๙ รั้ง (๑)
๙
รั้ง
การรับประทานอาหารมื้อนั้นผ่านไปด้วยดีโดยคุณสารัชพยายามชวนว่าที่ลูกสะใภ้คุยไม่ให้เกิดความเงียบ ทว่าดูเหมือนปารัชจะไม่ให้ความร่วมมือทั้งสองคนเท่าไหร่เพราะเอาแต่กินไม่ยอมพูดจาหรือมีปฏิสัมพันธ์ และเมื่ออาหารหมดลูกชายเพียงคนเดียวของคุณทนายอาสาจะล้างจานแต่ร่างบางก็เข้าไปช่วยทั้งที่ความจริงแล้วแทบจะทำอะไรไม่เป็น
“ว้าย” ปารัชถอนหายใจเมื่อเห็นว่าหล่อนทำจานซึ่งเต็มไปด้วยฟองหล่นลงอ่างล้างจนเกิดเสียงดัง
“ถ้าทำไม่เป็นก็ไปนั่งในห้อง” เบียดกายเข้าไปจัดการงานตรงหน้าแทนแต่คุณหนูนีรนารากลับไม่ยอมแพ้ดันร่างสูงให้ออกไปจากที่ของตัวเอง
“ไม่ค่ะ นีรจะทำ พี่ปรานนั่นแหละไปนั่งรอ” คนตัวโตเริ่มมีน้ำโหหันมามองเธอด้วยความหงุดหงิดที่พร้อมระเบิดแต่ก่อนจะได้เอ่ยอะไรคุณสารัชก็เข้ามาห้ามทัพเสียก่อน บรรยากาศขมุกขมัวจนเกรงว่าจะเกิดสงครามขึ้นในห้องครัว
“หนูนีรไปกินของว่างกับอาดีกว่า ตรงนี้ให้ปรานเขาจัดการเถอะ” ถึงจะทำหน้าเสียดายแต่เมื่อผู้ใหญ่ชวนขนาดนี้จำต้องพยักหน้ายอมแล้วล้างมือให้สะอาดค่อยออกจากห้องครัวปล่อยทนายหนุ่มทำความสะอาดจานชามที่เหลือ
ปารัชส่ายศีรษะอย่างระอาคุณหนูที่ทำอะไรเองไม่เป็นสักอย่าง ทั้งงานบ้านงานเรือนเก่งแต่ตามติดเขาไปวันๆ คนแบบนี้หรือจะเอามาเป็นภรรยาและแม่ของลูก คิดแล้วก็ได้แต่หนักใจเมื่อเส้นทางชีวิตคู่ถูกปิดตายไปแล้ว
คำว่าหย่าผุดขึ้นมาในหัวซึ่งรู้ดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ หล่อนไม่ปล่อยเขาเป็นอิสระหรอก พยายามให้ตายก็เหมือนเดินวนในเขาวงกตที่ไม่มีทางออก
หรือไม่ก็ต้องใช้เวลาแสนนานจึงจะหาทางออกได้
“ถ้าอย่างนั้นเสาร์อาทิตย์นีรมานอนที่นี่ดีกว่าค่ะ คุณอาจะได้มีเพื่อน” จัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ว่าจะเดินขึ้นห้องแต่ได้ยินบทสนทนาของอาหลานทำให้จุดหมายของเขาเปลี่ยนไป
“ตามใจหนูนีรเลย” หล่อนพยักหน้าอมยิ้มเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามใจหวัง
“อะไรกันครับพ่อ” ร่างสูงเดินมานั่งที่โซฟาเดี่ยวของห้องงรับแขกแล้วถามบิดาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแตกต่างจากว่าที่ภรรยาซึ่งยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกถึงหูแล้ว
“นีรคุยกับคุณอาว่าถ้าแต่งงานจะมานอนที่นี่วันเสาร์อาทิตย์ค่ะ อือ..นอนคืนวันศุกร์ด้วยดีกว่า” เพิ่งนึกขึ้นได้จึงรวบเป็นนอนบ้านวงศ์เดชาสามวัน
“แล้วทำไมพี่ต้องไปนอนที่อื่น” คนตัวเล็กหน้ายุ่งทันทีเมื่อได้ยินคำถามจากคนที่เพิ่งเข้ามาในห้อง
“เราแต่งงานกันแล้วพี่ปรานก็ต้องมาอยู่บ้านนีรสิคะ แต่ว่านีรเห็นแก่คุณอาเลยจะมานอนบ้านพี่ปรานวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์” นับมือว่าจะมานอนบ้านเขาสามวันพลางยิ้มเฉ่งสร้างความขัดตาให้คนมองจนต้องเบือนไปทางบิดา
“ผมจะอยู่บ้านหลังนี้ครับ ไม่ย้ายไปไหนทั้งนั้น”
“ได้ยังไงคะ เราแต่งงานกันแล้วพี่ปรานก็ต้องมานอนบ้านนีรสิ อีกอย่างบ้านนีรก็อยู่ใกล้ที่ทำงานพี่มากกว่าด้วย” พยายามหาเหตุผลเพื่อโน้มน้าวจิตใจปารัชแต่ก็ดูท่าจะยากเพราะเขาดื้อแพ่งเสียเหลือเกินแถมยังไม่แม้แต่จะแลตามามองหล่อน
