บทที่2.ยายแป้นทอง 1/3
“สู้โว้ยไอ้อัญ! ...เปิดคอมทำงาน เคาะแป้นรัวๆ ฟิวจงบังเกิดเถิดวันนี้ งานอิฉันจะได้ขยับใกล้ปิดเสียที เพี้ยง!!” เธอยกมือขึ้นไหว้ท่วมศีรษะ เดินไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อลงมือทำงาน โดยมีเจ้าตัวอ้วนขนฟูคอยวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ เป็นกำลังใจให้เธอทำงาน ยามเมื่อยล้าตาและนิ้ว พอหันไปมองความน่าชังของลูเซียน เธอก็จะอารมณ์ดีจนขยับนิ้วรัวเหมือนข้าวตอกแตก ความฟินพาไปงานขยับมากกว่าที่คิด...ลูเซียนหนูเป็นเทวดาของแม่เลยลูก...
หญิงชราอายุประมาณ70ปี ยายแป้นทองเศรษฐินีแห่งเมืองปากน้ำโพ เจ้าของบ้านหลังใหญ่ทรงไทยโบราณตั้งอยู่ริมแม่น้ำยม ตำบลท่าไม้ หนึ่งตำบลหนึ่งในอำเภอชุมแสง ตัวบ้านหันหน้าเข้าหาแม่น้ำสายใหญ่ เพื่อรับลมธรรมชาติที่พัดโบกโบยเข้ามา เป็นบรรยากาศเย็นสบาย แม้อากาศจะร้อนอบอ้าวเพราะอยู่ในช่วงฤดูร้อน
นางกำลังนั่งตะบันหมาก เป็นคนเก่าแก่ที่ยังยึดธรรมเนียมปฏิบัติเก่าๆ โดยไม่คิดจะเปลี่ยน รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ดีกับช่องปาก แต่มันติดเสียแล้วก็เลยยากที่จะเลิก ขอนิดๆ หน่อยๆ พอให้หายยาก ลดความทุรนทุราย
“ไอ้หมา...ให้ไปตามลูกหมาหายไปเป็นชาติ มัวไปไถลมองนมสาวที่ไหนอีกหรือเปล่าล่ะยะ” นางมองเห็นลูเซียโน่เดินมาแต่ไกล จึงตะโกนถามเสียงแหลม
“ยายอ่า...ผมเป็นคนแบบนั้นตอนไหนครับ เขาเปิดให้มองก็ต้องมองสิครับ ของดีๆ ชวนมอง ๆ ไม่มองเสียดายแย่เลย” ชายหนุ่มแก้ตัวเสียงอุบอิบ ทรุดนั่งบนตั่ง สอดมือสวมกอดเอวอวบๆ ของคุณยาย
“ไม่ต้องมาแก้ตัว...ไหนลูกหมาที่ให้ไปตาม แล้วไปวุ่นวายกับหนูอัญเขาหรือเปล่าล่ะ? เขาปลีกวิเวกต้องการความเป็นส่วนตัวอยู่ด้วย ไอ้ตัวนั้นยิ่งโคตรซน...อยู่ไหนตามเจอไหม? ถ้าไม่เจอจะได้เกณฑ์คนงานออกไปตามหามัน”
ยายแป้นทองถามเป็นชุด!!
“เจอแล้วครับ อยู่บ้านหนูอัญของคุณยายนั่นแหละ ไอ้ลูเซียนมันสวามิภักดิ์กับคนสวย เธอเลยขอให้มันอยู่เป็นเพื่อนก่อน...ผมเลยต้องกลับมาเอาอาหารเม็ดไปให้ ดูเหมือนมันจะอยากอยู่ยาว” ชายหนุ่มพูดเรียบๆ ไร้พิรุธ แต่คนอาบน้ำร้อน ผ่านหนาว ผ่านฝนมาหลายฤดูก็ยังรู้ทัน อัญชันไม่ได้ขี้เหร่เสียหน่อย เพียงแต่เธอไม่ค่อยแต่งตัวและชอบอยู่เงียบๆ จึงครองความโสดมาได้ยาวนานจวบจวนเกือบ30 แล้วไอ้หลานชายข้างๆ ท่านนี่ก็เหมือนกัน ปาเข้าไป34 ยังหาเมียเป็นตัวๆ ไม่ได้สักที มีแต่ควงสาวคนนั้น คนนี้โฉบไปนั่นที่นู่นที...จนท่านล่ะเวียนหัว รูปหล่อปานเทพบุตรจุติมาเกิด แถมพกเจ้าชู้ไก่แจ้ ไก่เขี่ยมาเต็ม นางรอที่จะอุ้มเหลนจนจวนจะลงโรง ก็ยังไม่มีวี่แววสักทีจนอ่อนใจ พิมพิไลหรือจะกำราบลูกชายได้ แถมเป็นบุตรชายคนเดียวที่เป็นลูกหัวโปรด หล่อนจึงได้แต่ตักเตือน...และได้แต่รอ ร๊อรอ...ว่าเมื่อไรลูเซียโน่จะยอมสละโสด มีครอบครัวสักที
“หนูอัญเขาไม่ระอากับความดื้อของไอ้ลูเซียนรึ!! หมาอะไรซนฉิบหาย...สวนฉันป่นปี้หมด มันรื้อจนกระจุย” นางบ่นเบาๆ ด้วยความเอือม
“ไม่เห็นว่าอะไรนี่ครับ ออกจะรักกันดี”
“รักกันดี แกรู้ได้ยังไงหะ เขาอาจจะรำคาญมันก็ได้ ไปตามกลับมาไป๊ ฉันยังไม่อยากเสียเพื่อนบ้านดีดี”
“อีกแป๊บครับ...จะพาพลพรรคของลูเซียนไปด้วย เอาไปล่อตาล่อใจคนบางคน ...เธอรักหมานะครับยาย คงไม่ว่าอะไร” ปิ้ง!! เสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งในหัว นางเอียงคอมองลูเซียโน่ แววตาไอ้หลายชายมันเต้นวิบวับพิกล หรือว่า...มันอาจจะไปชอบพอสาวข้างบ้านหรือเปล่าหว่า? ...เป็นกามเทพอุ้มสมให้มัน จะโดนหนูอัญชันถอนหงอกเอาหรือเปล่าล่ะนี่ เมื่อหลานชายท่านมันลื่นยิ่งกว่าปลาไหลใส่สเกต ลื่นเหมือนทั้งตัวทาด้วยน้ำมันหล่อลื่น มันจึงไม่มีสาวคนไหนจับลูเซียโน่ติดเสียที
“แกรู้ได้ยังไงว่าหนูอัญรักหมา?”
“เขาปวารณาตัวเองเป็น ‘แม่’ ไอ้ลูเซียนแล้วนี่ครับยาย”
“อ๋อ!! แกเลยอยากจะพาไอ้ตัวยุ่งตัวอื่นๆ ไปล่อ...เผื่อเขาอยากจะเป็นแม่พันธุ์ให้แกอีกงั้นสิ!!”