ตอนที่ 11
เช้าวันรุ่งขึ้นเซร่าตื่นนอนแต่เช้า และอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว สร้างความแปลกใจให้กับแมรี่เป็นอย่างมาก เพราะปกติหญิงสาวไม่เคยเตรียมตัวไปโรงเรียนได้รวดเร็วเช่นนี้
เหตุผลที่เซร่าตื่นเช้า เป็นเพราะเธอนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน โดยที่เธอเองก็ไม่รู้สาเหตุเช่นกันว่าเป็นเพราะอะไร หญิงสาวรีบทานข้าวเช้าอย่างรวดเร็ว และตรงรี่ขึ้นรถเพื่อไปโรงเรียนทันที
เซร่านั่งนิ่งเงียบไปตลอดทางจนถึงโรงเรียนโดยที่ฮิเดกิไม่กล้าชวนเธอคุยเลยแม้แต่น้อย เขาไม่เคยเห็นหญิงสาวมีท่าทางเงียบขรึมมากขนาดนี้มาก่อน ทำให้เขาวิตกกังวลเป็นอย่างมาก
เมื่อทั้งสองคนถึงหน้าประตูโรงเรียนก็พบกับเอริโกะที่มาแต่เช้าเช่นกัน ทั้งสามคนพากันเดินเข้าโรงเรียนและตรงไปนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนใกล้กับสวนดอกไม้ที่เยื้องจากประตูโรงเรียนไปเล็กน้อย
เอริโกะกับฮิเดกิซุบซิบคุยกันเสียงเบา ส่วนเซร่าคอยเหลือบสายตาไปมองทางด้านหน้าประตูโรงเรียนบ่อยๆ ราวกับรอคอยการมาของใครสักคน
เวลา 7.30 น. รถของตระกูลฟรานซ์เซียสก็จอดที่ด้านหน้าประตู พร้อมกับชายหนุ่มสองคนและหญิงสาวอีกหนึ่งคนก้าวลงจากรถพร้อมกัน
เซร่ามีสีหน้ายินดีชั่วครู่หนึ่งก่อนจะปรับสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิม ขณะที่ทั้งสามคนกำลังเดินผ่านประตูโรงเรียนเข้ามา
“ออยเฟ่ย์!”
เอริโกะตะโกนเรียกหญิงสาวที่เดินอยู่ท่ามกลางชายหนุ่มสองคน
“อ้าว!!” ออยเฟ่ย์อุทานออกมาก่อนจะคว้าแขนของชายหนุ่มทั้งสองคนให้เดินตามเธอไปยังโต๊ะที่พวกเซร่านั่งกันอยู่
“เซร่า วันนี้มาแต่เช้าเลยนะ”
ออยเฟ่ย์ทักทายเซร่าด้วยน้ำเสียงร่าเริง ก่อนจะวางกระเป๋าของตนไว้บนโต๊ะ และนั่งลงเคียงข้างเธอ
“อืม...” เซร่าส่งยิ้มแห้งๆ
“ใครจะตื่นสายเหมือนเธอล่ะ” คิมหันต์พูดกระทบกระเทียบหญิงสาวทันที พร้อมกับยักคิ้วให้กับเธออย่างกวนๆ
“ฮื่อ...ยุ่งอะไรด้วยล่ะ”
ออยเฟ่ย์ค้อนขวับใส่คิมหันต์ ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“แหม...แล้วเธอล่ะ อารมณ์ดีหน้าบานเป็นจานบินเลย พิลึกคนจริงเชียว”
ออยเฟ่ย์พูดกระทบกลับก่อนจะบ่นพึมพำออกมาเบาๆ ในท้ายประโยค คิมหันต์ได้แต่อมยิ้มอย่างเดียวไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว
ฮื่อ...อีตานี่ อะไรจะอารมณ์ดีมากขนาดนี้นะ...
เห็นแล้วหงุดหงิดเสียจริง....
เซร่าหรี่ตามองคิมหันต์ที่ดูอารมณ์ดีจนออกนอกหน้าด้วยความรู้สึกหมั่นไส้ เธอไม่เคยเห็นเขายิ้มกว้างมากขนาดนี้มาก่อน แม้ชายหนุ่มจะเคยยิ้มให้เธอบ้าง แต่รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น ทว่าคราวนี้รอยยิ้มของเขากลับดูสดใส ร่าเริง ราวกับไม่มีความทุกข์อยู่เลย
“เธอไปเจออะไรมา ถึงได้อารมณ์ดี หน้าบานซะ.....”
ออยเฟ่ย์ถามพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงใบหน้าด้านข้างของเขาฉีกออกไปทั้งสองข้างด้วยความหมั่นไส้
“โอ๊ยๆๆ เจ็บนะ!”
คิมหันต์ร้องออกมาด้วยความเจ็บ เพราะหญิงสาวออกแรงดึงไม่น้อยเลย ก่อนจะจับมือของออยเฟ่ย์ให้ปล่อยจากใบหน้าของเขา
“บอกมา!! ไม่งั้นฉันจะ......ฉีกหน้าที่บานเป็นจานบินของเธอให้แหกก็คราวนี้ล่ะ”
ออยเฟ่ย์ขู่คิมหันต์เสียงเข้ม ก่อนจะยกมือชูขึ้นตรงหน้าชายหนุ่มและกางมือออก ทำให้เห็นว่า เธอไว้เล็บเล็กน้อย ส่งผลให้เขาผงะไปด้านหลัง
เซร่าแอบกลั้นยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าเจื่อนๆ ของชายหนุ่ม ส่วนเหมันต์ส่ายหน้าเล็กน้อยด้วยความอ่อนใจ เพราะสองคนนี้มักเป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และคิมหันต์ก็ไม่เคยสู้ออยเฟ่ย์ได้เลยสักครั้ง
“ตกลงๆ ฉันบอกก็ได้” คิมหันต์ยกมือเป็นเชิงยอมแพ้ ทำให้ออยเฟ่ย์ลดมือลงและยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
“ว่ามา”
“เอ้อ...คือ....”
