บทที่ 1
บทนำ
"เก็บของเรียบร้อยหรือยัง"
เสียงทุ้มเอ่ยถาม ทำให้เด็กสาวที่กำลังนั่งนิ่ง มองข้าวของตรงหน้าอย่างเหม่อๆ สะดุ้ง และหันมามองเขา น้ำตาของเธอปริ่มทำท่าจะหยาดหยดลงมา
"ยังค่ะ ปอ...ปอไม่รู้จะเก็บอะไรบ้าง"
เตชิตเดินเข้าไปหา 'เด็กในปกครอง' ตอนนี้เขาต้องเรียกเด็กสาวตรงหน้าว่าแบบนั้น ลูกสาวของเพื่อนรัก
"มานี่สิ มาหาลุง"
น้ำเสียงนั้น อบอุ่นนัก โอปอล์วิ่งโผไปหาเขา หนุ่มใหญ่กอดเธอไว้ หล่อนร้องไห้กระซิกกับอกเขา เหมือนได้ที่พึ่งพาหัวใจที่แตกสลายและสูญเสีย
"ลุงเต้ ปอ...ปอไม่เหลือใครแล้ว"
"ปอยังมีลุง เราจะเป็นครอบครัวของกันและกัน"
เขาลูบผมหล่อน ร่างเล็กรัดเขาแน่น ความอบอุ่นถ่ายทอดสู่กันและกัน เตชิตก้มลงมองหน้าหล่อนที่ซบกับอกเขา ปัดผมที่ยาวรุ่ยร่ายให้ แล้วประคองหน้าหล่อนให้มองเขา ให้ตาสบตา ให้หล่อนเห็นและเชื่อมั่นในความจริงใจที่เขามีต่อหล่อน ในฐานะ...ผู้คุ้มครอง
"เชื่อลุงนะปอ อยู่กับลุง ลุงจะดูแลปอเป็นอย่างดี"
"ค่ะ ปอไม่มีใครแล้ว นอกจากลุงเต้" เธอฝืนยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา
รอยยิ้มนั่น...
ทำให้หนุ่มใหญ่ใจสั่น เขาปล่อยร่างเล็กออกจากอ้อมแขน แล้วเสไปหันรีหันขวาง เพื่อสำรวจข้าวของในห้องนั้น เพื่อจะช่วยเธอเก็บของย้ายไปจากที่นี่ เขามางานศพของเพื่อนรักทั้งสอง และต้องมาทราบถึงข่าวของลูกสาวคนเดียวของพวกเขา เตชิตไม่ลังเลเลยที่จะออกปาก กางปีกปกป้อง รับเธอเข้ามาคุ้มครองดูแล โอปอล์อยู่ที่บ้านนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เขาจะต้องพาเธอไปอยู่ด้วยกัน
ย้ายเข้าไปในฐานะเด็กในปกครองของเขา
ทำไมตอนมองหน้าเล็กๆ นั่น เขาถึงกลับใจสั่นได้นะ...
ลูกสาวเพื่อนนะไอ้เต้...
เตชิตท่องบอกกับตนเองแบบนั้น
1................
เขาส่งเธอเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้ว ดูแลจนเด็กในปกครองยอมพักผ่อน จึงออกมาจากห้องที่ยกให้เป็นห้องของสมาชิกใหม่ในบ้าน
เตชิต พชร สถานะ พ่อหม้ายเมียหย่า อายุ 40 ปีบริบูรณ์ เจ้าของไร่กาแฟ พชร และรีสอร์ตอีกสองแห่ง อาณาจักรของเขารุ่งเรือง เป็นปึกแผ่น แต่เตชิตยังคงความโสด ตั้งแต่หย่าขาดจากภาวิณี ภรรยาเมื่อหลายปีก่อน หลายคนเพียรพยายามอยากเป็นคุณนายเจ้าของไร่โดยออกนอกหน้า แต่ทว่า เตชิตไม่เคยสนใจใคร
ลือว่าเขาแอบเลี้ยงเด็กบ้าง แอบมีเมียเก็บบ้าง แต่ข่าวลือก็คือข่าวลือ เขาอาจจะเที่ยวบ้างตามประสาผู้ชาย มีคู่ควงบ้าง แต่ก็เป็นอันเข้าใจกันว่า คบกันในระดับไหน ให้กันได้ในระดับไหน ไม่เคยมีใครเข้ามาอยู่ในหัวใจเขายาวนานแล้ว ตั้งแต่รักนั้น...
