บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 เสแสร้ง/2

ปาลินเดินทางกลับมาถึงบ้านหลังใหญ่สองชั้นสไตล์ยุโรปของตระกูล 'ทรงอินทร์ทร' พร้อมกับพ่อกับแม่ของฝั่งสามีเมื่อรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนอาการดีขึ้นเป็นระยะ เธอรู้ตัวแล้วว่าตอนนี้ตัวเองเป็นใคร และกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อย่างไร

หลายวันที่ผ่านมาเธอหาทางออกกลับไปยังร่างเดิม แต่ไม่ว่าจะลองวีธีใดก็ไม่สามารถกลับไปโลกเดิมได้ เช่นกลั้นหายใจตาย บีบคอตัวเอง ทั้งคิดจะแขวนคออีกครั้งบ้างล่ะ

ปาลินจึงจำต้องใช้ชีวิตอยู่ในร่างของนางร้ายอย่าง 'กชมล' ในนิยายเรื่อง 'รอยรักวิวาร์ร้าว' ที่เธอเป็นคนแต่งมันขึ้นมาเอง ดูเหมือนเนื้อเรื่องทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามบทที่เธอแต่งเอาไว้

ขออยู่ในร่างนางเอกไม่ได้หรือไง

ทะลุมิติมาทั้งทีกลับได้รับบทตัวร้ายที่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง นิสัยก็เสียจนใครต่อใครต่างเกลียดชัง ยกเว้นพ่อกับแม่ของคุณพระเอก ผู้ใหญ่ทั้งสองใจดี เอ็นดูกชมลดั่งลูกหลานอีกคน และคอยช่วยเหลือเมื่อลูกชายตัวดีพูดจาไม่ดีใส่ เฉกเช่นตอนนี้

"กลับมาแล้วเหรอ คราวนี้จะสร้างเรื่องอะไรให้คนอื่นเขาเดือดร้อนอีกล่ะ ตัวซวยจริง ๆ"

"วศินทำไมพูดแบบนั้นกับน้อง แม่บอกว่ายังไงทำไมไม่ฟังแม่"

"คุณแม่ก็ดีแต่ให้ท้ายเธอถึงมีนิสัยเสียแบบนี้ไงครับ ถ้าไม่ด่ากชมลจะรู้ตัวเองไหมว่าทำตัวแย่มากแค่ไหน"

ใช่...ตอนนี้ฉันกำลังปะทะหน้ากับพระเอกของเรื่องที่ปากร้ายกับคนทั้งโลก แต่แสนดีแค่กับนางเอกคนเดียว

"ทำไมไม่พูดอะไรบ้างล่ะเธอเป็นต้นเหตุให้คุณแม่ตำหนิฉัน!" ปาลินอุตส่าห์อยู่อย่างสงบเสงี่ยมไม่วายยังโดนเขม่น เกิดเป็นตัวร้ายทำอะไรก็ผิดไปหมด เธอรู้ซึ้งแล้วจริง ๆ

"ถ้าพี่วศินไม่โทษความผิดมาให้กชก่อน คุณแม่คงไม่ได้ตำหนิพี่เหมือนกันค่ะ"

วศินบดกรามแน่นจนเห็นสันกรามนูน หากเป็นเมื่อก่อนต่อให้กชมลมีนิสัยเสียเพียงไรแต่ต่อหน้าเขาเธอมักจะเสแสร้งทำตัวนิ่งเงียบให้เขาเอ็นดู หากบัดนี้ริอ่านงัดข้อกับตน

ทว่าไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบันภรรยาตีทะเบียนคนนี้ก็น่าขยะแขยงที่สุด

"เธอนั่นแหละเป็นต้นเหตุของเรื่องทุกอย่าง รู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่อยากแต่งด้วยยังจะดื้อด้าน"

"ไม่แมนเลยนะคะ เอะอะ ๆ ก็โทษกชอย่างเดียวเลย"

พ่อกับแม่ของวศินถึงกับนิ่งอึ้ง เป็นครั้งแรกที่พวกเขาจะเห็นกชมลลุกขึ้นสู้ต่อปากต่อคำกับบุตรชาย

"กชมล!"

"ค่ะ ชื่อกชมล มีไรป่ะ!"

"เธอกำลังกวนประสาทฉันอยู่..."

"พี่วศินอยากพูดแค่นี้ใช่ไหมคะ กชอยากนอนพัก ขอตัวค่ะ"

ปาลินแสบแก้วหูจนต้องยกมืออุดหูเพราะคุณพระเอกขึ้นเสียงใส่ พร้อมจะระเบิดอารมณ์เต็มที อยู่ใกล้แค่นี้พูดเบา ๆ ก็ได้นี่ เธอไม่พอใจจึงตอกกลับไปเชิงท้าทาย

พอมาเจอเองกับตัวจึงรู้ว่าพระเอกนิยายเรื่องนี้เข้าข่ายโรคไบโพล่าร์ คาแรคเตอร์เขาชัดมาก สนทนากันไม่กี่นาทียังทำให้ปาลินปวดหัว และเอือมระอาได้ขนาดนี้

"เดี๋ยวแม่พาไปส่งบนห้องนะหนูกช ไปกันดีกว่าจ้ะ" วรันธรใช้หางตามองบุตรชายเพียงคนเดียวของนางอย่างตำหนิ ก่อนจะเข้ามาโอบเอวลูกสะใภ้ประคองพาขึ้นไปพักผ่อนในห้องนอนที่ชั้นสอง

ปล่อยให้วศินมองตามด้วยสายตาขุ่นเคือง ทุกคนต่างโทษว่าเขาทำให้เธอฆ่าตัวตายจนเกือบเสียชีวิต

