ไล่ล่า
ด้วยเป็นพื้นที่ในเขตไร่ของตนเองทำให้พ่อเลี้ยงเดินทางไปถึงจุดหมายได้ในเวลาไม่นาน แสงเพลิงจากกองไฟส่องสว่างให้เห็น ภาพกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนตรงหน้า ดูก็รู้ว่าไม่ได้มาดีแน่ ๆ ใบหน้าหล่อคมหรี่ตาจ้องพินิจมองภาพตรงหน้า เห็นร่างคนสี่ร่างนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น คาดว่าทั้งหมดน่าจะเป็นนักท่องเที่ยว ยังมีคนของเขาที่ถูกจับมัดเป็นตัวประกันให้พวกมันเค้นถาม
พ่อเลี้ยงคิมหันต์พยายามแง้มหูฟังว่าพวกมันกำลังทำอะไร จนพอจับใจความได้รู้ว่ามันกำลังตามหาคน ซึ่งหากเดาไม่ผิดต้องมีหนึ่งคนในกลุ่มนักท่องเที่ยวรอดไปได้ เขาเริ่มคิดแล้วคำนวณจากจุดที่พวกมันอยู่และจุดที่ตัวเองอยู่ก็พอจะเดาได้ว่าคนที่พวกมันตามหาหนีไปทางไหน
“เอาไงดีครับพ่อเลี้ยง” โชคดีลูกน้องคนสนิทถามเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ดี
“โทรแจ้งตำรวจ แล้วรอคนอื่นอยู่ที่นี่ ถ้ามาถึงแล้วให้ ตามหาช่วยคนของเราที่เหลือคงซ่อนตัวกันอยู่แถวนี้ อีกส่วนแยกให้ตามไปจุดชมวิวด้านหลัง”
“แล้วพ่อเลี้ยงละครับ”
“ฉันจะเข้าไปช่วยคนก่อน คิดว่าหนีไปทางนั้นแน่ ส่วนมึงไอ้โชคระวังตัวด้วย”
“แต่...มันอันตรายมากนะครับ รอคนของเรามาก่อนแล้วไปพร้อมกันเถอะครับพ่อเลี้ยง”
“รอไม่ได้กลางคืนในป่าอันตราย ถ้าพวกนั้นเจอตัวก่อน นักท่องเที่ยวคนนั้นไม่รอดแน่”
“พ่อเลี้ยงครับมัน….”
ไม่ฟังคำทัดทานใดต่อ ขายาวแข็งแรงก้าวเดินตรงไปด้านหน้าด้วยความรวดเร็วแต่ระมัดระวังรอบคอบทุกย่างก้าว ด้วยชำนาญพื้นที่ ในที่สุดก็เจอเป้าหมายที่หลบอยู่ไม่ไกลจากแสงไฟที่ส่องไปมาจากพวกนั้น
อังวรีหัวใจเต้นแรงเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาใกล้ ใกล้มากขึ้นเรื่องๆ เธอทำได้เพียงหมอบตัวหลบให้ต่ำที่สุดเท่าที่ทำได้ ถึงจะหวาดกลัวแต่ยังพยายามมีสติไม่ส่งเสียงทำราวกับตัวเองไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้
“หาให้ทั่วหาจนกว่าจะเจอ กลางป่ากลางเขามืดสนิทขนาดนี้ มันหนีไปได้ไม่ไกลหรอก”
หนึ่งในนั้นตะโกนบอก ระหว่างที่หญิงสาวกำลังจดจ่อลุ้นระทึกอยู่กับพวกมันที่เดินผ่านไปมาด้านหน้า เหนือจากที่ซ่อนตัวไม่มาก ด้านหลังก็มีชายอีกคนเดินเข้ามาประกบตัวจากทางด้านหลัง มือใหญ่สากยื่นปิดปากคนตรงหน้าแน่นสนิทก่อนคนตกใจจะหลุดเสียงร้องดังออกไปเสียก่อน
“ถ้าไม่อยากถูกพวกนั้นจับได้ก็เงียบเสียงไว้”
