ตอนที่ 10
คิมหันต์ไม่ได้กลับขึ้นไปเรียนคาบเรียนช่วงบ่ายเลยแม้แต่คาบเดียว ทำให้เซร่ารู้สึกหงุดหงิดใจไม่น้อย
หญิงสาวเดินตรงไปยังห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวของผู้จัดการชมรมด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง เมื่อเธอเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเสร็จ
เซร่ารวบผมที่ยาวสลวยของเธอไว้ด้านหลัง ก่อนจะหิ้วกาน้ำและบอร์ดสำหรับจดสถิติของนักบาสฯ ตรงไปยังโรงยิม พร้อมกับเตรียมผ้าขนหนูและน้ำดื่มเหมือนเฉกเช่นปกติทุกวัน
ออยเฟ่ย์ที่ตามเซร่ามาทีหลังรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ แต่เพราะไม่อยากให้เซร่ารู้สึกไม่ดีมากไปกว่านี้ เธอจึงช่วยเซร่าจัดเตรียมของอย่างเงียบๆ
บรรดานักบาสฯ เริ่มซ้อมแข่งตอนเย็นตามคำสั่งของโค้ช โดยที่ไร้วี่แววของกัปตันทีม เมื่อโค้ชแจ้งว่า คิมหันต์มีธุระอาจจะมาซ้อมช้า ทำให้เซร่าโมโหชายหนุ่มมากขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล ทำให้ทุกคนแทบจะเข้าหน้าหญิงสาวไม่ติด
ออยเฟ่ย์จึงต้องทำหน้าที่แทนเซร่าและบอกให้เธอไปสงบอารมณ์ด้านนอกของโรงยิม เซร่ารู้สึกขอบคุณออยเฟ่ย์ที่บอกให้ออกมาด้านนอก หญิงสาวเดินตรงไปยังห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวด้วยท่าทางเซ็งๆ
ทำไมเราต้องรู้สึกโมโหขนาดนี้ด้วยนะ....
เพราะอีตานั่นคนเดียว........
“ตาคิมงี่เง่า ซื่อบื้อ หายหัวไปไหนวะ”
เซร่าตะโกนเสียงดังลั่นด้านหน้าห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายผู้จัดการชมรม ก่อนจะหอบด้วยความเหนื่อย
“เธอว่าใครงี่เง่า?”
เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นด้านหลังของหญิงสาว ทำให้เธอสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
“...................”
เซร่าหันไปดูก็พบกับบุคคลที่เธอตะโกนว่าเมื่อครู่ เขากำลังยืนอมยิ้มมองเธออยู่ หญิงสาวยืนนิ่งเงียบ
“ว่ายังไง? เมื่อกี้เธอว่าใครนะ?”
คิมหันต์เดินตรงเข้ามาและยืนตรงหน้าของเซร่าก่อนจะส่งยิ้มกว้าง ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอย่างมาก
“อ๊ะ..นายอย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ!”
เซร่าผละถอยไปข้างหลังเล็กน้อยพร้อมกับยกมือห้าม จ้องมองเขาด้วยความแปลกใจ เธอไม่เคยเห็นเขายิ้มแบบนี้มาก่อน
“เป็นอะไรของเธอ?”
คิมหันต์ถามพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะกับท่าทางของเซร่าที่ตั้งท่าเหมือนเตรียมต่อสู้
“นาย...นายใช่คิมจริงๆ เหรอ?”
เซร่ายังคงไม่ลดมือลงพร้อมกับขมวดคิ้วจ้องมองชายหนุ่มด้วยความสงสัย แต่ภายในใจของเธอกลับรู้สึกหงุดหงิดกับรอยยิ้มของเขาอย่างมาก
“เอ้า...ก็ฉันน่ะสิ จะเป็นใครไปได้ล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
“แล้วทำไม......ฉันถึงรู้สึกว่า..นายไม่เหมือนคิมที่ฉันเคยรู้จักล่ะ?”
