ตอนที่ 3 เสแสร้ง/1
'โอ๊ะ เจ็บ' น้ำเสียงแห้งผากจากผู้ป่วยบนเตียงดังอุทานออกมา พร้อมเปลือกตาสีไข่มุกที่กระพริบปริบ ๆ พยายามปรับสายตา เพียงขยับตัวเปลี่ยนท่านอนเล็กน้อยกลับรู้สึกปวดแปลบบริเวณหลังคอขึ้น
ผู้ใหญ่ที่เฝ้ารอการฟื้นชีพของหล่อนรีบเข้ามายืนล้อมรอบเตียงด้วยความตกใจ
"ฟื้นแล้ว หนูกชฟื้นแล้วค่ะคชา"
"ผมเห็นแล้ว นี่มันเรียกว่าปาฏิหาริย์ได้ไหมวรันธร"
ปาลินรู้สึกว่าห้องนอนของเธอมีอุณหภูมิหนาวกว่าทุกวันทั้งที่ประเทศไทยอากาศร้อน แถมที่ห้องเช่าไม่มีเครื่องปรับอากาศ มีแค่พัดลมเครื่องเก่าซ่อมซ่อที่ใบพัดใกล้จะหักพังเต็มที เตียงที่นุ่มมากกว่าทุกวัน ทั้งรู้สึกถึงสายตาหลายคู่จากใครบางคนจ้องมายังเธอ ทำให้ปาลินลืมตาตื่น อีกทั้งเสียงพูดคุยจอแจดังเสียจนรบกวนเวลานอน
ปาลินกลอกสายตามองไปรอบห้องที่ไม่คุ้นเคย ไม่สามารถขยับร่างกายไปไหนได้เนื่องจากคอถูกล็อคไว้กับเฝือก เธอสบถหยาบด้วยความมึนงง เลื่อนสายตามองไปยังคนที่จ้องเธออยู่เช่นกัน หากได้ยินไม่ผิดเมื่อครู่ได้ยินพวกเขาเรียกชื่อกันว่า 'คชา' กับ 'วรันธร' ชื่อคับคล้ายคับคลาเหมือนเธอเคยได้ยินจากไหนสักที่ แต่จำไม่ได้นี่สิ
"กินน้ำไหมจ๊ะหนูกช เดี๋ยวแม่รินน้ำให้นะ ตอนนี้คุณกิตติศักดิ์กำลังไปตามหมอมาดูอาการหนู"
หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีรินน้ำใส่แก้วแล้วนำมาป้อนถึงปากปาลิน เธอยังมึนงงแต่ด้วยความกระหายน้ำจึงยอมดื่ม พอมีเสียงมีเรี่ยวแรงปาลินไม่ลืมเอ่ยถามคนแปลกหน้า
"ใครชื่อกชเหรอคะ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ที่นี่มันคือที่ไหน"
"หนูกชใจเย็น ๆ นะ นี่หนูจำไม่ได้เหรอ แม่เป็นแม่สามีของหนู ลูกชายของแม่ชื่อวศิน ส่วนคนข้าง ๆ แม่ชื่อคุณคชา แม่ชื่อวรันธรไงจ๊ะ" วรันธรคิดว่าการที่หญิงสาวสลบข้ามวันข้ามคืนทำให้เธอเลอะเลือน
"ฉันเนี่ยเหรอคะชื่อกช ไม่ใช่หรอก" ปาลินชี้นิ้วมาที่ตัวเองอย่างเหลือเชื่อ จะเป็นไปได้ยังไง
"หนูชื่อนกชมล" วรันธรพยายามอธิบายต่อลูกสะใภ้
"หนูจำไม่ได้เลยเหรอหนูกช" คชาเริ่มห่วงอาการหลานสาว
ปาลินนิ่งไปครั้นเอะใจกับชื่อของคนทั้งสอง...นี่มันชื่อตัวละครในนิยายที่เธอเพิ่งแต่งจบไปนี่นา อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น
"ฉันขอคิดก่อนค่ะ..." ปาลินพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ตรงหน้าเมื่อมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล
"คุณหมอมาแล้ว!"
เสียงนั้นทำให้ปาลินหลุดจากภวังค์หันไปมองจ้องชายในชุดกาวน์ที่เข้ามาตรวจอาการเธอ
หมอหนุ่มยิ้มให้ก่อนเอ่ยพูดขึ้น "อาการของคุณกชมลปกติดีนะครับ อาจจะเพราะยังช็อคอยู่เลยทำให้เธอความจำเลอะเลือน แต่ไม่นานก็จะปกติดี"
"ขอบคุณครับคุณหมอที่ช่วยชีวิตลูกสาวของผมเขาไว้" ปาลินหันขวับมองไปยังชายร่างท้วมที่อ้างตัวว่าเป็นพ่อของเธอ...ฉันมีพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่เท่าที่จำความได้ฉันเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อกับแม่เอามาทิ้งไว้ข้างถังขยะ ถ้าไม่มีคนไปพบเข้าคงถูกสัตว์แถวนั้นลากไปกัด หรืออาจจะเหลือแค่ชื่อตรงนั้น
"ไม่เป็นไรครับมันเป็นหน้าที่ของหมอ ทีแรกหมอเองก็คิดว่ามีแค่ 50% ที่จะรอดเพราะคนไข้หยุดหายใจไปแล้ว แต่จู่ ๆ สัญญาณชีพจรเธอก็กลับมาทำงานอีกครั้ง..."
