บทที่ 8 สิตมณี
พ่อเฒ่าทำบุญทุกวันนั่งวิปัสสนาทุกเช้าและกลางคืน ทำทานเท่าที่มีโอกาส การช่วยเหลือผู้ตกยากเป็นทานที่พ่อเฒ่าไม่เคยพลาดและครั้งนี้เขาต้องการช่วยมโนรมด้วยจิตบริสุทธิ์แม้จะรู้ว่ายากมากเพราะมโนรมโดนมนตร์ดำมานาน คืนนั้นมโนรมถูกพาตัวออกจากโรงพยาบาล ไม่มีใครรู้ว่าคนไข้หายตัวไปจากโรงพยาบาลตอนไหนและหายไปได้อย่างไร
บุลลาอาละวาดบ้านแทบพังเมื่อถามใครก็ไม่รู้ว่ามโนรมหายไปไหน หล่อนวิ่งแจ้นไปหาหมอผีมยอง ให้ติดตามมโนรมแต่หมอผีไม่เห็นแม้เงาของชายหนุ่มผ่านทางขันน้ำมนตร์
“มีคนลองของกับข้า เอ็งไปบอกเมียมันถ้าไม่อยากตายให้ปล่อยตัวไอ้รมออกมา”
“เมียเก่ามันเป็นคนทำเหรอหมอ”
“ไม่รู้แต่เอ็งลองไปขู่มันดูเผื่อมันกลัวมันจะได้ปล่อยไอ้รม”
“แต่นังวิภาไม่รู้นะว่าพี่รมอยู่โรงพยาบาล”
“ถ้าอย่างนั้นมันหายไปไหนล่ะ ไม่มีใครเห็นมันเลยรึไง”
บุลลาคั่งแค้นอยู่ไม่กี่วันกับการตามหาตัวมโนรม เวลาผ่านไปจากอาทิตย์เป็นสองอาทิตย์และเข้าสู่เดือนที่สอง บุลลาคลายความว้าวุ่นเพราะหล่อนทำตัวเป็นคุณนายของบ้านได้อย่างเต็มที่และไม่กลัวเกรงใครถึงแม้มโนรมอยู่หล่อนก็ไม่เกรงใครอยู่แล้ว
“มันเอาไปซุกไว้ที่ไหนถึงหาไม่เจอสักที ค้นจนทั่วบ้านแล้วนะโว้ย”
หญิงสาวโยนกล่องใส่สร้อยเพชรเส้นเล็กลงกับพื้นอย่างขัดใจ ความสวยของสร้อยไม่อยู่ในสายตาของหล่อนอีกต่อไปเมื่อเทียบกับอัญมณีล้ำค่าประจำตระกูลเอื้อการย์ของมโนรม หล่อนเห็นโรจน์เปิดกล่องหยิบสิตมณีออกมาดูก่อนที่หล่อนจะกำจัดโรจน์และโมรีเพียงสามวัน
โรจน์ ซ่อนเพชรสีฟ้าเม็ดโตไว้ที่ไหน หล่อนเห็นเขาเก็บไว้ในห้องพระทำไมหล่อนจึงหาไม่พบ หล่อนเดินออกจากห้องนอนหลังจากเก็บสร้อยเพชรที่มองไม่เห็นค่านั้นใส่กล่องโยนไว้ในลิ้นชักหัวเตียง
ประกายแสงสีฟ้าเจิดจ้าพุ่งออกมาจากเพดานห้องนอนมโนรมและแสงนั้นค่อยๆ ลดความจ้าเหลือเพียงวงกลมเท่าไข่ไก่ลอยละลิ่วหายเข้าไปในห้องทำงานซึ่งโรจน์ใช้เป็นห้องทำงานส่วนตัวโดยมโนรมกับโมรีใช้ห้องนี้นั่งเคลียร์เอกสารรวมทั้งบัญชีรายจ่ายรายรับเช่นกัน
โรจน์ โมรีและเฟื่องฟ้ายืนมองบุลลาหาของมีค่าด้วยสายตาขุ่นแค้นแต่คำพูดของแม่ชีนงนุชทำให้ดวงวิญญาณทั้งสามดวงสลายร่างเป็นธาตุอากาศไม่คิดจองเวรต่อบุลลา
“หมอ มองไม่เห็นเลยเหรอว่ามันเอาไปซ่อนไว้ไหน”
บุลลามาหาหมอผีมยองให้ช่วยหาเพชรสีฟ้าแต่ในขันน้ำมนตร์ไม่มีอะไรนอกจากน้ำใสๆ และควันสีขวากระจายเต็มขัน
