บทที่ 7
มีอยู่ไม่กี่คนหรอกที่เรียกเขาว่าคุณหนู...
เซริวอยากจะวิ่งหนีไปเสียดื้อๆ โอย...ทำไมมันเร็วขนาดนี้กันนะ แต่...ขามันก็...เอ่อ...ค้านว่าจะวิ่งไปไหนล่ะ หนีทีไรก็มีคนเดือดร้อนเพราะเขาทุกที นี่ธงรามคงจะให้ที่อยู่ของเขากับคนพวกนี้มา และ...แน่นอนว่ามาไม่ต่ำกว่าสิบคน เฮ้อ...
ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าตอนนี้คนพวกนั้นกำลังล้อมกรอบเขากลุ่มใหญ่เลยล่ะ
“เข้ามาได้ยังไงกัน?”
เขาถามเสียงขรึมๆ คีย์การ์ดถูกยื่นมาแปะแทบจะจ่อลูกตา ทำให้เขาผงะแล้วหันขวับไปอย่างไม่ตั้งใจ
นั่นไง...
ลูกกรงตามเขามาถึงที่จริงๆ
“นายให้ซื้อห้องใกล้ๆ กับคุณธงรามไว้ เผื่อว่าคุณหนูจะแวะมาที่นี่ เราจะได้เข้ามาง่ายๆ ไม่เอิกเกริก” คนที่ยื่นคีย์การ์ดให้เขายิ้มเต็มที่ จนเห็นฟันเขี้ยวข้างหนึ่งที่ฝังเพชร ผมเสยขึ้นพร้อมกับเซตทรงอย่างดี นัยน์ตายาวรีมองเขาเปล่งประกายระยับยิ้ม เห็นแล้วอยากจะเอากำปั้นกระแทกเอาสักที ชายหนุ่มคิดอย่างเคืองๆ ซึ่งถ้าเขาจะทำก็คงจะทำได้ ฝ่ายนั้นก็คงจะได้แค่ยักคิ้วให้ เช็ดเลือด แล้วโค้ง...
ถ้าจะทำเพื่อระบายอารมณ์ เขาไม่ทำดีกว่า เฮ้อ...
“แห่กันมาเป็นสิบแบบนี้ ยามไม่ตกใจเหรอ?”
“มาแค่ห้าครับคุณหนู แต่ถ้าคุณหนูไม่ยอมไป เราค่อยเอามาอีกยี่สิบ”
“ขู่แบบนั้น...” เซริวมองมือขวาของบิดา ที่ยังคงยิ้มรื่นให้เขา “ต้องทำใช่มะ”
“ก็รู้อยู่แล้วนี่ครับ”
“แล้วกลับไป จะต้องไปทำอะไร”
เซริวถามลอยๆ เบื่อหน่ายจริงจัง เขาโบกมือไล่ไม่ให้คนอื่นขึ้นไปด้วย เหลือแค่เขากับอิชิกาวะ ชายร่างยักษ์ที่เป็นมือขวาของพ่อของเขา
ส่งคนนี้มาเสียด้วย ทำไมไม่ส่งอีกคนมาหว่า...ถ้าเป็นโตกาวะ ก็ยังจะพอคุยกันได้
“แต่งงาน”
“ห๊า!”
“ไม่ต้องหาหรอกครับคุณหนู ต้องแต่งแล้ว ทางนั้นจัดแผนงานคร่าวๆ ไว้รอแล้ว มาหาทางนายทุกวันด้วย เร่งเหลือเกินครับคุณหนู”
“เฮ้ย!”