ไม่ใช่เพราะยังรักปักมั่นกับภรรยาเก่า ที่ตอนนี้คงจะมีชีวิตเป็นดั่งเจ้าหญิงที่ต่างแดนกับสามีใหม่ของเธอ เขาไม่ได้คิดจะย้อนคืนหรือเฝ้ารอเธอแต่อย่างใด ความรักมันหักสะบั้นไปแล้ว หากเพราะเขามุ่งมั่นจะสร้างตัว และเข็ดขยาด นานวันเข้าก็ไม่ได้โหยหา อยากได้ สิ่งที่เรียกว่าความรัก เพราะอย่างอื่นก็เติมเต็มเขาได้ไปจนหมดแล้ว ทำงานวันๆ ก็ยุ่งจนไม่มีเวลาให้ใครแล้ว
และตอนนี้ เขาก็กลายเป็น พ่อ...เพราะมีลูกเข้ามาให้เลี้ยง
คิดแล้วก็ถอนใจนิดๆ
อลงกรณ์บิดาของโอปอล์เป็นเพื่อนสนิทของเขา อลงกรณ์แต่งงานในวัยเพียงแค่ยี่สิบปี เพราะภรรยาท้องในวัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ทั้งคู่ก็ประคับประคองกันไปจนเรียนจบ พวกเขายังเคยวนเวียนไปช่วยเลี้ยง 'ยัยหนู' ยามที่พ่อแม่ต้องทำรายงาน แม่ตัวน้อยเป็นขวัญใจของรุ่น เมื่อเรียนจบก็แยกย้ายกันไปมีชีวิตครอบครัวของตัวเอง แต่เขากับอลงกรณ์และเจนิสายังติดต่อกันไม่ขาด มีบางหนที่งานยุ่งเขาถึงจะไม่ได้ไปหาเพื่อน แต่ก็มักจะมีนัดพบปะกันตลอดเขาเห็นยัยหนูอยู่ในสายตาตลอดเวลา เขาอยู่ที่เชียงรายส่วนเพื่อนทั้งสองเปิดร้านที่เชียงใหม่ ระยะทางไม่ไกลกันนัก ความสัมพันธ์จึงยิ่งกระชับมั่น และเขาก็แทบจะเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของเพื่อน
ยัยหนูเป็นเด็กน่ารัก...
หล่อนเป็นเด็กตาโต ตาสวย ตานั้นดำขลับ ส่งประกายสดใสขนตางอนดกหนาเหมือนตุ๊กตา ปากรูปกระจับอิ่มย้อย แก้มแดงก่ำ เพราะโอปอล์มักจะไม่อยู่นิ่ง วิ่งซุกซนตามประสา ผิวขาวลอออมชมพู ผมของหล่อนยาวหยิกเป็นหลอดๆ หล่อนสวยน่ารักเหมือนตุ๊กตามีชีวิต
เขาเคยอุ้มชูดูแล หอมแก้มแดงๆ นั่นอย่างหมั่นเขี้ยว และไม่คิดอะไร จนหล่อนเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
และวันหนึ่งมันก็ทำให้เขาเริ่มห่าง...จากครอบครัวเพื่อน หรือถ้าจะพบก็ไม่อยากเจอ 'ยัยหนู' พยายามเลี่ยงเสีย
สาเหตุนั้น...เพราะเรื่องวันหนึ่งที่เขาไปเมาหลับตรงโซฟาของบ้านเพื่อน แล้วยัยหนูในวัยสิบสี่ปีเดินลงมาเพื่อหาน้ำดื่ม...หล่อนมาหยอกล้อเขาตามความเคยชิน ทว่า...
ภาพเหตุการณ์นั้นฉายชัดขึ้นในความทรงจำของเขาอีกหน
เขาเกือบ...ระงับตัวเองไม่อยู่
และวันนั้นเขาก็รู้ใจตัวเอง
และตั้งแต่นั้นเขาก็ห่างเหินออกจากยัยหนู...
อา...
หนุ่มใหญ่ถอนใจเฮือกใหญ่
แล้วหลับตาลง เอามือก่ายหน้าผาก เขานั่งอยู่ในท่านั้น จนมีเสียงเรียกจากลูกน้อง เอ่ยทักหาเขา เพราะจะถามเรื่องงาน เตชิตจึงลุกขึ้น แล้วตะโกนตอบกลับ
เขามองไปยังชั้นสองของบ้านเมื่อเดินออกมา
บางสิ่งที่พยายามหนี กลับต้องมาอยู่ใกล้...ใกล้เหลือเกิน