ตอนที่ 8 ยุ่งยาก
แต่อย่างไรวศินก็เป็นคนอุ้มเธอขึ้นไปนอนพักบนห้อง ขณะแม่นมกิมเล็งติดต่อไปยังหมอประจำตระกูลเพื่อมาให้การรักษาคนป่วย บ้านทรงอินทร์ทรมีคุณหมอประจำตระกูลคอยรักษา โดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลให้ลำบาก
คนในบ้านตกใจกันจ้าระหวั่นเมื่อเห็นเนื้อตัวหญิงสาวที่เริ่มซีดเผือด อีกทั้งบริเวณขมับข้างหนึ่งมีหยดเลือดไหลซึมไม่หยุด คุณหมอณัฐเดินทางมาถึงจึงรีบตรวจอาการคนไข้ และผลที่ได้ช่างน่าเป็นห่วง
"คุณกชมลไม่สบาย ไข้ขึ้นสูงด้วยครับ และมีบาดแผลจากการล้มกระแทกพื้นบริเวณศีรษะ หมอได้ทำการทำแผลให้เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไงอาการของเธอก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ต้องคอยเข็ดตัวทุกชั่วโมงเพื่อให้ไข้ลดนะครับ"
"หนูกชจะฟื้นอยู่ใช่ไหมคะ" วรันยกมือทาบหน้าอก ทำไมชีวิตของลูกสะใภ้ถึงพบเจอแต่เรื่องเลวร้ายถึงขั้นเลือดตกยางออก น่าเห็นใจนัก
"ฟื้นครับ คงจะรู้สึกตัวช่วงบ่าย ๆ" เพราะคุณหมอหนุ่มได้ให้ยาผ่อนหลายที่ทำให้คนป่วยรู้สึกง่วงซึมทั้งวันได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม คนฟังจึงเบาใจ ไม่วายเอ็ดอึงบุตรชาย เพราะทราบถึงสาเหตุดี
"ลูกทำอะไรลงไปรู้ตัวไหมวศิน ทำไมไม่เบามือกับน้อง น้องก็ตัวแค่นี้!"
"ผมทำตามคำสั่งคุณแม่ไงครับ จะเอาอะไรกับผมนักหนา" วศินบอกแกมฉุนเฉินกอดอกจ้องนิ่งไปที่ร่างนอนไม่ได้สติ ต้นเหตุทำให้ครอบครัวระหองระแหงล้วนมาจากเธอนั่นแหละ
"เอาเถอะ ยังไงหนูกชก็ปลอดภัยแล้ว" ท่านคชาไม่ได้เข้าข้างใคร ฟังสองแม่ลูกมีปากเสียงกันมาหลายวันติดตนจึงคอยเป็นฝ่ายห้ามปราม คุณหญิงวรันธรถอนหายใจ เลิกพูดถึงเรื่องนี้
"นางกิมเล้งบอกคนขับรถไปส่งคุณหมอด้วย"
"ได้ค่ะคุณหญิง"
"นางกิมเล้งบอกคนขับรถไปส่งคุณหมอด้วย"
"ได้ค่ะคุณหญิง" จัดยาให้คนไข้เสร็จสรรพจากนั้นคุณหมอหนุ่มหมดหน้าที่แล้วขอตัวลากลับ คุณหญิงวรันธรรีบเข้าไปดูอาการลูกสะใภ้ ก่อนจะหยิบผ้าข้างหัวเตียงมาชุบน้ำในชามเล็กที่ตระเตรียมเอาไว้ เช็ดตัวคลายพิษไข้ให้อย่างห่วงใย
"ถ้าหมดเรื่องแล้วผมไปทำงานก่อนนะครับ"
"เอ๊ะ ตาวศิน เมียแกป่วยอยู่ทั้งคนยังมีหน้าเห็นงานสำคัญกว่าอีกเหรอ"
"เมียที่ผมไม่ได้ต้องการตั้งแต่แรกต่อให้เธอยืนอยู่ตรงหน้าผม ผมก็ไม่เห็นค่าเธอหรอกครับ" วศินพูดความรู้สึกเบื้องลึกออกมาเสียงดัง สีหน้าแสดงชัดว่ายังคงเกลียดชังภรรยาสาวมากเพียงไร เรื่องราวอดีตที่เธอเคยกระทำเขาจำได้แม่นยำ เธอไม่ใช่คนใสซื่ออย่างที่พ่อกับแม่ของเขาเห็นสักนิด
