ตอนที่ 4 ร่วมหอ
"ชีวิตคนเราก็มีค่ากันทั้งนั้น นี่ใช่ไหมครับที่คุณพ่อต้องการจะสื่อ ถ้าหมายถึงชีวิตทุกคนมีค่าแต่ทำไมชีวิตของผมเหมือนไม่มีค่าอะไรเลย คุณพ่อคุณแม่คิดจะจับผมไปวางตรงไหนก็ได้ ขอให้ผมแต่งงานกับคนที่ผมไม่ได้รัก อีกทั้งคิดแทนผมเสียทุกอย่าง จนผมไม่เคยได้ตัดสินใจอะไรเอง"
ปาลินหลุบตาลงต่ำรับรู้ถึงรังสีทะมึนทึงจากวศินพุ่งออกมาทำเอาเธอประหวั่นใจ
"เพราะแกเป็นลูกคนเดียวของบ้าน ต้องเป็นไปตามแบบแผนที่ฉันวางเอาไว้มันถูกต้องที่สุดแล้ว ที่ฉันทำไปทั้งหมดก็เพื่อแกทั้งนั้น"
"คุณพ่อเคยถามผมไหมครับ ว่าผมต้องการหรือเปล่า"
"แกอย่ามาอวดดีกับฉัน หากแกบอกไม่ต้องการชีวิตที่ถูกจับวางจริง ๆ แกจะมีโอกาศได้ออกไปเที่ยวเตร่ ผลาญเงินฉันวันหนึ่งไม่ต่ำกว่าล้านไหม! หรือแกอยากเป็นแค่คนทั่วไป"
วศินเงียบปาก เถียงไม่ออก ในเมื่อตนเองก็พึงพอใจที่เกิดมาในตระกูลมีชื่อเสียง มีฐานะโดยไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากพ่อกีบแม่ได้สร้างเอาไว้ให้หมดแล้ว แต่เขาไม่อาจยอมรับนางมารร้ายคนนี้เป็นภรรยาได้แน่ ยังไงก็ต้องหาทางหย่ากับเธอ
"คุณผู้ชายคะ อย่าดุว่าคุณวศินเลยนะคะ คุณวศินพูดไปก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ" แม่นมกิมเล้งรีบเข้ามาให้ท้าย
"แกก็เหมือนกันนางกิมเล้ง เลิกให้ท้ายมันเสียที มันโตแล้ว ตอนนี้เป็นถึงผู้บริหารไม่ใช่เด็กอมมือ..." ไม่วายโดนคุณผู้ชายตำหนิไปด้วย นางจึงหุบปาก
"กชขอโทษด้วยนะคะถ้าเป็นสาเหตุทำให้ทุกคนต้องมีปากเสียงกัน" ปาลินควรทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้สถานการณ์มันบานปลายไปยิ่งกว่านี้ "จะว่าไปแต่ก่อนกชเคยแพ้กุ้งก็จริง ตอนนี้น่าจะทานได้แล้วค่ะ เดี๋ยวกชทานให้ทุกคนดูเลย..."
เธอใช้ช้อนตักกุ้งขึ้นมากำลังอ้าปากงับเอาตัวกุ้ง จังหวะนั้นนั่งเองใครอีกคนก็แย่งช้อนจากมือไปเสียก่อน
"ผมกินเอง" วศินกินกุ้งตัวปัญหาลงท้องไป เคี้ยวจนเสร็จจึงต่อว่าหญิงสาว "รู้ว่าตัวเองแพ้ยังจะดื้อด้าน อยากได้ซีนนักเหรอถึงคิดทำแต่เรื่องโง่ ๆ!"
