปล่า แต่ก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร มันทำให้เขาทำตัวเหินห่างจากเธอ ไม่ค่อยทัก ไม่ค่อยคุยยามเจอหน้า ยามเธอโผไปเข้าใกล้จะไปกอดเหมือนเคยทำ เขาก็จะทำหน้าดุใส่ และผลักเธอ...ออกมาราวกับเธอเป็นตัวเชื้อโรค
ทว่าทำไมกัน เขากลับมาช่วยเหลือเธอทันที หลังจากงานศพของบิดามารดา พอเขารับรู้ปัญหา เขายื่นมือเข้าช่วยอย่างไม่รีรอ เขาเอาเงินส่วนตัวด้วยซ้ำช่วยชำระหนี้ที่ขาดให้ และรับเธอมาอยู่ด้วย
โอปอล์ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
เธออยากพูดกับเขา...ถึงความในใจที่มีล้นนี่ พูดกับเขา เกี่ยวกับข้อสงสัยต่างๆ เธอจะหาโอกาส คุยกับเขา ว่าที่เขาให้เธอมาอยู่ด้วย มาคุ้มหัวเธอนี่ เพราะอะไรกันนะ
แต่อย่างน้อยเขาคงจะไม่รังเกียจเธออย่างที่เธอเคยคิด ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่รับเธอมาอยู่ด้วยแบบนี้
คิดแบบนี้จึงยิ้มออกมาได้บ้าง
โอปอล์มองนาฬิกา มันเกือบห้าโมงแล้ว เธอล้างหน้าล้างตา รวบผมให้เรียบร้อย มองสำรวจตัวเอง เธออยู่ในชุดไว้ทุกข์สีดำ ชุดที่ออกเดินทางมากับเขา สาวน้อยผลัดเปลี่ยนมันออก เป็นเสื้อยืด กับกางเกงขาสั้น แน่ล่ะยังคงเลือกสีที่เหมาะกับเวลาระยะเศร้าโศกแบบนี้ คือขาวและดำ
"ลุงเต้ ลุงเต้คะ"
เธอร้องเรียกเขา เมื่อเดินลงมายังห้องโถง เสียงเรียกของเธอทำให้แม่บ้านที่กำลังทำงานในครัว ออกมาเมียงมอง เมื่อเห็นแขกของนาย ที่นายสั่งไว้ว่าถ้าหล่อนลงมาก็ให้จัดเตรียมอาหาร และสอบถามความต้องการว่าหล่อนอยากจะได้ขาดเหลืออะไร ให้จัดการให้ตามสั่งด้วย
"พ่อเลี้ยงเข้าไปในเมืองค่ะ สั่งป้าไว้ว่าให้หาข้าวให้คุณหนู"
ป้าพร ตกลงใจเรียกหล่อนว่าแบบนั้น หน้ายังใสดูอ่อนเยาว์ อายุไม่น่าเกินสิบแปด นายของหล่อนไปแอบมีลูกสาวซ่อนไว้หรือเปล่าหนอ...แบบนี้สาวๆ ที่เวียนมาจีบ คงจะพากันระส่ำระส่ายแน่ๆ
"อ้อค่ะ"
"ตั้งโต๊ะเลยไหมคะ"
"เอ่อ..." เสียงท้องร้องเบาๆ ทำให้เธอพยักหน้า โอปอล์ทำความรู้จัก แนะนำตัวกับแม่บ้าน หล่อนคุยกับสาวน้อยเพียงครู่ ก็ขอตัวไปทำงานต่อ
โอปอล์นั่งอยู่ตรงห้องโถงของบ้าน รอเจ้าของบ้าน...อยู่ตรงนั้นจนเกือบสองทุ่ม ชายหนุ่มก็ยังไม่มีวี่แววจะกลับมา เธอลังเลที่จะโทรศัพท์หาเขา แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะกวนเขาเข้า ความห่างกันหลายปี ทำให้เธอไม่ค่อยสนิทกับเขานัก มันประดักประเดิดไปหมด เขาคือสิ่งเหลือเชื่อที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้เจอด้วยซ้ำ เมื่อบิดามารดาเสียชีวิตลง เขาเป็นคนแรกๆ ที่ไปงานของพวกท่าน เป็นคนเดียวที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ
'ไปอยู่กับลุง ปอ ลุงจะดูแลปอเอง'
นัยน์ตาอบอุ่นคู่นั้น ที่มองเธอเหมือนตอนเธอยังสนิทกับเขา มันทำให้สาวน้อยตกลงใจมอบชีวิตของตนไว้ในมือนั้น
เธอคงจะไม่ตัดสินใจผิดใช่ไหม?