ตอนที่ 13
หมอชาร์ลตันมีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อได้ผลการตรวจ ใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง ทำให้ให้ฮิเดกิรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก ชายหนุ่มเดินวนไปมาด้วยความวิตก เขาได้แต่เฝ้าภาวนาอย่าให้พระเจ้าได้พรากสิ่งที่รักและหวงแหนมากที่สุดของเขาไปเลย
“อาการของเซร่าเป็นยังไงบ้างครับ” ฮิเดกิถามด้วยความร้อนใจทันทีที่เห็นหมอชาร์ลตันตรวจร่างกายของเซร่าเสร็จ
“แย่มาก หัวใจเต้นเร็วและถี่มากเกินไป ดูเหมือนได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจค่อนข้างมาก....”
“ถ้าพาเซร่ามาหาผมช้ากว่านี้อีกนิด....หัวใจของเธออาจจะหยุดเต้นไปเลยก็ได้” หมอชาร์ลตันอธิบายเสียงเคร่งขรึม
“แล้วตอนนี้.....”
“ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว...แต่วันนี้ต้องค้างที่โรงพยาบาลนะ ขอผมดูอาการของเธอให้แน่ใจเสียก่อน ค่อยให้เธอกลับบ้านได้” หมอชาร์ลตันนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะบอกให้ฮิเดกิรับทราบ
“แล้วแบบนี้....เธอ...เอ่อ..เซร่าจะกลับไปเรียนได้อีกรึเปล่าครับ?” ฮิเดกิถามหมอชาร์ลตันอย่างเกรงๆ
“อาการแย่ขนาดนี้ ยังคิดจะให้เซร่ากลับไปเรียนอีกงั้นเหรอ? ผมเคยบอกแล้วว่าอย่าให้มีอะไรมากระทบจิตใจหรือทำกิจกรรมอะไรที่ส่งผลให้หัวใจเต้นรัว อาจทำให้เกิดหัวใจวายได้....”
หมอชาร์ลตันพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว เพราะเขารักและเอ็นดูหญิงสาวเหมือนกับลูกสาวของเขาคนหนึ่ง ทำให้เขาไม่อยากให้เธอต้องมาจากไปก่อนวัยอันสมควร สิ่งที่เขาพูดทำให้ฮิเดกินิ่งอึ้งไปทันที
“แต่เซร่า...”
“เอาล่ะ ผมรู้ดีว่านิสัยของเซร่าเป็นอย่างไร ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาเราค่อยพูดเรื่องนี้กันอีกทีก็แล้วกัน” หมอชาร์ลตันตัดบท ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“เอ่อ..หมอครับ” ฮิเดกินึกบางอย่างขึ้นได้
“มีอะไรอีกหรือ?”
“ผมอยากทราบว่า..เอ่อ..การที่เซร่าเป็นโรคหัวใจแบบนี้..เธอจะสามารถมีความรักได้หรือไม่ครับ?”
ฮิเดกิค่อยๆ ถามอย่างระมัดระวัง คำถามของเขาทำให้หมอชาร์ลตันนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งอย่างครุ่นคิด
“อืม...ผมไม่แนะนำให้มีความรักนะ เพราะความรู้สึกของความรักมันรุนแรงมาก ไม่ว่าเธอจะสมหวังหรือผิดหวัง ความรู้สึกทั้งหมดส่งผลโดยตรงกับการเต้นของหัวใจทีเดียว ยกเว้นเสียแต่ว่า.....” หมอชาร์ลตันนิ่งไปครู่หนึ่ง
“อะไรเหรอครับ?”
“ถ้าเซร่าสามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกได้ เธอก็จะสามารถควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ว่า....ยามที่คนเราผิดหวัง ไม่มีใครซักคนที่สามารถควบคุมความรู้สึกที่เสียใจเอาไว้ได้หรอกนะ” หมอชาร์ลตันเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะเดินจากไป
สิ่งที่หมอชาร์ลตันกล่าวมานั้นถูกทุกอย่าง เพราะวันนี้ฮิเดกิได้เห็นแล้วว่า ความรักทำให้เซร่าเป็นเช่นไร
ฮิเดกิเดินไปหยุดอยู่ตรงด้านข้างเตียงที่เซร่านอนหลับไม่ได้สติ ใบหน้าของเธอขาวซีดราวกับกระดาษ แขนด้านขวาของมีร่องรอยการถูกฉีดยา
ชายหนุ่มจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตารักใคร่และเป็นห่วง เขานั่งลงข้างเตียงของเธอพร้อมกับจับมือเธอมากุมเอาไว้ ก่อนจะเอามืออีกข้างลูบไปที่ใบหน้าของหญิงสาวเบาๆ อย่างอ่อนโยน
“เซร่า...เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ...เธอต้องฟื้นขึ้นมานะ....เธอเคยเข้มแข็งไม่ใช่เหรอ...เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้เธอต้องเป็นอะไรหรอก จริงมั้ย?”