“ฮึฮึ...” คิมหันต์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“แล้วเธอไม่คิดว่า..นี่อาจจะเป็นตัวตนจริงๆ ของฉันก็ได้น่ะ”
คิมหันต์พูดพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย ก่อนจะจ้องมองเซร่านัยน์ตาเป็นประกาย จนทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าใบหน้าเธอร้อนผ่าวขึ้นมากะทันหัน
“เอ่อ...ฉัน.....ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ” เซร่าตอบตะกุกตะกักก่อนจะเสก้มลงมองพื้นดิน เพื่อหลบสายตาของชายหนุ่ม
“ฮึฮึ..เธอนี่...ดูๆ ไปก็น่ารักดีเหมือนกันนะ” คิมหันต์กลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มของเซร่าโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวตกตะลึงจนตัวชา หัวใจเต้นแรงจนเจ็บแปลบขึ้นมาทันที
“ฉันไปซ้อมบาสฯ ก่อนล่ะ” คิมหันต์หันหลังและเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของนักกีฬา
เซร่ารู้สึกว่าขาอ่อนแรง จนไม่สามารถจะทรงตัวอยู่ได้ เธอทรุดตัวลงนั่งที่พื้น และนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะยกมือขึ้นมากุมที่หัวใจ
หญิงสาวกัดริมฝีปากเพื่อระงับความรู้สึกที่ขึ้นและพยายามสงบใจ เพราะตอนนี้เธอรู้สึกว่า หัวใจของเธอกำลังเต้นรัวมากเสียจนราวกับจะปะทุออกมานอกอกเสียทีเดียว
เวลา 6 โมงเย็น เป็นเวลาที่ชมรมกีฬาของโรงเรียนเลิกซ้อมพร้อมกันและบรรดานักกีฬาเริ่มทยอยกันกลับบ้าน
ออยเฟ่ย์ เซร่าและคิมหันต์ที่เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ได้มายืนรอเหมันต์ที่หน้าประตูโรงเรียน คิมหันต์ผิวปากอย่างมีความสุขเสียจนออยเฟ่ย์แปลกใจ
ส่วนเซร่ามีสีหน้าไม่พอใจเพราะรู้สึกหงุดหงิดกับอารมณ์ของชายหนุ่มที่แสดงออกมานอกหน้าเกินไป เมื่อเหมันต์เลิกประชุมและเดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียน เขารู้สึกแปลกใจที่เห็นคิมหันต์อารมณ์ดีผิดปกติ
“คิม นายดูอารมณ์ดีจังนะ” เหมันต์ถามคิมหันต์ระหว่างทางที่เดินกลับบ้าน
“อืม..ก็ฉันเจอเรื่องดีๆ นี่” คิมหันต์ตอบพร้อมกับหัวเราะออกมา
“เรื่องอะไรเหรอ?” ออยเฟ่ย์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ทำไมฉันต้องบอกเธอด้วยล่ะ” คิมหันต์พูดพร้อมกับยักคิ้วให้อย่างกวนอารมณ์คนถามอย่างมาก
“เอ๊ะ! พูดแบบนี้อยากโดนฟาดใช่มั้ย” ออยเฟ่ย์ขึ้นเสียงดุพร้อมกับยกมือเตรียมฟาดไปที่แขนของเขา
“เฮ้ย...อย่านะ เธอมือหนักจะตาย” คิมหันต์รีบร้องห้ามทันทีพร้อมกับผละไปด้านหลังเล็กน้อย
“งั้นบอกมา” ออยเฟ่ย์ทำเสียงเข้มพร้อมกับตีหน้าขึงขังเป็นเชิงขู่
“เอาเป็นว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เธอก็รู้เองน่ะ”
คิมหันต์บอกอย่างกำกวม และเขาก็ไม่พูดอะไรอีกเลย ทำให้ออยเฟ่ย์และเหมันต์หันไปมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ ส่วนเซร่าเหลือบมองใบหน้าที่มีความสุขของชายหนุ่มด้วยความรู้สึกที่เป็นกังวลและสังหรณ์ใจ