“ไม่เห็น มีบางสิ่งบังอยู่ ข้ามองไม่เห็นด้วยว่าสิ่งนั้นมันคืออะไรเห็นแต่ควันสีขาวเท่านั้น ของที่เอ็งจะหาเป็นเพชรธรรมดารึไง”
“ก็เพชรธรรมดานี่แหละแต่เม็ดใหญ่เท่าไข่ห่าน มันเป็นสีฟ้า ประกายมันวับวาวสวยมาก ไอ้รมมันบอกว่าเป็นเพชรประจำตระกูลของมันชื่อสิตมณี”
“สิตมณี”
หมอผีทวนคำของบุลลาแล้วเพ่งมองในขันน้ำมนตร์อีกครั้งแต่ก็ไม่พบอะไรนอกจากควันสีขาว เขาส่ายหน้าช้าๆแล้วว่า
“มันไม่ใช่เพชรธรรมดา ถ้าเป็นของธรรมดาข้าต้องเห็น ของสิ่งนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง เอ็งกลับไปหาเองเถอะข้าช่วยเอ็งไม่ได้หรอก”
“หมอ หมดความสามารถแล้วเหรอ ให้หาไอ้รมก็หาไม่เจอ ให้หาเพชรก็ไม่เจอ มนตร์เสื่อมรึไง”
“หุบปากของเอ็งนะนังบุลลา ถ้ามนตร์ข้าเสื่อมเอ็งจะได้เป็นเจ้าของบ้านคุ้มเคียงดาวหรือ กินอยู่สุขสบายเพราะใครถ้าไม่ใช่ข้า วันนี้ข้าขอสองหมื่น”
บุลลาโยนถุงกระดาษสีน้ำตาลลงบนพื้นตรงหน้าหมอผีมยองแล้วลุกเดินฉับๆ ออกจากห้องที่อบอวลไปด้วยกลิ่นธูปและกลิ่นอับชื้น มยองมองตามร่างเพรียวของหล่อนแล้วยิ้มที่มุมปาก ดวงตาเป็นประกายวับวาวขุ่นเคือง
“ถ้าไม่มีข้าเอ็งจะลำบากนังบุลลา”
มโนรมหายไปจากโรงพยาบาล 3 เดือนบุลลาไม่หยุดหาสิตมณี ในขณะเดียวกันหล่อนวางตัวเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน จิกใช้คนรอบข้าง เสรียงแม่บ้านเก่าแก่ถูกบุลลาสาดน้ำใส่หน้าตามด้วยคำพูดหยาบคาย
“คิดจะเกาะบ้านหลังนี้ไปจนตายรึไง รู้ว่าฝีมือตกต่ำก็รีบๆ ออกไปเสียสิจะอยู่รอใคร รอพี่รมกลับมาอย่างนั้นเหรอ คอยไปเถอะป่านนี้มันตายไปแล้ว ถ้าพวกแกไม่พอใจก็ไสหัวออกไปให้หมด จ้องหน้ากูทำไมนังน้อย นังสร้อย”
“จ้องหน้าอีผู้หญิงหน้าด้านน่ะสิ กูออกก็ได้โว้ย เจ้านายกูไม่อยู่สักคนกูไม่ทนรับใช้นังคางคกขึ้นวอหรอกโว้ย สร้อยไป ป้าเสรียงไปเถอะอย่าอยู่กับนังผีร้ายต่างเมืองเลย รับใช้มันให้เมื่อยทำไม ไปป้า”
“อีน้อย มึงด่ากูเหรอ มึงตาย”
บุลลาถลาเข้ามาหาน้อยเงื้อมือขึ้นสุดแล้วตบลงบนใบหน้าของบ่าวคุ้มเคียงดาว น้อยเบี่ยงตัวหลบแล้วตบเข้าที่กกหูของบุลลา สร้อยดึงตัวไว้ เสรียงดึงแขนน้อยไว้
“ไม่เอานังน้อย ไปเร็ว”
“มึงตบกูแล้วคิดจะหนีเหรออีน้อย”
บุลลาหันมาตบฉาดที่หน้าน้อยแล้วตบหน้าเสรียงอีกคน สร้อยระวังตัวอยู่ยกเท้าขึ้นถีบเข้าหน้าท้องบุลลาจนผงะหงายหลังล้มตึง สร้อยดึงเสรียงกับน้อยวิ่งออกจากห้องโถงรับแขก บุลลาลุกตามแต่ไม่ทัน ดวงตาของหล่อนวาววามเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“อีพวกบ้า ไสหัวไปให้หมด”