ปาลินอยู่แต่ในห้องจนกระทั่งถึงช่วงเย็นที่ต้องออกไปรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับครอบครัวของสามี เพราะหลังจากแต่งงานก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ พ่อของนางร้ายไม่คัดคร้านหากลูกสาวของเจ้าตัวจะย้ายไปอยู่กับเจ้าบ่าว

คุณแม่ของคุณพระเอกได้บอกเธอว่าไม่ต้องเกรงใจคนบ้านนี้ก็เหมือนญาติพี่น้องของเธอ ถึงกระนั้นปาลินก็รู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่คิดแบบนั้น ซึ่งมีอีกหนึ่งคนที่ไม่ค่อยปลื้มสะใภ้อย่างกชมล

"คุณผู้หญิงให้มาตามไปทานข้าวค่ะ" แม่นมกิมเล้งที่เลี้ยงดูวศินมาตั้งแต่ยังเล็กได้รับคำสั่งจากเจ้านายให้มาตามหญิงสาว นางบอกเสียงกระทบกระเทียบท้ายหลัง "เป็นเด็กแท้ ๆ ยังให้ผู้ใหญ่เขารอ"

เธอได้ยิน หากเป็นทุกครั้งคงสวนกลับด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทว่าคราวนี้เธอไม่ใช่กชมลคนเดิม

"ได้ค่ะเดี๋ยวกชจะตามไป"

"ไปตอนนี้เลยค่ะทุกคนรอแค่คุณ รู้จักเกรงใจเจ้าของบ้านด้วยสิคะ"

"ก็ได้ค่ะ" ปาลินยอมวางโทรศัพท์ในมือไว้ข้างหัวเตียง สายตาละห้อยยังมองตามเกมส์ในโทรศัพท์ที่เพิ่งเริ่มเล่นไป เพราะอยากอยู่ที่นี่ระหว่างหาทางกลับโลกที่จสกมาโดยไม่มีปัญหากับใคร เธอจึงไม่อยากสร้างเรื่องเพิ่ม แค่สิ่งที่กชมลคนเก่าเคยทำเอาไว้มันมากเกินพอแล้ว

ถึงแม้คนตรงหน้าก็ไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ควรจะให้เกียรติ คิดแล้วมันช่างเหนื่อย และท้อ พอเข้ามาอยู่ในร่างนางร้าย ชีวิตที่โหดร้ายของกชมลทำให้ปาลินเริ่มตั้งคำถาม ว่าทำไมเธอถึงแต่งนิยายได้บิดเบี้ยวขนาดนี้ พระเอกในเรื่องก็ไม่ได้น่าตกหลุมรักอะไรทั้งสิ้น

หญิงสาวเข้ามาร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำ ทันทีที่เธอเดินมาถึงวศินก็รุดลุกจากเก้าอี้ที่ตนเองนั่ง แล้วบริการเลื่อนเก้าอี้อีกตัวข้าง ๆ เขาให้เธอนั่ง ปาลินเหลือบเห็นคุณแม่บิดเอวลูกชาย ดูสีหน้าบูดบึ้งของอีกฝ่ายก็พอรู้ว่าโดนแม่บังคับให้ทำ

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเงียบงันเสียจนปาลินรู้สึกอึดอัด มีเพียงแม่นมกิมเล้งที่คอยถามคนบนโต๊ะอาหารเป็นระยะว่าต้องการเติมอาหารเพิ่มหรือเปล่า

"วศินตักผัดให้น้องหน่อยสิ" วรันธรสั่งบูตรชายแกมบังคับ เมื่อหันไปเห็นวศินไม่ใส่ใจภรรยาที่นั่งข้างกาย

"เธอมีมือครับคงตักเองได้" ชายหนุ่มใช้หางตาไม่เป็นมิตรมองไปยังคนน้องทานข้าวจนแก้มตุ่ย ราวกับอดอยากมานาน หากไม่บอกว่าวันก่อนเศร้าจนถึงขั้นฆ่าตัวตายเขาก็เชื่อ

"วศิน!" วรันธรแทบจะเป็นลม นางไม่เคยสั่งสอนให้บุตรชายมีพฤติกรรมไม่ดีแบบนี้ วศินยอมจบปัญหาด้วยการตักแกงต้มยำกุ้งไปวางบนจานข้าวของคนน้อง

"วศินทำไมตักต้มยำกุ้งให้น้องล่ะ" วรันธรมองลูกชายอย่างตำหนิอีกครั้ง ทางด้านวศินเริ่มหงุดหงิดกับความเจ้ากี้เจ้าการของมารดาเต็มทน

"อะไรอีกล่ะครับคุณแม่"

"น้องแพ้กุ้งนะ"

"ผมจะรู้เหรอครับ"

วศินนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะตวัดสายตามองคนที่เอาแต่หลบหน้าหลบตา มุมปากยกยิ้มแฝงเลศนัย แล้วพูดขึ้น

"ฉันจะบอกเธอให้นะ ถ้าอยากตายมากไม่ต้องคิดฆ่าตัวตายซับซ้อนอะไรหรอก เธอแพ้กุ้งนี่กินแค่กุ้งก็คงตายได้ง่าย ๆ เหมือนกัน"

"วศินมันมากเกินไปแล้วนะ ความเป็นความตายของคนเชียวนะทำไมถึงเอามาพูดล้อเล่นแบบนี้!" ประมุขของบ้านทรงอินทร์ทรรวบช้อนส้อม ผุดยืนทันที ฝ่ามือหนาทุบลงบนโต๊ะอย่างแรงจนทุกคนสะดุ้ง บุตรชายที่รู้สึกว่ากำลังถูกเอ็ดเพราะบิดา มารดาเข้าข้างคนอื่นกลับไม่สะท้าน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel