บทที่ 4 แม่ชี
“ห้ามหย่านะวิภา แม่รับหนูเป็นสะใภ้เพียงคนเดียวเท่านั้น ยังไงก็หย่าไม่ได้จนกว่ายัยมุกจะเรียนจบปริญญาตรีแล้วกลับมาทวงคุ้มเคียงดาวและทุกอย่างกลับคืน เชื่อแม่นะวิภา”
หญิงสาวยิ้มหยันตอบบุลลา หล่อนจะไม่มีวันหย่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หล่อนจะทรมานบุลลาด้วยวิธีนี้ หล่อนไม่ต้องการตัวมโนรมกลับคืนแต่หล่อนต้องการรักษาสิทธิอันชอบธรรมในกองมรดกให้มุกตาภาลูกสาวคนเดียวของหล่อน
“ยี่สิบปีดีมั้ยหรือ ห้าสิบปีดีละบุลลา เธอรอไหวมั้ยล่ะถ้าไหวครบห้าสิบปีแล้วฉันจะหย่าให้ฝากบอกคุณรมด้วยนะถึงเขาจะมากราบที่เท้าของฉันเพื่อขอใบหย่าฉันก็ไม่มีวันเซ็นให้ยกเว้น..”
บุลลาตัวสั่นด้วยความโกรธที่วิภาท้าทายหล่อนโดยที่หล่อนไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทางเดียวที่หล่อนจะทำให้วิภายอมหย่าต้องทำตามข้อเสนอของวิภาซึ่งหล่อนไม่รู้ว่าวิภาต้องการอะไร
“ยกเว้นอะไร”
เสียงที่ถามออกไปเข้ม ดวงตากระด้างฉายแววโกรธเกรี้ยว วิภายิ้มยั่วกวาดสายตาไปรอบๆ และหยุดลงตรงบันได
“ยกเว้นเธอจะไปจากคุ้มเคียงดาวน่ะสิ แต่เธอคงทำไม่ได้สินะเพราะเธอต้องการเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้อยู่แล้วนี่ ฉันกลับละนะ พรุ่งนี้จะมาใหม่หวังว่าคงไม่ตั้งคำถามซ้ำซากกับฉันอีก”
“อี..อี..อีวิภา มึงท้ากูเหรอ มึงคิดว่ากูทำอะไรมึงไม่ได้อย่างนั้นเหรอ”
หญิงสาวกำมือแน่น วิภาไม่ใช่ภรรยาหลวงที่ยอมเช่นครั้งก่อนอีกแล้ว เสน่ห์ยาแฝดของหล่อนยังไม่เสื่อม มโนรมเท่านั้นที่จะบังคับให้วิภาหย่าได้ หล่อนเดินเร็วๆ เข้าไปหามโนรม
“พี่รม นังวิภามันไม่ยอมหย่าค่ะ พี่ต้องบังคับให้มันหย่านะคะไม่อย่างนั้นบุลลาจะไปจากที่นี่”
หล่อนลืมไปว่าศพพ่อแม่สามียังอยู่ในบ้าน ลืมไปว่ามโนรมกำลังคุยกับแขกผู้ใหญ่ หล่อนไม่สนใจใครนอกจากเรื่องของหล่อนเท่านั้น
“บุลลา เอาไว้คุยเรื่องนี้หลังเผาศพคุณพ่อคุณแม่ ตอนนี้ห้ามเสียมารยาทกับแขกของพี่”
เขาหันมาดุหล่อนแล้วดึงแขนหล่อนออกมาจากกลุ่มแขกที่กำลังจะลากลับ บุลลาสะบัดมือออกอย่างฉุนเฉียวแล้วเดินกลับห้องนอน หล่อนต้องอดทนอีกไม่กี่วันศพก็จะเผาทุกอย่างก็จะจบ หล่อนจะได้เป็นคุณนายสมดังที่หวังแล้ว หล่อนจะทำเสียเรื่องไม่ได้
คืนต่อมาวิภาเดินนำแม่ชีนงนุชเข้ามาในงาน มโนรมรู้จักแม่ชีเป็นอย่างดีเพราะเขาไปทำบุญที่วัดกับวิภาบ่อยๆ แต่หลังจากเขาลุ่มหลงบุลลาด้วยมนตร์คาถาเขาก็ไม่เคยไปวัดอีกเลยและไม่ใส่ใจลูกเมีย ไล่วิภากับลูกออกจากบ้านตามคำยั่วยุของบุลลา
