บทที่2
เธอยังคงจับตาดูเขา บริกรผู้หล่อเหลาคนนั้นซึ่งเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงแขกอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งผู้ชายในกลุ่มนี้มีอยู่คนหนึ่งซึ่งเตะตาแอนเนทท์เข้าอย่างจัง ชีพจรเต้นรัวเร็วขึ้นด้วยแรงแห่งความสนใจ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เขาผู้นั้นอยู่ในกางเกงอาบน้ำสีดำ ส่วนที่นอกจากนั้นคือเรือนกายสีคล้ำราวรูปปั้นทองแดงด้วยฤทธิ์แดด เขาเป็นคนร่างสูง สูงกว่า 6 ฟุตเล็กน้อยไหล่กว้างสะโพกแคบแบบชายชาตรีเต็มตัว
ในลักษณะที่นั่งเอี้ยวข้างนั้น แอนเนทท์มองเห็นเสี้ยวหน้ารูปสี่เหลี่ยมได้ถนัด หน้าผากลาดจมูกโด่งงาม สันกรามแข็งแกร่ง รังสีแสงแห่งดวงอาทิตย์ต้องประกายบนเรือนผมสีน้ำตาลเข้ม ทำให้ดูเป็นสีทองแดงแอนเนทท์ลองคำนวณอยู่ในใจว่าอายุอานามของเขาคงอยู่ในวัยประมาณ 30 สัญชาตญาณแกร่งกร้าวปรากฏอยู่ในรูปลักษณ์ สายตาของเธอยังกวาดเลยไปยังมือซ้ายของเขาซึ่งว่างเปล่าปราศจากแหวนแต่งงาน...หรือแหวนที่ใช้เป็นเครื่องประดับใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งหมายถึงว่าเขายังมิได้มีพันธะอะไรกับใครเลย
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ นะว่าทำไมพี่ถึงชอบพินิจพิเคราะห์ผู้ชายนัก” มาชาถอนหายใจ
“ที่พบๆ มาแล้วเขาก็ให้ความสนใจพี่ด้วยน่ะยังไม่จุใจอีกหรือ?”
ถ้าเป็นเมื่อสัก 2 นาทีก่อนหน้านี้ แอนเนทท์อาจจะให้คำตอบปฏิเสธกับน้องสาวก็ได้ เธอฉลาดพอที่จะปล่อยให้ความคิดเลื่อนลอยไปตามลำพังในวัย 19 ย่าง 20 เช่นนี้ เธอออกเดตบ่อยครั้งแต่ไม่เคยยเสแสร้งแม้แต่กับตัวเองว่าจะคิดจริงจังกับเพื่อนชายที่มาติดพันคนใดเลย แอนเนทท์ออกจะมั่นใจในตัวเองอยู่ว่าเมื่อใดที่เธอจะได้พบผู้ชายคนที่“ถูกใจ” แล้วเมื่อนั้นสัญชาตญาณจะเป็นผู้บอกออกมาได้ในทันที และขณะนี้รู้สึกว่าสัญญาณนั้นจะดังขึ้นกรีดเตือนอยู่อย่างบ้าคลั่ง
“ใช่” เธอตอบ
“ฉันก็เคยพบคนที่เรียกความสนใจจากฉันได้อยู่ถ้าจะพูดกันตามความเป็นจริงแล้วฉันก็กำลังมองเขาอยู่ในตอนนี้ไงล่ะ” น้ำเสียงที่พูดกับน้องสาวนั้นสงบเคร่งขรึมยิ่งนัก
“อะไรนะ?” มาชากะพริบตาถี่ๆ เพราะไม่คาดว่าจะได้รับคำตอบแบบนั้นมือตกลงข้างตัวเมื่อมองตามสายตาของแอนเนทท์ไป
“ใครกันน่ะ?”
“ก็...ผู้ชายยคนที่นุ่งกางเกงอาบน้ำสีดำนั่นไง” น้ำเสียงของแอนเนทท์เจือความตื่นเต้นอยู่
มาชาซึ่งยังมองเขาอยู่ถามขึ้นว่า
“ก็เขาเป็นใครเล่า?”
“ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกัน”
แอนเนทท์ตอบด้วยสุ้มเสียงใช้ความคิด เพราะรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ที่จะต้องหาความรู้ในเรื่องนี้ให้ได้เสียแล้ว วาจาเปิดเผยของพี่สาวทำให้มาชารู้สึกอึดอัดขึ้นมา และรู้สึกว่าสายตาที่สำแดงความไม่สบายใจของพี่สาวกำลังมองมา
“พี่ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาสักหน่อย” น้ำเสียงของเธอเหมือนจะต่อว่า
แอนเนทท์มองน้องสาวอย่างอดทน
“แต่พนันกันก็ได้ว่าฉันจะต้องรู้”
เธอตวัดสายตากลับไปมองบุรุษผู้มีเรือนร่างเรียกร้องความสนใจคนนั้น ท่าทางของเขาบอกความเป็นผู้ชายเต็มตัวอย่างไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ เขากำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่กับผู้หญิงในกลุ่ม แอนเนทท์ไม่อาจจะได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นได้ แต่สายลมก็ได้พัดพาสำเนียงพูดที่ทุ้มห้าวมาสู่หูเธอชอบเสียงเขานัก เพราะมันสามารถสร้างความสะท้านสะเทือนได้ทั่วกายเหมือนผ้ากำมะหยี่เนื้อหยาบที่คลุมลงบนนวลเนื้อเปลือยเปล่า
ผู้ชายในชุดเครื่องแบบปรากฏขึ้นในคลองจักษุ เป็นการขัดจังหวะของสายตาบริกรหนุ่มผมสีบลอนด์คนเดิมนั่นเองเขากลับมาพร้อมด้วยเครื่องดื่มที่เธอสั่งสมองอันชาญฉลาดเริ่มลงมือทำงานทันทีเธอต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ไปไม่นานเลยนะคะ” เธอว่า
“ครับ เป็นส่วนหนึ่งของงานบริการเพื่อที่จะให้แขกของโรงแรมมีความสุขน่ะครับ”
แววในดวงตาของเขาบอกความหมายเลยไกลไปจากหน้าที่ด้วยซ้ำ ขณะที่ส่งแก้วชาดำเย็นให้มาชา และเดินอ้อมเก้าอี้นอนมาส่งแก้วให้แอนเนทท์
“ขอบใจมาก” เธอวางแก้วลง เอื้อมไปรับบิลล์มาเซ็นชื่อพร้อมด้วยหมายเลขห้อง
“เออ...ผู้ชายคนนั้นน่ะใครกันะ?” เธอถามด้วยท่าทางเหมือนไม่ยินดียินร้ายเท่าใดนัก
“คนที่นุ่งกางเกงสีดำน่ะ หน้าตาเขาคุ้นๆ แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน” เธอพูดปดซึ่งหน้า
“คุณคงหมายถึงโจชัว ดีนแน่” บริกรชื่อเครกตอบ
แอนเนทท์ระมัดระวังสายตาที่มองแต่เฉพาะใบหน้าของเครก รู้อยู่ว่ายิ่งเธอให้ความสนใจในตัวเขามากเพียงไร ก็สามารถจะรู้รายละเอียดต่างๆ ของบุคคลที่สนใจมากขึ้นเท่านั้น
“เอ...ฉันเคยได้ยินชื่อเขาจากที่ไหนมากก่อนนะนี่?” เธอแสร้งขมวดคิ้วนิ่วหน้าอย่างใช้ความคิด
“ก็คงเยอะละครับ เพราะเขาเป็นเจ้าของโรงแรมนี้ ตระกูลดีนน่ะเป็นสกุลเก่าแก่ที่ร่ำรวยที่สุดในนอร์ธ คาโรไลน่านี่”
เครกอธิบายอย่างเต็มอกเต็มใจที่จะสร้างความประทับใจให้บังเกิดกับแอนเนทท์ว่าเขาก็เป็นคนหนึ่งที่รู้จักพวกเศรษฐีดี
“จริงหรือคะ?” เสียงของเธอเบาลงตวัดสายตามองไปทางโจชัว ดีน แวบหนึ่งศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีดำของเขาผู้นั้นกำลังโน้มต่ำลงไปหาแม่สาวผมแดงในชุดบิกินี่
“เมียเขาก็ท่าทางเป็นคนสวยคนหนึ่งเชียวนะ”
“โอ๊ะ...นั่นไม่ใช่เมียเขาหรอกครับ” เครกรีบพูดมิได้สังเกตเห็นรอยยิ้มอ่อนๆ ที่บอกถึงความพึงใจฉาบขึ้นบนใบหน้าของแอนเนทท์
“โจชยังไม่ได้แต่งงานเลยครับ ผมพูดจากการที่เห็นผู้หญิงมากหน้าหลายตาที่มารับประทานอาหารค่ำกับเขา รู้สึกว่ามันก็ยากเหมือนกันถ้าจะตัดสินใจ”
“ฉันก็พอจะมองเห็นภาพละว่าที่เขาจะต้องทำก็คงแค่กระดิกนิ้วเล่นเท่านั้น”
แอนเนทท์ยกแก้วชาดำเย็นขึ้นจิบก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นยิ้มให้บริกรหนุ่มซึ่งเครกก็รีบเปิดยิ้มกว้างรับทันที
“คุณบอกว่าเขาพักอยู่ที่โรงแรมนี้ด้วยใช่ไหม?”
