ตอนที่ 2
“เป็นยังไงบ้าง เซร่า?” ฮิเดกิถามทันทีที่เห็นหญิงสาวเปิดประตูออกมาจากห้องตรวจ
“สบายมาก” หญิงสาวยิ้มและทำนิ้วเป็นรูปตัววี ฮิเดกิถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เดี๋ยวไปรับยาแล้วก็กลับบ้านได้เลยน่ะ”
“เธอรอตรงนี้ล่ะ เดี๋ยวฉันไปเอาเอง” ฮิเดกิบอกพร้อมกับเดินตรงไปที่เค้าท์เตอร์ทันที
“หมอว่ายังไงบ้าง?” คิมหันต์ถามทันทีที่เธอนั่งลงเคียงข้าง
“ก็......ดีน่ะ” เซร่าตอบคำถามแบบกำกวม
“ก็ดี? หมายความว่ายังไง?” คิมหันต์ขมวดคิ้ว และจ้องเธอเขม็ง
“ก็....คือ....”
เซร่าอึกอักไม่สามารถตอบคำถามของเขาได้ ยามอยู่ต่อหน้าชายหนุ่ม เธอรู้สึกไม่สามารถโกหกอะไรเขาได้เลย
“บอกมา” คิมหันต์ถามเสียงเข้ม
“แหะๆ คือว่า......” เซร่ายิ้มแห้งๆ ก่อนเล่าเรื่องให้เขาฟัง
“เธอนี่นะ.......”
“อะไร? ฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันคิดถูกแล้ว นายจะว่าอะไรอีกล่ะ”
“เฮ้อ....ไอ้โรคดื้อของเธอนี่ ชาตินี้ไม่มีทางรักษาหายแน่” คิมหันต์เอานิ้วจิ้มไปที่หน้าผากหญิงสาวสองที
“โอ๊ย อะไรล่ะ” เซร่าทำหน้ายู่
“ฉันจะคอยดูแลเธอเองแล้วกัน” คิมหันต์ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ในความดื้อรั้นของเธอ
“นายเนี่ยนะ?” เซร่าหันไปมองเขา ตาโต
“ทำไม คิดว่าฉันดูแลไม่ได้รึไง?” คิมหันต์เลิกคิ้วกวนๆ
“ก็นาย.. ช่างเถอะ”
“อะไร? มีอะไรก็พูดมาสิ”
“เปล่าซะหน่อย” เซร่าพึมพำเบาๆ
“เออจริงสิ ทำไมตอนนั้นคุณเหมกับออยเฟ่ย์ถึงหนีรอดมาได้น่ะ”
“อ้อ เรื่องนั้น เหมเล่าว่า.....”
“การหนีของพวกคุณทั้งคู่ ต้องจบลงเพียงเท่านี้ล่ะ....”
ชายหน้าบากพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม พร้อมกับยกปืนส่องไปที่ศีรษะของชายหนุ่ม โดยที่เขาจ้องมองกลับอย่างไม่เกรงกลัว
“ลาก่อน”
“ไม่นะ!!!!!!!!!!!”
ปัง!!!!
เหมันต์หลับตาเตรียมใจรอรับความตาย ออยเฟ่ย์กรีดร้องและโผเข้ากอดชายหนุ่มไว้ พร้อมกับเสียงปืนที่ดังก้อง เหมันต์และออยเฟ่ย์กอดกันแน่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อรู้สึกว่าไม่รู้สึกเจ็บจากเสียงปืนเมื่อครู่
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็คือ ชายหน้าบากทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น ส่วนปืนตกอยู่ด้านข้าง บรรดาตำรวจลับที่ติดตามสืบหาเหมันต์ต่างโผล่ออกจากที่ซ่อนในป่าทีละคน
เหมันต์และออยเฟ่ย์มีสีหน้างุนงงท่ามกลางตำรวจลับที่ตรงเข้าจับชายหน้าบากและบรรดาลูกน้อง
“ไม่ต้องห่วงนะครับ พวกคุณปลอดภัยแล้ว”
พวกเขาทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทันทีที่สิ้นเสียงของตำรวจ เหมันต์และออยเฟ่ย์กอดกันแน่นอย่างดีใจที่พวกเขารอดตายมาได้
“หลังจากนั้นตำรวจก็พาพวกเขาพามาส่งที่บริษัทเปริยอง......แล้วเรื่องต่อจากนั้น ก็อย่างที่พวกเรารู้นั่นล่ะ”
“มิน่าล่ะ คุณเหมถึงโทรมเชียว” เซร่าพึมพำ
“เหมไม่ได้เล่าให้เธอฟังรึ?”