แม่ชีมองหน้าเขาแล้วหันมามองวิภา มโนรมถูกเสน่ห์ยาแฝดอย่างที่วิภาเล่าให้ฟัง แม่ชีอยากช่วยถอนเสน่ห์นั้นแต่เกินความสามารถของท่าน ใบหน้าคล้ำหมองของมโนรมแสดงให้เห็นว่ามนตร์ของหมอผีที่ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้มีฤทธิ์มากเพียงใด แม่ชีไม่อยากเสี่ยงหากบุญไม่เกื้อหนุนให้ท่านลบล้างมนตร์ดำนี้ได้
“สวัสดีครับแม่ชี เชิญข้างในครับ”
“สบายดีรึคุณรม”
“สบายดีครับ”
เขาหลบตาแม่ชีและรู้สึกร้อนวูบวาบแต่ครู่เดียวก็เป็นปกติ บุลลาเดินเข้ามาเกาะแขนเขาชำเลืองหางตามองวิภาแล้วหันมายกมือไหว้แม่ชี หล่อนทำตามมารยาทซึ่งแม่ชีรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจมากเพียงใด
วิภาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านให้ท่านฟังโดยตลอด เฟื่องฟ้ากลายเป็นเครื่องมือของบุลลาอย่างน่าสงสาร วิญญาณของเฟื่องฟ้ารับรู้การมาของแม่ชีนงนุช หล่อนยืนอยู่ข้างโรจน์ โมรี สายตาของวิญญาณทั้งสามจับนิ่งที่แม่ชีราวกับจะให้แม่ชีเห็นและฉับพลันนั้นแม่ชีสะดุ้งเฮือกหันไปทางขวามืออย่างรวดเร็ว
พ่อเลี้ยงโรจน์แม่เลี้ยงโมรีและเฟื่องฟ้ายกมือพนมไหว้แม่ชีพร้อมกัน แม่ชีนงนุชยิ้มบางพยักหน้ารับไหว้แล้วเอ่ยลอยๆ
“ทุกคนมีกรรมที่ต้องชดใช้ มีบุญที่เกื้อหนุน หากหมดกรรมบุญจะส่งให้มีความสุขแต่หากหมดบุญกรรมจะทำหน้าที่ของมันทันที ถึงเวลานั้นใครที่ก่อกรรมไว้จะถูกลงโทษเองอย่าห่วงเลย”
“แม่ชีพูดกับใครคะ” วิภาหันมาจ้องหน้าแม่ชี
“ไม่มีอะไรหรอก”
แม่ชียิ้มละไม ใบหน้าอวบอิ่มบุญของท่านมองไปที่โรจน์และโมรี ท่านแผ่เมตตาให้กับดวงวิญญาณทั้งสามครู่เดียวภาพที่แม่ชีเห็นก็จางหายไปแต่ท่านมั่นใจว่าวิญญาณเจ้าของบ้านและสาวใช้ยังไม่ไปไหน
คืนนี้ท่านจะเข้าสมาธิหากบุญบารมีของท่านมีมากพออาจรู้ว่าวิญญาณบุคคลทั้งสามต้องการพบท่านเรื่องอะไร
วิภาเข้าวัดปฏิบัติธรรมกับแม่ชีนงนุชหลังจากเกิดเรื่องร้ายๆ ในชีวิตของหล่อน พระธรรมช่วยให้หล่อนสบายใจขึ้นและพร้อมจะต่อสู้กับอุปสรรคชีวิตทุกอย่างแต่สิ่งหนึ่งที่หล่อนยอมไม่ได้คือมุกตาภาลูกสาวคนเดียวของหล่อน มุกตาภาต้องปลอดภัยและจะไม่รับรู้เรื่องเลวๆ ที่บุลลาทำให้ชีวิตครอบครัวของหล่อนต้องแตกแยกจนกว่าจะเรียนจบพร้อมที่จะรับรู้เรื่องต่างๆ ในคุ้มเคียงดาว