“ครับ เขามีห้องชุดส่วนตัว”
“โอ้โฮ...สะดวกจังนะคะ” แอนเนทท์หัวเราะแผ่วลึกอยู่ในลำคอ
“จริงทีเดียวละครับ”
เครกตอบอย่างเอาใจ แต่ที่แอนเนทท์กำลังคิดอยู่ก็คือมันช่างสะดวกสำหรับเธอเสียนี่กระไร นอกเหนือจากความสะดวกสบายทั้งหลายทั้งปวงที่โจชัว ดีน จะได้รับบริการจากเจ้าหน้าที่ของโรงแรมอีกโสดหนึ่ง เสียงแขกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ริมสระร้องเรียกบริกรขึ้น ซึ่งทำให้เครกยิ้มออกมาอย่างเสียดาย
“ขอตัวก่อนนะครับแล้วจะกลับมารับใช้ใหม่”
“สวัสดี” แอนเนทท์มองตามร่างที่เดินห่างออกไป และแล้วก็เบือนหน้ากลับมามองมาชา
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าจะต้องรู้เรื่องของเขาให้ได้”
มาชามองตอบพี่สาวอย่างไม่มั่นใจนัก เป็นแววที่ยังบอกความแคลงใจอยู่มาก
“ฉันไม่เห็นว่าพี่จะได้อะไรขึ้นมาเลย ใช่...พี่อาจจะรู้จักชื่อเขา รู้ว่าเขาพักอยู่ที่ไหน และกับความจริงที่ว่าเขายังไม่ได้แต่งงาน...แต่ผู้ชายแบบโจชัว ดีนน่ะ เขาอยากจะได้ผู้หญิงคนไหนก็ย่อมจะได้อยู่แล้วพี่เป็นคนพูดคำนี้เองนะ”
มาชาพูดเหมือนจะเตือน
“แล้วอะไรล่ะที่ทำให้พี่คิดว่าเขาจะมาสนใจในตัวพี่?”
“เพราะว่าฉันกำลังจะทำให้เขาสนใจน่ะสิ” แอนเนทท์ตอบหัวเราะอย่างเห็นขันเทื่อเห็นสีหน้าไม่เชื่อถือของน้องสาว
“อย่ากลุ้มให้มันมากนักเลยมาชา” เธอทำเสียงสั่งสอน
“ง่ายจะตายไป”
“ก็เห็นพูดยังงี้ตั้งแต่ทีแรกแล้ว” มาชาไม่ยอมเชื่อตามไปด้วย
“เอาเถอะน่า ก็เห็นแล้วว่ามันจะต้องออกมาในแบบที่ฉันต้องการจะให้เป็นอยู่เสมอใช่ไหมล่ะ?” แอนเนทท์ให้เหตุผล
“แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จทุกครั้งหรอก” มาชาเตือน
“เดี๋ยวก็สร้างปัญหาใหญ่ให้ตัวเองอีก”
แอนเนทท์เพียงแต่หัวเราะหันกลับไปยังบุรุษผู้เป็นที่สนใจอีกครั้ง แผนการต่างๆ ถูกวาดขึ้นในสมอง ซึ่งจำเป็นจะต้องหาทางให้บังเกิดผลสำเร็จให้ได้ ยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่างที่เธออยากจะได้เอามาประกอบกับแผนสั้นๆก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป แต่ขณะเดียวกันก็ควรจะเป็นแผนที่ยืดหยุ่นได้
ขณะที่เธอจับตามองอยู่นั้น โจชัว ดีน ก็แยกตัวเองออกจากกลุ่มเดินตรงไปยังสระน้ำ ทุกย่างก้าวคือท่าทางเดินสบายๆ กล้ามเนื้อทุกสัดส่วนเคลื่อนไหวไปตามจังหวะนับแต่ต้นขาลงมาตามช่วงขาสีคล้ำเป็นสีน้ำตาลด้วยฤทธิ์แดด ท่าทางของเขาบอกความมั่นใจในตัวเองอยู่มากไม่สนใจไยดีกับบรรยากาศที่รายล้อมอยู่รอบตัว