“ไม่ต้องเฮ้ยหรอกครับคุณหนู นายท่านสั่งมาแล้วว่า...เอ่อ...ต้องมาพากลับไปให้ได้ ยกเว้นคุณหนูจะมีเรื่องอะไร”
“หมายความว่าอะไรคุณอิชิกาวะ”
เขาขมวดคิ้ว แล้วมองชายร่างยักษ์ตรงหน้า อิชิกาวะมือขวาของพ่อเขา เป็นคนทั้งบู๊และบุ๋น แต่คนส่วนมากจะเห็นแต่ด้านบู๊ ว่าดุเดือดเลือดพล่านขนาดไหน เขาเป็นศิลปินประจำแก๊งอีกด้วย เพราะเป็นคนสักสัญลักษณ์แก๊งให้กับทุกคน และเป็นคนสอนเซริวเกี่ยวกับศิลปะป้องกันตัวเกือบทุกแขนงที่เขาถนัด เซริวเรียนรู้ได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เก่งถูกใจบิดา รู้กันระหว่างเขากับอิชิกาวะว่าเขาทำได้ดีกว่าที่แสดงให้บิดาเห็น แต่แกล้งทำเป็นอ่อนมือแบบนั้นเพราะอะไร
“เป็นต้นว่า...”
ถึงจะเป็นมือขวาของพ่อ แต่กับเซริวเขาเลี้ยงมาแต่เล็กๆ สอนมาแต่ตัวจ้อย คลุกคลีอยู่ด้วยกันยิ่งกว่าลูกจริงๆ ของเขาที่มีเกือบครึ่งโหลเสียอีก นับเฉพาะลูกนะ ส่วนเมีย แน่ล่ะ อิชิกาวะปลอดเมีย ยังโสด เพราะเขาไม่ได้รับใครเป็นเมียจริงจังสักคน
“คุณหนูมีเมียแล้ว ซุ่มเมียไว้ที่นี่ อะไรแบบนี้น่ะครับ ยิ่งถ้าเมียกำลังท้องยิ่งมีข้ออ้างใหญ่เลยเข้าใจไหมครับคุณหนู
“หื้อ...” มองหน้าพี่เลี้ยงของตนแล้วก็ได้แต่กลั้นยิ้ม
“นี่คุณอิชิกาวะคิดอะไรแบบนี้เป็นด้วยหรือครับ”
“เราจะอ้างอะไรล่ะคุณหนูที่จะหนีได้ นอกจากอ้างเรื่องแบบนั้น คุณหนูก็ดันเรียบร้อยจนเกินงาม จนนายท่านกลัวว่าจะเป็นเกย์ไปแล้ว หัดโลดโผนหน่อยก็ไม่ได้”
“จะได้มีเมียเกือบร้อยคนแบบอิชิกาวะน่ะเหรอ” เซริวทำตาโตอย่าจงใจล้อเลียน
“ไม่ไหวนะครับ”
“ร้อยคนที่ไหนกัน พูดมากจริงๆ” อิชิกาวะหัวเราะก๊าก แล้วก็ทำหน้าขรึมแบบเดิม
“อย่ามัวแต่มาพูดล้อเล่นอะไรกันเลยครับ งานนี้เอาจริงนะครับคุณหนู”
“แล้วจะทำยังไงดีหว่า”
เซริวบ่นพึมพำ เขาก้มหน้าลงเห็นถุงพลาสติกที่ใส่ของมาให้ฟ้าใหม่พอดี ก็ขมวดคิ้ว พลางเริ่มคิดตามอิชิกาวะ
“ผมเอ่อ...พอจะคิดได้แล้วล่ะคุณอิชิกาวะ แต่ว่า คุณอิชิกาวะกับลูกน้องจะต้องช่วยอะไรผมนิดหน่อย เราจะได้ตัวละครหลักเป็นเมียผมไปยืนยันกับพ่อด้วยกัน”
....................................................................................................................................................................
ฟ้าใหม่เริ่มหยุดร้องไห้ได้ในที่สุด หลังจากคิดทบทวนถึงเรื่องทั้งหมด เธอเห็นรอยเปื้อนเลือดจางๆ บนเตียงก็ยิ่งปวดใจ ดีที่พ่อแม่ของเธอท่านไปเที่ยวต่างประเทศกัน เธอไม่กล้าสู้หน้าพวกท่าน ก็คงจะต้องขอเวลานิดหนึ่งเพื่อจะลืมเรื่องเมื่อคืนนี้
เฮ้อ...