หลังรับประทานข้าวเสร็จลูกสะใภ้ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมเข้านอน ส่วนสามคนพ่อ แม่ และลูกชายพากันไปนั่งดูละครช่วงค่ำในยามว่างที่โถงห้องนั่งเล่น พอถึงเวลาใกล้จะเข้านอน วศินกำลังขึ้นไปพักผ่อนบนห้อง วรันธรก็ไม่ลืมกำชับบุตรชาย
"แม่คาดหวังว่าจะได้อุ้มหลานเร็ว ๆ นี้นะ คืนเข้าหอก็หนีจากห้องหอ คืนนี้เป็นคืนแรกที่ลูกกับหนูกชจะได้ร่วมเตียงกัน อย่าให้แม่ต้องพร่ำบอกอีกนะว่าต้องทำยังไง" นางรู้ฤทธิ์เดชของวศินดี เขาไม่ใช่คนอ่อนประสบการณ์ และทราบดีว่ามารดาต้องการอะไร
"ผมทำไม่ได้หรอกครับ ผมไม่ได้รักกชมล" วศินยังยืนยันคำเดิม หากตนจะมีอะไรกับใครสักคนต้องเป็นผู้หญิงที่เขารัก แต่สำหรับกชมล เขาเห็นเธอเป็นเพียงน้องสาวที่เติบโตมาด้วยกันเท่านั้น
"ลูกลองเปิดใจให้น้องหน่อยก็ดี ยังไงต่อให้ลูกมีคนที่ลูกรัก แต่สุดท้ายมันไม่มีทางเป็นไปได้ ลูกก็รู้นี่" วรันธรอยากอุ้มหลาน อีกทั้งนางมีบุตรชายเพียงคนเดียวที่จะสามารถสืบทอดทายาทต่อไปได้
ถ้านางไม่ติดปัญหาสุขภาพคงมีลูกเพิ่มอีกสองถึงสามคนไปแล้วจะได้ไม่ต้องเข้มงวดกับวศินทั้งหัวแข็ง และไม่ยอมเชื่อฟังจนนางอ่อนอกอ่อนใจ
"เปิดใจอะไรอีกครับผมพยายามแล้ว เปิดใจแล้วยังไงครับ ผมรักไม่ลงหรอก ดูวีรกรรมที่เธอเคยทำไว้สิ" วศินลืมไม่ลง ยังฝังใจกับวีรกรรมของหญิงสาวเคยสร้างเรื่องอย่างไรไว้เขาจำได้ดี อีกทั้งไม่สามารถรักนางมารร้ายลง
"หนูกชไม่ดีตรงไหน เพียบพร้อมทุกอย่างเหมาะสมกับลูกที่สุดแล้ว"
"เคยวางยาผมครั้งหนึ่งเพราะหึงหวงที่ผมกับอัยราสนิมสนมกัน ทำร้ายน้องสาวตัวเองหลายครั้งหลายคราจนเกือบถึงชีวิต ผมยังมองไม่เห็นส่วนดีของกชมลเลยครับ..."
