ตอนที่ 7 ช้ำคามือ
ตอนที่ 4 ช้ำคามือ
"กชไม่ไหวแล้วนะ"
"แค่นอนนิ่ง ๆ บอกว่าไม่ไหวงั้นเหรอ ฉันนี่เป็นคนออกแรงแท้ ๆ!"
"กชทำไม่เป็นนี่ แถมไม่ได้อยากทำตั้งแต่แรก"
"ทำไม่เป็นก็ต้องหัด อีกเดี๋ยวจะเป็นเอง ลุกขึ้นมาเร็ว ฉันจะพาไปสอนเซ็กส์แบบoutdoorให้"
"จะสอนยังไงคะ กชไม่เอาด้วยนะ กชเหนื่อย" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยอย่างอ่อนล้า ตาแทบปิดเพราะอยากพักผ่อน
"เอาที่ระเบียง ห้องน้ำอะไรเทือกนี้ไง"
"ว้าย!!"
วศินเสียเวลาอธิบายมาหลายนาทีแล้ว จึงกระชากร่างบางขึ้นมา เธอเสียหลักตัวเซปะทะแผ่นอกกว้าง อุ้มคนตัวเล็กพาดบ่าราวกับอุ้มลูกหมาลูกแมว แล้วพาเดินไปยังหน้าระเบียงฉับพลัน
ปาลินดีดดิ้นอยากด่าทอคุณพระเอกกลับทำไม่ได้ เพราะเขาข่มขู่ว่าคนในบ้านจะได้ยิน ซึ่งเธอไม่อยสกให้ใครรับรู้ว่าระหว่างเรากำลังทำเรื่องน่าอาย เธออ้าปากพะงาบ ๆ รองรับอารมณ์ดิบกระหายเท่านั้น!
เช้าวันต่อมา วศันแต่งตัวด้วยชุดสูทเสร็จก็เดินลงจากชั้นสองของบ้านเพื่อไปรับประทานอาหารเช้า ปฏิบัติตัวปกติราวกับเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาอิ่มเอมจากการตักตวงร่างกายภรรยาในนามสุด ๆ
คืนนั้นบิดามารดาของชายหนุ่มก็ได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากเสียงครวญคราง และเสียงกระทบของบางอย่างดังก้องออกมาจากห้อง นางวรันธรพึงพอใจเป็นอย่างมากครั้นบุตรชายได้ทำตามที่หล่อนกำชับ
"ลูกน่าจะพักสักหน่อยนะ วันนี้ไม่ต้องไปทำงานก็ได้"
"พักได้ยังไงล่ะครับงานจะทับหัวผมอยู่แล้ว"
บ้านเขาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เล่นหุ้น ทั้งยังมีการผลิตอาหารกระป๋องส่งออกไปทั่วทุกภูมิภาคในไทย ร้านอาหารอีกหลายสาขาในห้างฯ ใหญ่ ซึ่งรายได้หลักมาจากการเล่นหุ้น แต่ถึงอย่างนั้นคุณพ่อก็ไม่หยุดที่จะขยายสาขาในธุรกิจด้านอื่น ๆ เห็นว่าปีหน่ามีแพลนทำแบรนด์กระเป๋าหนัง งานการที่ยุ่งเป็นทุนเดิมก็ยิ่งยุ่งมากขึ้น จนไม่มีเวลาพัก
"งานช่วงนี้เยอะเหรอคะคุณ" วรันธรฉงนเอี้ยวหน้าไปถามสามีที่นั่งตรงมุมหัวโต๊ะ
"งานเยอะตลอดนั่นแหละคุณ มันเป็นเรื่องดี เพราะนั่นหมายถึงบริษัทของเรากำลังเติบโตยิ่งขึ้น"
วรันธรพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นก็เหลือบมองลูกชาย ช่างคิดเล็กน้อยครั้นต้องการพูดบางสิ่ง "ว่าแต่เป็นยังไงบ้าง เมื่อคืน..."
"สมใจคุณแม่หรือยังครับ ผมว่าทุกคนคงได้ยิน" วศินพูดคล้ายประชด นางวรันธรรับรู้ได้ แต่ไม่ขอมีปากเสียงตอนเช้า จึงสนใจเพียงเรื่องข่าวดีที่นางอยากได้ยิน
"แล้วหนูกชยังไม่ลงมาอีกเหรอ"
"ผมจะรู้เหรอครับ" หยักไหล่ตอบอย่างไม่ยี่หระ ถึงแม้จะอยู่ร่วมห้อง นอนร่วมเตียงกันวศินก็ไม่ได้ให้ความใส่ใจต่อภรรยาสาวเท่าที่ควรจะเป็น ร่วมรักเสร็จต่างคนต่างนอนหันหลังให้กัน กชมลสลบไปตั้งแต่โดนจัดหนักรอบแรก กว่าศึกจะสงบก็กืนเวลาไปเกือบตี 4 วศินมีเวลาพักผ่อนแค่ 1 ชั่วโมงก็ต้องตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน ตอนออกมาตนไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่าอีกคนมีสภาพอย่างไร
ทำไมต้องสนด้วยในเมื่อทุกอย่างที่ทำลงไปเพราะความกดดันจากมารดาทั้งนั้น
"เอ๊ะ! เป็นผัวเมียกันยังไงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมียเลย คราวที่แล้วก็ไม่รู้ว่าน้องแพ้กุ้งทั้งที่วศินกับน้องก็โตมาด้วยกัน รอบนี้เมื่อคืนยังสวีทหวานอยู่เลย...ตื่นเช้ามาทำราวกับเป็นแค่คนแปลกหน้าเสียอย่างนั้น" วรันธรอดไม่ได้ที่จะดุด่าว่ากล่าวบุตรชายตัวดี
วศินถอนหายใจหนัก ลงมือรับประทานอาหารบนโต๊ะโดยไม่สนใจสิ่งรอบด้าน วรันธรได้แต่มองตาเขียวปั๊ด มีลูกชายสั่งอะไรก็ทำไม่ได้ดั่งใจนางเลย
กำลังออกปากสั่งให้แม่บ้านอย่างนางกิมเล้งไปตามลูกสะใภ้ หากเห็นร่างอรชรเดินลงมาจากชั้นสองดี
"หนูกชมานั่งก่อนจ้ะ แม่ทำกับข้าวเอาไว้เลยอะเลย ไว้รอหนูโดนเฉพาะเลยนะ" แม่สามารถกุลีกุจอเข้าไปประคองเอวร่างจ้อย แล้วเดินมายังโต๊ะอาหารพร้อมกัน
"ขอบคุณนะคะ กชเกรงใจ"
วศินใช้หางตามองภรรยาอย่างห่างเหิน ไม่เข้าไปช่วยเธอทั้งที่เห็นกันอยู่ว่าเธอแทบไม่มีแรงก้าวเดิน ส่วนพ่อสามีส่งยิ้มเจือความห่วงใยให้ หญิงสาวกัดปากกลั้นเจ็บขณะก้าวขาไปข้างหน้า ไม่รู้ว่าระหว่างร่างกายหรือหัวใจอะไรเจ็บปางตายกว่ากัน
"ทำไมเสียงดูเนือย ๆ แบบนั้นล่ะหนูกช เมื่อคืนได้นอนบ้างหรือเปล่าเนี่ย" วรันธรชักมือกลับแทบไม่ทันหลังจากอังหน้าผากลูกสะใภ้ซึ่งมีอุณภูมิร้อนราวกับไฟ บวกกับเสียงแหบแห้งคล้ายเป็นหสัดทำให้นางไม่สบายใจ
"กชน่าจะพักผ่อนน้อยค่ะ" พอมีคนถามถึงเรื่องเมื่อคืนเธอหน้าแดงขึ้นทันใด ไอโขลก ๆ ตอบไป
"จะคุยกันอีกนานไหมครับ ข้าวเช้าวันนี้คงไม่ต้องกินมันแล้วมั้ง!" วศินโพล่งขึ้นแทรกกลางบทสนทนาไร้สาระ
คิ้วเข้มขมวดมุ่นฉายแววกรุ่นโกรธ กับอีแค่โดนเขาเอาไม่กี่ชั่วโมงมันจะอะไรกันนักกันหนา ทำตัวบอบบางเรียกคะแนนสงสารหรือไง!
"แล้วลูกจะอะไรนักหนา รอนิดรอหน่อยไม่ได้เลยหรือไง"
วรันธรฮึดฮัด ยอมกลับไปนั่งที่เดิม ลูกสะใภ้ดีเด่นจึงเดินตามมาทีหลัง ทว่าช่วงเวลานั้นเธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบเคลื่อนหมุนเร็วขึ้น สายตาพร่าเบลอจนแทบมองไม่เห็นสรรพสิ่งใด ทุกอย่างกำลังมืดบอด
เธอรีบยกมือขยี้ดวงตา สบัดหัวไล่ความงัวเงียทิ้ง เป็นเพราะเมื่อคืนไม่มีเวลาพักผ่อน อีกทั้งโดนสูบเรี่ยวแรงจากกิจกรรมอย่างว่าไปจนหมด ตื่นเช้ามาเลยมีอาการจับไข้ รู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย กินยาแก้ปวดลดไข้มาแล้วอาการกลับไม่ดีขึ้นเลย
พรึ่บ!
ท้ายที่สุดเจ้าหล่อนหงายหลังฟุบลงไปบนพื้น ต่อหน้าต่อตาคนทั้งบ้าน
หากเธอไม่ช้ำคามือวศินคงไม่ยอมหยุดแค่นี้!
"ว้าย ตายแล้ว หนูกชเป็นลมล้มพับไปแล้ว!"
ถึงแม้วศินจะนั่งอยู่ใกล้จุดที่หญิงสาวทรุดตัวลงไป เขากลับไม่รีบร้อนที่จะเข้าไปช่วยประคอง จนศีรษะเธอกระแทกกับพื้นกระเบื้อง