เมื่อบุตรชายเดินบึ้งตึงออกไปจากห้อง วรันธรถึงกับถอนหายใจอีกครั้งราวกับคนจนปัญญา
"เฮ้อทำไมนะ ทำไมถึงพูดยากขนาดนี้"
"เอาเถอะคุณเดี๋ยวอยู่ ๆ กันไปวศินก็คงรักหนูกชเข้า..." ฝ่ายสามีของนางได้แต่คอยปลอบประโลม
พอถึงช่วงบ่ายก็เป็นไปตามที่คุณหมอหนุ่มบอกเอาไว้ หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาขณะข้างกายมีแม่สามีนั่งประกบเฝ้าดูแล ส่วนสามีของนางกับบุตรชายออกไปทำงานที่บริษัทตั้งนานแล้ว เธอรู้สึกค่อยยังชั่วขึ้นมาบ้างเมื่อได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม อุณหภูมิร่างกายลดเพราะได้คุณแม่คอยเช็ดตัวให้
"หนูกชทานข้าวก่อนนะ หนูยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้าเลย" ขณะเดียวกันแม่นมกิมเล้งก็ถือถาดอาหารเข้ามาเสิร์ฟถึงเตียง คุณแม่ช่วยประคองเธอลุกนั่ง หลังพิงหัวเตียง สาวเจ้าหลุบตาลงด้วยความระอายใจ
"กชทำให้ทุกคนต้องวุ่นวายอีกแล้วใช่ไหมคะ" ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในร่างนางร้ายก็ไม่เคยพบเจอเรื่อง ๆ ดีกับเขาบ้าง ตัดสินใจแล้วว่าจะขออยู่เงียบ ๆ ไม่ก่อเรื่องหรือสร้างความเกลียดชังกับใครต่อใคร หากปัญหาเดิมที่นางร้ายเจ้าของร่างเคยกระทำไว้ส่งผลกระทบมาถึงคนอาศัยอย่างปาลินโดยตรง ยังดีที่แม่ของคุณพระเอกยังเมตตากลมลอยู่ ไม่เช่นนั้นเธอไม่รอดแหง ๆ
"ไม่เลยจ้ะอย่าคิดแบบนั้นสิ แม่เข้าใจหนูนะ" หลังจากฟื้นจากความตายเมื่อหลายวันก่อน วรันธรสังเกตเห็นว่าลูกสะใภ้ดูอ่อนโยน และเห็นอกเห็นใจคนอื่นมากขึ้น หากเธอคิดจะปรับตัวเพื่อคนอื่น นางพร้อมสนับสนุน ให้โอกาส
"มากินข้าวแล้วนอนพักนะจ๊ะ" วรันธรเลื่อนถาดอาหารมาตรงหน้าหญิงสาว มือที่กำลังจับช้อนตักข้าวต้มปลาร้อน ๆ กลับหยุดชะงักเมื่อหญิงสาวอายุอ่อนกว่าเอ่ยถาม
"แล้วพี่วศิน...ไปทำงานเหรอคะ"
"ใช่จ้ะ รายนั้นน่ะบ้างานจะตาย อย่าใส่ใจเลยนะ" นางเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง ยามคิดถึงคำพูดจากปากบุตรชายตัวเองเมื่อเช้านี้ทีไรนางยิ่งรู้สึกผิดหวังทุกที ใจจืดใจดำเหลือทน ถ้าลูกสะใภ้ได้ยินเข้าคงเสียใจไม่น้อย
"อ้อค่ะ ถึงว่าถ้าอยู่ในห้องนี้พี่เขาคงต่อว่ากชไม่หยุดแน่ ๆ เลย" เธออมยิ้มกลบเกลื่อน
ตื่นมาไม่เจอคุณพระเอก ใจหนึ่งมันช่างโล่งอก หากอีกใจมันเริ่มบีบรัดจนเจ็บ อาการแบบนี้มันหมายถึงอะไรกัน?