คิมหันต์อ้ำๆ อึ้งๆ เพราะตอนนี้มี “คนอื่น” นอกเหนือจากเหมันต์และออยเฟ่ย์ที่รู้เรื่องของเขา ทำให้เขารู้สึกไม่สะดวกใจที่จะเล่า
“คิม”
เสียงเรียกอันอ่อนหวานของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลังของชายหนุ่ม ทำให้ทุกคนหันไปมองทันที ก็พบกับหญิงสาวคนเมื่อวานนี้ เซร่าหน้ามุ่ยเล็กน้อย
“เชร์รา”
คิมหันต์เรียกชื่อของหญิงสาวคนนั้นพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปหาเธอทันที
“เชร์รา? ...ยัยนั่นเป็นใครน่ะ”
ออยเฟ่ย์ทวนคำพูดของคิมหันต์เสียงสูง ใบหน้ามีแววฉงนสงสัย ก่อนจะหันไปถามเหมันต์ด้วยความอยากรู้
“เอ้อ....ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” เหมันต์หันไปมองก่อนจะกระซิบบอกเสียงเบา
“เพราะยัยนี่แน่เลย ที่ทำให้คิมเปลี่ยนไป”
ออยเฟ่ย์เหลือบไปมองทั้งคู่ที่พูดคุยกันกระหนุงกระหนิง ก่อนจะหันมากระซิบพูดภายในโต๊ะด้วยน้ำเสียงที่เบา
“ก็อาจจะมีส่วนนะ....”
“เดี๋ยวคิมก็คงเล่าให้ฟังเองล่ะ”
เหมันต์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะสรุปออกมา เพราะเขารู้ดีว่าคิมหันต์เป็นคนยังไง
เซร่าเหลือบมองคิมหันต์กับเชร์ราที่ยืนคุยกันด้วยความรู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ ใบหน้าของเธอเริ่มบูดบึ้งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“คนอื่นรอได้ แต่เซร่าคงรอไม่ได้ละมั้ง...” เอริโกะกระซิบเสียงเบาหวิว
“พูดมากน่ะ เอริโกะ” ฮิเดกิปรามหญิงสาว
“เอ้า ก็ดูหน้าตาเซร่าสิ” เอริโกะบุ้ยใบ้ไปทางหญิงสาว
“หน้าบึ้งขนาดนั้น ใครจะกล้าคุยด้วย”
“เฮ้อ....” ฮิเดกิถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย
คิมหันต์กับเชร์รายืนคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็จูงมือหญิงสาวเดินตรงเข้ามายังโต๊ะที่ทุกคนนั่งอยู่ ทั้งหมดรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติทันที
“ฉันจะแนะนำให้รู้จักนะ นี่เหมันต์ ออยเฟ่ย์ มิยาฮาร่า โรลมาเซียร์ แล้วคนสุดท้ายนั่นก็เซร่า ทั้งหมดนี่เป็นเพื่อนของฉันเอง....”
คิมหันต์ดึงหญิงสาวคนนั้นมายืนเคียงข้างพร้อมกับแนะนำให้เธอรู้จักทีละคน เชร์ราส่งยิ้มให้กับทุกคนอย่างอ่อนหวาน
เซร่าส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้กับเธอ เพราะรู้สึกเจ็บแปลบกับคำว่า “เพื่อน” ที่ชายหนุ่มแนะนำ
“ส่วนนี่...เชร์รา....เอ่อ....เธอเป็น.....เป็นคนสำคัญของฉันน่ะ”
คิมหันต์แนะนำหญิงสาวด้วยท่าทางตะกุกตะกัก ใบหน้ามีสีเข้มขึ้นด้วยความเขิน
“คนสำคัญ???”
ออยเฟ่ย์ทวนคำพูดของชายหนุ่ม ก่อนเบิกตาโตจ้องเชร์รา
“หรือว่า.....”
“อื้อ...”
คิมหันต์บอกพร้อมกับเอานิ้วเกาที่ปลายคิ้วด้วยความเขิน ก่อนจะหันไปสบตากับเชร์ราและยิ้มให้กัน
“จริงเหรอ? นี่เธอคือ.....” ออยเฟ่ย์ถามย้ำ ไม่อยากเชื่อ
“ฮื่อ” ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงรับ
“ทำไม....อยู่ๆ พวกเธอสองคนถึง....”
ออยเฟ่ย์มีสีหน้าคลางแคลงใจ เพราะคิมหันต์เคยตามหาหญิงสาวคนนี้มาตลอด แต่ไม่เคยพบ แล้วอยู่ๆ เธอคนนี้ก็ปรากฎตัวขึ้นมา
เหมันต์จ้องมองเชร์ราอย่างสังเกต ส่วนฮิเดกิ เอริโกะ และเซร่ามีสีหน้างุนงง เพราะไม่เข้าใจในสิ่งที่ทั้งสองคนพูดเลยแม้แต่น้อย
“เพราะฟ้าลิขิตมั้งคะ” เชร์ราเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไพเราะ ก่อนจะสิ่งยิ้มให้เซร่า หญิงสาวรู้สึกไม่ชอบใจเมื่อเห็นรอยยิ้มของเชร์รา