“เปล่าน่ะ...วันนั้นคุณเหมแค่.....” เซร่าสั่นศีรษะเป็นเชิงปฏิเสธก่อนจะชะงักไปเล็กน้อย
“แค่อะไร?” คิมหันต์ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความขุ่นมัว เพราะเซร่าชอบพูดติดขัดทำให้เขาต้องตั้งคำถามต่อเสมอ
“คุณเหมแค่แวะมาทักทายเท่านั้นล่ะ” เซร่ารีบบอกปัด
“ฉันว่า น่าจะมีอะไรมากกว่านั้นนะ” คิมหันต์หรี่ตามองอย่างรู้ทัน
“นายคิดมากไปรึเปล่า” เซร่าพูดจาแก้ตัวตะกุกตะกัก ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อน
“แน่นะ?” คิมหันต์ย้ำเสียงเข้ม
“แน่สิ!” เซร่ายืนยันเสียงแข็งขัน
“ถ้าฉันรู้ว่าเธอปิดบังอะไรไว้ล่ะก็...”
“อะไรล่ะ”
“ฉันจะปิดปากเธอไม่ให้พูดเรื่องอะไรอีกเลย”
คิมหันต์คาดโทษ พร้อมกับเอามือหยิกไปที่แก้มทั้งสองข้างของหญิงสาว และดึงไปมาเบาๆ
“โอ๊ยยย ฉันพูดหมดแล้วว” เซร่าโอดครวญ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
ขณะที่ทั้งสองคนนั่งคุยเรื่องสัพเพเหระรวมไปถึงเรื่องเปิดเทอมวันพรุ่งนี้ ทั้งคู่จึงไม่ทันสังเกตเห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนมองตรงมาจากฝั่งตรงข้าม จวบจนกระทั่งฮิเดกิเดินกลับมาหา ทั้งหมดจึงพากันแยกย้ายกลับบ้าน
สายตาของหญิงสาวคนนั้น จับจ้องไปที่คิมหันต์ ก่อนที่เธอจะเดินหายเข้าไปยังห้องตรวจสุขภาพของหมอชาร์ลตัน
วันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียน Saint Helena คึกคักและเต็มไปด้วยนักเรียนที่มาแต่เช้า เพราะอยากเจอเพื่อน นักเรียนต่างพากันจับกลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ หรือสิ่งที่ทำในช่วงปิดภาคเรียน
พวกเซร่าก็เหมือนกัน แม้ช่วงปิดเทอมพวกเขาจะเจอเหตุการณ์ตื่นเต้นและเฉียดตายร่วมกันมา วันนี้พวกเขาก็ยังอดที่จะพูดถึงเหตุการณ์นั้นอีกครั้งไม่ได้
“เฮ้อ....ไม่อยากเชื่อเลยเนอะ ว่าช่วงปิดเทอมพวกเราจะเจออะไรที่แปลกกว่าชาวบ้านน่ะ” เอริโกะพึมพำขึ้นมาลอยๆ
“นั่นสิ คงไม่มีใครเหมือนพวกเราอีกแล้วล่ะ”
“ไหนจะต้องเจอกับคนที่ลักพาตัวประธานฯ ไหนจะไอ้เจ้าตัวสัตว์ประหลาดที่อยู่ในถ้ำ แล้วยังต้องจับไอ้คาร์ลอสอีก โอย..คงไม่มีใครเจอแบบนี้เหมือนพวกเราแน่ๆ เลย” ฮิเดกิสนับสนุนคำพูดของเอริโกะ
“นายไม่ใช่คนเสี่ยงตายเสียหน่อย” เอริโกะค่อนขอด
“เหมือนกันล่ะน่ะ” ฮิเดกิเถียง
“ตรงไหน?” เอริโกะยักคิ้วกวนๆ
“เอ๊ะ ยัยคนนี้นี่”
“เลิกเถียงกันได้แล้ว” เซร่ายื่นมือออกไปคั่นกลางระหว่างสองคน
“แต่ฉันเกือบเป็นลมนะ ตอนที่เธอวิ่งกลับไปช่วยคิมหันต์น่ะ” เอริโกะเปลี่ยนเรื่องทันที
“นั่นสิ คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ” ฮิเดกิผสมโรงด้วย
“อ้าว ไหงมาว่าฉันคนเดียวล่ะ”
“เธอก็รู้ว่าไม่ควร” ฮิเดกิหรี่ตามองรู้ทัน
“ก็..ฉันแค่คิดว่า คิมคงตายยาก ฉันเลยวิ่งกลับเข้าไปช่วยน่ะ”