ส่วนที่วศินเล่ามามันแค่น้ำจิ้ม กชมลเคยวางยาปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศเขาเมื่อหลายปีก่อนในงานเลี้ยงวันเกิดของอัยราเพราะแรงอิจฉาริษยา ฤทธิ์ยาที่ผสมลงไปในเครื่องดื่มเกินขนาดจนเขาอาเจียน เกิดอาการต่อต้านยาอย่างรุนแรง
จนถูกหามส่งโรงพยาบาลยังโชคดีที่ได้รับการรักษาทันท่วงทีไม่เช่นนั้นเขาคงตายตั้งแต่วันนั้น ความจริงถูกเปิดเผย เมื่อพ่อกับแม่เขาไปขอดูกล้องวงจรปิดจากทางโรงแรมบริเวณงานเลี้ยงที่เกิดเหตุ ซึ่งคนลงมือก่อเหตุเป็นเพียงแค่เด็กอายุ 17 ปี
พ่อของกชมลรีบพาลูกสาวมาขอโทษขออภัยทันทีเมื่อทราบเรื่อง คุณพ่อคุณแม่เขาก็เข้าใจไม่เอาความ เห็นว่ากชมลยังเด็ก ขาดการยั้งคิดยั้งทำ มีผู้ใหญ่ให้ท้ายแบบนี้ไงล่ะ กชมลเลยได้ใจ
"ลูกจะเอาเรื่องพวกนี้มาพูดอีกทำไม มันผ่านมานานหลายปีแล้วนะ อีกอย่างตอนนี้น้องโตแล้ว แม่สังเกตเห็นนะว่าน้องกำลังเริ่มจะเปลี่ยนตัวเอง"
"ผ่านมานานแต่ความรู้สึกคนถูกกระทำล่ะครับ ถึงก็ชมลจะเปลี่ยน ก็คงได้ไม่นานหรอกครับ คนนิสัยเดิมคงเป็นแบบเดิม ๆ นั่นแหละ เอาเป็นว่าเราจบเรื่องนี้กันเถอะครับ ผมไม่อยากพูดถึง" วศินขอร้องมารดาเสียงเข้ม สีหน้าเหนื่อยหน่ายไม่น้อย
ตั้งแต่แต่งงานมาเขาไม่เห็นว่าจะมีอะไรดี ครอบครัวทะเลาะกันแต่เรื่องเดิม ๆ บ่อยครั้ง อีกทั้งบ้านที่เคยเป็นเซฟโซนตอนนี้กลับทำให้เขารู้สึกไม่อยากกลับมาเหยียบ รวมถึงห้องนอนที่เขาหวงแหนพื้นที่ส่วนตัวบัดนี้กชมลได้เข้ามายึดครองไปแล้ว
ฝ่าเท้าใหญ่กำลังก้าวออกไปยังโรงรถกลับหยุดชะงักครั้นเสียงโทนเสียงจริงจังจากมารดาเอ่ย "ถ้าคืนนี้ลูกคิดจะออกไปไหน แล้วทิ้งน้องไว้คนเดียวแบบนั้น อย่าหาว่าแม่ไม่เตือน แม่โกรธเป็นมีความรู้สึกเหมือนกัน!"
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจเฮือก หลับตาลงเพื่อระงับอารมณ์โกรธ วศินไม่ใช่คนใจเย็น โดยเฉพาะเวลาที่กำลังถูกบังคับจนไม่มีทางเลือก
"คุณแม่อย่าหาว่าผมใจร้ายกับเธอก็แล้วกัน"
"ลูกจะทำอะไร"
"คุณแม่ต้องการอะไรผมก็จะจัดให้ตามความต้องการนั้นนั่นแหละครับ!"
จากนั้นวศินจึงเปลี่ยนใจเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอน ซึ่งขณะนี้ภรรยาตีทะเบียนของเขาได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว
ทางด้านปาลินกำลังนอนเล่นเกมส์บนเตียงนอนขนาดใหญ่ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์ เงยหน้ามองคนตัวใหญ่หน้าบึ้งบูดผลักประตูเข้ามาเสียงดังปึงจนเธอสะดุ้ง
"พี่วศินไปอาบน้ำก่อนไหมคะ" ปาลินถามเสียงอ้อมแอ้ม เลิกเล่นเกมแล้วเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
"อย่ามายุ่งกับฉัน"
'ไม่อยากยุ่งด้วยนักหรอก' ปาลินบ่นในใจ
"กชต้องยุ่งค่ะเพราะกชเป็นภรรยาของพี่แล้ว" เอาวะในระหว่างหาทางกลับการสวมบทบาทเป็นนางร้ายก็ไม่ได้แย่เสมอไปหรอก (มั้ง)
"แค่ภรรยาในนามเท่านั้นแหละ" วศินตอกกลับแทบหน้าหงาย เดินผ่านร่างอรชรไปราวกับเธอเป็นแค่อากาศไร้ตัวตน พลางจัดการปลดเสื้อผ้าทีละชิ้นออกเพื่ออาบน้ำ