เสียงเข้มดุกระซิบบอกให้ได้ยินกันสองคน ไม่รู้ว่าเขาคนนี้เป็นคนดีหรือว่าเป็นพวกเดียวกันกับพวกนั้น แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากนิ่งไว้
คืนนี้เป็นคืนเดือนหงายยิ่งดึกยิ่งสว่างหากไม่ได้อยู่ใต้ต้นไม้กลางป่าใหญ่เลยพอให้มองเห็นเงาเลือนรางด้านหน้า เขาเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่กว่าเธอมาก อังวรีพยายามเพ่งพินิจพิจารณามองใบหน้าผ่านความมืดแต่ก็มองได้ไม่ชัดอยู่ดี
ด้านพ่อเลี้ยงจากที่ได้สัมผัสพินิจมอง คนเบื้องหน้ามีผมยาวปะบ่า ตัวบางเล็กสูงแค่บ่าเขาเท่านั้น และจากที่มืออีกข้างสัมผัสโดนเข้ากับความนุ่มนิ่มเต่งตึงอย่างไม่ตั้งใจ รู้ในทันทีว่าเธอเป็นผู้หญิง
ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ผิวนุ่มตัวหอมเอามากๆเสียด้วยน่าจะเป็นคนเมืองกรุง เห็นหญิงสาวจ้องตนเองอยู่นานจึงจ้องกลับบ้าง อย่างที่คิดหญิงสาวไม่ได้ไว้ใจเขา พอเห็นพวกนั้นเดินห่างไปไกล เธอใช้จังหวะที่เผลอวิ่งหนีไปอีกทาง
“บ้าเอ๊ย”
เสียงเข้มสบถอย่างหัวเสียรีบวิ่งตามคว้าแขนเล็กดึงร่างคนตัวเล็กให้นอนหมอบราบลงกับพื้น การขยับตัวของหญิงสาวเมื่อครู่ทำให้พวกนั้นรู้ตัวและวิ่งกลับมายังจุดที่เธอและเขาอยู่ทันที
ปัง! ปัง! ปัง!
หนึ่งในนั้นยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ มือหนารีบปิดปากเธอไว้แน่นไม่ให้หลุดเสียงร้องออกไป
“ถ้าอยากรอดก็อย่าร้อง อย่าวิ่งหนี อยู่ใกล้ผมไว้ ผมมาช่วยเข้าใจมั้ย” อังวรีพยักหน้า
“หากมีโอกาสให้คุณวิ่งไปทางโน้น ทางนั้นเป็นเหวไม่มีทางหนี ผมจะปล่อยมือคุณห้ามส่งเสียง ไม่อย่างนั้นเราจะตายด้วยกันทั้งคู่ เข้าใจมั้ย”
พ่อเลี้ยงบอกชี้ทางพร้อมอธิบาย ก่อนย้ำให้อีกฝ่ายเข้าใจตรงกัน เมื่อเห็นหญิงสาวพยักหน้ารับรู้จึงปล่อยให้เป็นอิสระ
“กูรู้ว่ามึงอยู่แถวนี้ อย่าหนีเลย ยังไงก็หนีไม่รอด เอาของของพวกกูคืนมาแล้วกูจะปล่อยมึงไป” ชายคนหนึ่งตะโกนขู่เสียงดังลั่นป่า
“ไม่เจออะไรเลยพี่ น่าจะเป็นสัตว์ป่า”
“เจอสัตว์ก็ยิง เจอคนก็ยิง ไม่ต้องสน แยกกันไปดูทางโน้น ข้างหน้าเป็นหน้าผาแล้วยังไงมันก็ต้องอยู่แถวนี้แหละ”
พอพวกมันถอยห่างไปไกลอีกครั้ง ทั้งสองพยายามลุกและเดินหลบไปอีกทาง แต่ด้วยความมืดของป่าที่ปกคลุม บวกกับความไม่เคยชินทำให้หญิงสาว เหยียบโดนเศษกิ่งไม้เกิดเป็นเสียงดังจนพวกมันรู้ตัวอีกทั้ง
“นั่น มันอยู่ทางนั้น”