ฮิเดกิบ่นพึมพำด้วยความหวัง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้รับรู้ในสิ่งที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย..
ด้านคิมหันต์ที่นั่งเรียนอยู่รู้สึกแปลกใจ เมื่อไม่เห็นเงาของหญิงสาวที่นั่งเคียงข้างเขาเลยหลังจากตอนเช้าที่เจอกันเพียงครู่หนึ่ง
แต่ทว่าความสนใจของเขาก็ถูกเชร์ราดึงไปหมด เนื่องจากตอนพักกลางวันเชร์ราได้มาหาเขาที่ห้องเรียนและชวนเขาลงไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน
ทั้งสองคนนั่งคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมาพบกัน โดยมีสายตาของเหมันต์ ออยเฟ่ย์และเอริโกะจ้องมองดูอยู่ด้วยความกังวล
“จริงสิ คิม ก่อนหน้าที่เราจะเจอกัน เธอคงมีแฟนมาก่อนแล้วสินะ” เชร์ราที่นั่งอยู่เคียงข้างชายหนุ่มใต้ต้นไม้ใหญ่ด้านสวนดอกไม้ถามด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ
“อืม...ก็มีอยู่คนเดียวน่ะ แต่คงไม่นับว่าเป็นแฟนหรอกมั้ง” คิมหันต์ตอบด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ อย่างไม่ใส่ใจมากนัก จึงไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของเชร์รา
“เอ่อ..คนนั้นคงเป็น...เซร่าสินะ” เชร์ราถามและกลั้นใจรอฟังคำตอบ
“เซร่า? ไม่ใช่หรอก ฉันคบกับออยเฟ่ย์ต่างหาก” คิมหันต์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนจะตอบตามความจริง
“ออยเฟ่ย์? อ๋อ คนที่เป็นแฟนกับคุณเหมันต์?” เชร์ร่านึกถึงใบหน้าสวยงามของออยเฟ่ย์ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามออกมา
“ฮื่อ”
“คิมคงเสียใจมากสินะ” เชร์ราจับได้ถึงความรู้สึกของชายหนุ่มจากน้ำเสียงจึงถามเขาเสียงอ่อนโยน
“จะว่าแบบนั้นก็ได้นะ เพราะนอกจากเธอแล้ว ก็มีออยเฟ่ย์นี่ล่ะ ที่ทำให้ฉันรู้สึกหลงชอบเขาน่ะ”
“นั่นสินะ ก็ออยเฟ่ย์ทั้งสวย น่ารัก นิสัยดี ร่าเริง ใครๆ ก็คงชอบเธอทั้งนั้นล่ะ” เชร์ราอมยิ้มพร้อมกับมองคิมหันต์
“เธอ...เอ่อ...ไม่โมโหที่ฉันชอบออยเฟ่ย์เหรอ?” คิมหันต์รู้สึกแปลกใจกับรอยยิ้มของเชร์ราจึงถามอย่างเกรงๆ
“ไม่หรอก...” เชร์ราสั่นศีรษะจนผมกระจายเป็นเชิงปฏิเสธ
“ก็ตอนนี้เธออยู่กับฉันนี่นา”
เชร์ราส่งยิ้มอ่อนหวานให้กับคิมหันต์ พร้อมกับเอียงศีรษะซบไปที่ไหล่ของชายหนุ่มอย่างประจบ
“นั่นสินะ..” คิมหันต์มองกริยาของเชร์ราด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนจะมองไปทางสวนดอกไม้อย่างเหม่อลอย
เอ...ความจริงเราควรรู้สึกมีความสุขที่ได้เจอกับเชร์รานี่นา.
แล้วทำไมเราถึงได้รู้สึกติดใจอะไรบางอย่างกันนะ....
เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก....เหมือนมีอะไรซักอย่างที่ผิดปกติ....
เฮ้อ.....หรือเราจะคิดมากไปเอง....
คิมหันต์เหม่อมองดอกเดซี่ที่กำลังเบ่งบานอยู่ในสวนด้วยสายตาครุ่นคิด ทั้งๆ ที่เขาได้พบกับเด็กหญิงในความทรงจำแล้ว แต่ทำไมความรู้สึกของเขากลับไม่ดีใจมากอย่างที่ควรจะเป็น เพราะตอนนี้ความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อกวนอยู่ภายในใจของเขา โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถบอกได้เช่นกันว่า สิ่งนั้นมันคืออะไร.......