จากนั้นคุณหมอหนุ่มตรวจอาการคนไข้เสร็จสิ้นก็ขอตัวไปดูอาการคนไข้ห้องอื่นต่อ
"ลูกทำแบบนี้ทำไม หากตายขึ้นมาจริงจะทำยังไง!" ชายวัยกลางร่างอ้วนท้วมหันกลับมาตะคอกเสียงเข้มถามบุตรสาวที่ไม่รู้สึกรู้ร้อนรู้หนาวทั้ง ๆ ที่เธอลงมือกระทำเรื่องบ้า ๆ ลงไปจนใครต่อใครต่างเดือดร้อนไปด้วย ปาลินสะดุ้งโหยงเผลอกลืนน้ำลายเหนียวข้นลงคอ
"เอ่อ..."
"ท่านกิตติศักดิ์คะ ฉันว่าอย่าเพิ่งไปซ้ำเติมหนูกชเลยนะคะ" ภรรยาของสหายห้ามไว้เสียก่อน กิตติศักดิ์จึงยั้งอารมณ์ทัน
"ยังไงเรื่องที่เกิดขึ้นหนูกชก็ไม่ใช่คนผิดคนเดียว ลูกชายตัวดีของแม่ก็ทำไม่ถูก หนูไม่ต้องคิดมากนะจ๊ะ รักษาตัวให้หายดี แล้วกลับไปอยู่บ้านเรา แม่จะจัดการทุกอย่างเอง!" นางวรันธรรับปากอย่างมั่นเหมาะ ทั้งขุ่นเคืองบุตรชายตัวดี ขนาดคนน้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลข้ามวันข้ามคืน อาการปางตายยังไม่ยอมโผล่หน้ามาดูสักนิด
เป็นเหมือนกับเธอแค่ฝันไป หรือกำลังเข้าฉากละครอย่างไรอย่างนั้น ปาลินแทบไม่อยากเชื่อ จนกระทั่งเธอขอตัวเข้าห้องน้ำไปสงบสติอารมณ์ และได้ส่องกระจกจึงรู้ว่าเธอเข้ามาอยู่ในร่างของ กชมล ร่างร้ายตัวจี้ดในนิยายเรื่อง รอยร้าววิวาห์รัก
ปาลินเดินทางกลับมาถึงบ้านหลังใหญ่สองชั้นสไตล์ยุโรปของตระกูล 'ทรงอินทร์ทร' พร้อมกับพ่อกับแม่ของฝั่งสามีเมื่อรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนอาการดีขึ้นเป็นระยะ เธอรู้ตัวแล้วว่าตอนนี้ตัวเองเป็นใคร และกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อย่างไร
หลายวันที่ผ่านมาเธอหาทางออกกลับไปยังร่างเดิม แต่ไม่ว่าจะลองวีธีใดก็ไม่สามารถกลับไปโลกเดิมได้ เช่นกลั้นหายใจตาย บีบคอตัวเอง ทั้งคิดจะแขวนคออีกครั้งบ้างล่ะ
ปาลินจึงจำต้องใช้ชีวิตอยู่ในร่างของนางร้ายอย่าง 'กชมล' ในนิยายเรื่อง 'รอยรักวิวาร์ร้าว' ที่เธอเป็นคนแต่งมันขึ้นมาเอง ดูเหมือนเนื้อเรื่องทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามบทที่เธอแต่งเอาไว้
ขออยู่ในร่างนางเอกไม่ได้หรือไง
ทะลุมิติมาทั้งทีกลับได้รับบทตัวร้ายที่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง นิสัยก็เสียจนใครต่อใครต่างเกลียดชัง ยกเว้นพ่อกับแม่ของคุณพระเอก ผู้ใหญ่ทั้งสองใจดี เอ็นดูกชมลดั่งลูกหลานอีกคน และคอยช่วยเหลือเมื่อลูกชายตัวดีพูดจาไม่ดีใส่ เฉกเช่นตอนนี้
"กลับมาแล้วเหรอ คราวนี้จะสร้างเรื่องอะไรให้คนอื่นเขาเดือดร้อนอีกล่ะ ตัวซวยจริง ๆ"
"วศินทำไมพูดแบบนั้นกับน้อง แม่บอกว่ายังไงทำไมไม่ฟังแม่"
"คุณแม่ก็ดีแต่ให้ท้ายเธอถึงมีนิสัยเสียแบบนี้ไงครับ ถ้าไม่ด่ากชมลจะรู้ตัวเองไหมว่าทำตัวแย่มากแค่ไหน"
ใช่...ตอนนี้ฉันกำลังปะทะหน้ากับพระเอกของเรื่องที่ปากร้ายกับคนทั้งโลก แต่แสนดีแค่กับนางเอกคนเดียว
"ทำไมไม่พูดอะไรบ้างล่ะเธอเป็นต้นเหตุให้คุณแม่ตำหนิฉัน!" ปาลินอุตส่าห์อยู่อย่างสงบเสงี่ยมไม่วายยังโดนเขม่น เกิดเป็นตัวร้ายทำอะไรก็ผิดไปหมด เธอรู้ซึ้งแล้วจริง ๆ
"ถ้าพี่วศินไม่โทษความผิดมาให้กชก่อน คุณแม่คงไม่ได้ตำหนิพี่เหมือนกันค่ะ"
วศินบดกรามแน่นจนเห็นสันกรามนูน หากเป็นเมื่อก่อนต่อให้กชมลมีนิสัยเสียเพียงไรแต่ต่อหน้าเขาเธอมักจะเสแสร้งทำตัวนิ่งเงียบให้เขาเอ็นดู หากบัดนี้ริอ่านงัดข้อกับตน
ทว่าไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบันภรรยาตีทะเบียนคนนี้ก็น่าขยะแขยงที่สุด