เพราะความอยากรู้อยากลอง อุตริกินเหล้าแท้ๆ เลย ที่ทำให้ชีวิตเธอเสียศูนย์ไปหมดแบบนี้ ดีที่คนที่เป็นลูกค้าเธอเมื่อคืน...เขาค่อนข้างอ่อนโยนกับเธอ...สุภาพกับเธอ ถ้าไม่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง
จะว่าเขาข่มขืนเธอเสียเลยก็ไม่ถูกต้องนักหรอก
คิดแล้วจู่ๆ แก้มสาวก็แดงเรื่อ เมื่อบางภาพหวนคืนมาในความทรงจำ แม้จะไม่ชัด ไม่ปะติดปะต่อ แต่มันก็...โอย...เขายิ่งไม่ได้ขี้เหร่ หน้าตาดูดีมาก ละม้ายคล้ายกับดาราชายที่เธอยกให้เป็นขวัญใจอีกต่างหาก เมื่อต้องตา ก็ไม่ยากที่จะต้องใจ...
อะไรกันนะยัยฟิน
ได้แต่ปรามตัวเองให้ไม่คิด เธอสั่นหน้าน้อยๆ แล้วลุกขึ้นจากที่นอนใช้ผ้าห่มพันตัวเข้าไปในห้องน้ำเพราะตัวเองเปลือยเปล่า ตัดสินใจอาบน้ำรอเขา เนื้อตัวเธอเหนียวเหนอะไปหมดแล้วตอนนี้ ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้อีกแล้ว เธอยังไม่อยากเจอหน้าใคร โดยเฉพาะอาโป แม้กระทั่งโทรศัพท์ยังไม่หยิบขึ้นมา เพราะเพื่อนอีกสองคนคงจะตกใจที่เธอหายตัวไป
อาโป
ทำไมต้องทำแบบนี้กับเธอด้วยนะ
คิดแล้วก็เผลอน้ำตาตก เธอเสียใจเรื่องเพื่อนมากกว่าเรื่องที่เธอเสียความบริสุทธิ์ให้คนแปลกหน้าเสียอีก เธอรักและไว้ใจเพื่อนทุกคน ทำไมอาโปทำแบบนั้นกับเธอกันนะ แต่เธอเกรงว่าคำตอบจะยิ่งทำให้เธอยิ่งเสียใจ
ช่างเถอะ
ถือไว้ว่าเป็นบทเรียน
ตอนนี้คิดแค่ว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไป แต่คงไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ ฟ้าใหม่เกิดความระแวงไปจนถึงเพื่อนอีกสองคน แม้จะเตือนตัวเองว่าปลาเน่าตัวเดียวคงจะไม่เหม็นไปทั้งข้องหรอก แต่ทั้งพิมพ์พรและจิรดาก็คะยั้นคะยอให้เธอมาเที่ยว มาค้าง และมาดื่มเหมือนกับอาโป
ต่อไปนี้เธอจะเป็นแบบนี้ไหมนะ คือไม่ไว้ใจใครอีกเลย
คิดแล้วก็ถอนใจ ขัดถูทำความสะอาดตัวเองไปด้วย เธอใช้ผ้าเช็ดตัวที่เจอในห้องน้ำพันกายไว้แล้วออกมาจากห้อง เสื้อผ้าของเธอเกลื่อนไปทั่วพื้น ฟ้าใหม่หน้าแดงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ากางเกงในลูกไม้เนื้อบางจ๋อยของเธอขาด
จะรุนแรงอะไรขนาดนั้นนะ
คิดพลางย่นจมูกน้อยๆ ถ้าไม่รุนแรงเธอจะเจ็บเหรอ? ฟ้าใหม่คิดแล้วหน้าแดงเรื่อ เธอจำได้ไม่ปะติดปะต่อนักหรอก แต่เขาช่างน่ารักและเร้าอารมณ์เหลือเกิน
ตายแล้ว...
เพราะเค้าหน้าตาเหมือนไอดอลของเธอหรือเปล่าหนอ จิตใจเธอถึงได้พะวงหลงคิดแต่เรื่อง...กับผู้ชายคนนี้
เสียใจสักนิดสิยัยฟิน
ก็เสียใจนะที่เพื่อนรักหักหลัง
เสียใจนะที่เสียจิ้น
แต่ในความเสียใจก็อย่างน้อยก็มีอะไรดีๆ คือเธอเสียจิ้นให้กับผู้ชายคนนี้น่ะสิ
คิดแล้วก็หน้าแดง ใจหายเล็กน้อยเมื่อคิดว่าคงจะเจอเขาแค่หนเดียวนี่ล่ะ ก็เก็บไว้เป็นประสบการณ์ก็แล้วกัน เธอคงไม่กล้าติดต่ออะไรกับเขา ก็เขาบอกเองว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน คงไม่อยากจะมาติดต่อสนใจอะไรกับเธอหรอก เขาอาจจะมีแฟนหรือภรรยาอยู่แล้วก็เป็นได้
แล้วทำไมเราจะต้องหวังให้เขาติดต่อมาด้วยนะ
หญิงสาวแต่งตัวเสร็จพอดี แอบหนีบขาเข้าหากันเพราะความรู้สึกเย็นๆ แปลกๆ กางเกงในลูกไม้ของเธอขาดตรงสายริบบิ้นที่ใช้มัด นั่นล่ะ...อยากใส่กางเกงในแบบน่ารักเซ็กซี่ดีนัก มันแข็งแรงที่ไหนกัน เธอเลยไม่ได้ใส่อะไรเลยนอกจากมีกระโปรงคลุมไว้ โอ...โหวงเหวง เย็นวิเวก อายพิกล
วันนี้มีประสบการณ์มากมายจริงๆ เลยฉัน แค่ก้าวออกบ้าน เฮ้อ...
เมาเหล้า โดนเพื่อนทรยศ โดนเพื่อนเอาไปขาย โดนผู้ชายปล้นเวอร์จิ้น แถมท้าย ด้วยการไม่ใส่กางเกงในเดินไปเดินมา
แง๊!
เสียงออดดังขึ้น ทำให้เธอสะดุ้งก่อนจะเดินหนีบขาด้วยท่าแปลกๆ ไปเปิดประตูให้กับเจ้าของห้อง
“เอ่อ..ฟินว่า...ว้าย!” ตอนแรกตั้งใจจะคุยบอกกับเขาว่าเธอจะขอกลับบ้าน และให้เขาลืมๆ เธอไป เธอไม่เอาเรื่องเอาราวใดๆ กับใครทั้งสิ้น แต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ทุกอย่างก็คืนกลับเข้าไปในสมองเธอ หลงเหลือเพียงแค่การตกตะลึง
“ฟิน...เอ่อ...ช่วยผมด้วย”
ภาพที่เธอเห็น คือเซริวถูกปืนจ่อที่หัวโดยยักษ์! ไม่สิผู้ชายตัวใหญ่มาก โอ...เขาสูงเกินสองเมตรไหมนั่น พ่อยักษ์ปักลั่นนั่นมองเธอด้วยสายตาที่ทำให้เธอขนลุกซู่
“ไปขึ้นรถด้วยกัน อีหนู ถ้าไม่อยากตายทั้งโคตร”
เอ่อ...
เพิ่มในรายการสิ่งที่ฉันเผชิญในวันที่ออกจากบ้านไปอีกหนึ่งข้อ
โดนยากูซ่าเอาปืนจี้
แง๊!