“นั่นสิปราน แต่งงานแล้วก็ไปนอนบ้านหนูนีรจะมาทำเหมือนคนตัวเปล่าเล่าเปลือยได้ยังไง” เตือนสติบุตรชายพลางส่งสายตาตำหนิที่คนอายุเยอะกว่าหญิงสาวกลับทำตัวเป็นเด็กเล็ก
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ย้ายมาบ้านพี่สิ ผู้หญิงแต่งงานแล้วเขาก็มาอยู่บ้านสามีทั้งนั้น” หล่อนใจเต้นแรงเมื่อได้ยินคำว่าสามีที่ออกมาจากปากของเขาจนรู้สึกร้อนใบหน้า พยายามเม้มปากไม่ให้แสดงกิริยาไม่เหมาะสมต่อหน้าผู้ใหญ่
“แต่นีรไม่อยากปล่อยบ้านไว้กับแม่บ้านเกิดมีขโมยจะทำไง อย่างน้อยเราไปมาสองบ้านก็ยังดีนะคะ” ตอนแรกก็ชวนคุณสารัชไปนอนบ้านใหญ่ด้วยกันแต่ท่านก็ห่วงบ้านหลังนี้ สุดท้ายจึงต้องนอนทั้งสองบ้านเพื่อเป็นการเท่าเทียมและตัดปัญหาการแยกบ้าน
ปารัชเถียงไม่ออกได้แต่ทำอาการฮึดฮัดไม่พอใจในข้อตกลงสักเท่าไหร่ หญิงสาวอมยิ้มมองคุณสารัชที่ส่ายหน้าระอาในท่าทีของบุตรชาย
“ในเมื่อตกลงกันแล้วผมจะพูดอะไรได้ล่ะครับ” ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะปรายตามามองร่างบาง
“ก็คงต้องตามใจคุณหนูนีรของพ่อนั่นแหละ” แล้วก็เดินขึ้นไปบนบ้านอย่างขัดอารมณ์ปล่อยให้คุณสารัชต้องเอ่ยขอโทษว่าที่ลูกสะใภ้ที่เอาแต่มองตามเขาพลางอมยิ้มชอบใจ มันก็ต้องมีบ้างแหละที่เธอสามารถเอาชนะปารัชได้
อยากไล่นีรออกจากชีวิตดีนักต่อจากนี้จะเกาะไม่ปล่อยเลยคอยดู
“อาจะบอกหนูนีรว่าต่อจากนี้ห้ามเรียกว่าอาแล้วนะ ต้องเรียกพ่อ” ในเมื่อสถานะกำลังจะเปลี่ยนไปคำเรียกขานก็ย่อมเปลี่ยนด้วย ร่างบางยิ้มพลางเอ่ยรับคำด้วยน้ำเสียงสดชื่นเพราะรอเวลานี้มานานแล้ว
“ได้ค่ะคุณพ่อ”
“มาเป็นลูกสาวของพ่อนะ” พยักหน้าขึ้นลงอย่างเร็วแล้วลุกไปกอดคุณสารัชขอบคุณท่านที่ช่วยดูแลหล่อนมาตั้งแต่เด็ก ยามบิดาไม่อยู่ก็ได้คุณทนายประจำตระกูลคนนี้คอยห่วงใยราวกับลูกในอุธรจนอดซาบซึ้งไม่ได้
คนสำคัญในชีวิตหล่อนมีไม่เยอะนัก แต่กลับอัดแน่นไปด้วยคนจริงใจทั้งนั้น
ภายในห้องเพ้นเฮ้าส์ราคาแพงติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นโครงการร้อยล้านของคนรู้จักปณาลีทำให้หล่อนซื้อในราคาที่ถูกกว่าคนอื่น จ่ายเงินสดไปพลันรู้สึกว่าตัวเบาจนต้องรีบรับงานก่อนที่จะไม่มีเงินใช้ทั้งที่ความจริงอยู่ในกลุ่มคนรวยที่ไม่ต้องทำงานก็มีใช้ไปทั้งชาติ ทว่าเธอตัดขาดจากครอบครัวจึงไม่อยากจะไปใช้เงินของท่าน
พยายามหางานทำด้วยตนเองและโชคก็เข้าข้างที่ได้เป็นดาราแถวหน้า เริ่มจากบทนางเอกต่อมาด้วยอายุที่มากขึ้นและใบหน้าไปทางสวยเฉี่ยวจึงรับบทนางร้ายและดังเป็นพลุแตก ต่อจากนั้นจึงไม่ได้บทนางเอกอีกเลย
“การ์ดแต่งงานสวย หน้าเจ้าสาวก็สวยแต่ตาเศร้าไปหน่อย” สามสาวนั่งอยู่ในห้องรับแขกที่สามารถมองเห็นวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ยามค่ำคืนยิ่งสวยกว่าช่วงกลางวันเพราะมีแสงสีจากตัวอาคารและตึกโดยรอบทำให้ยืนมองอย่างหลงใหล และนั่นเป็นเหตุผลให้นางร้ายเบอร์หนึ่งเลือกซื้อห้องนี้อย่างไม่รีรอ
“ตาไม่เศร้าสักหน่อย แกเพ้อแล้วตาต้า” ว่าที่เจ้าสาวหยิบไวน์ขึ้นดื่มพลางหลุบตาลงเพื่อหลบเรด้าของเพื่อนสนิท
“ฉันก็บอกแล้วว่าให้เลิก ไอ้เรื่องหล่อก็ยอมรับแต่ทำให้แกเจ็บขนาดนี้จะอยู่กันยืดเหรอ การแต่งงานแล้วใช้ชีวิตคู่ด้วยกันความรักมันไม่พอหรอกนะยายตัวเล็ก” ในกลุ่มเพื่อนเรนิตาค่อนข้างเป็นห่วงนีรนาราที่ทุ่มเทให้คนรักจนกลายเป็นว่าโดนทำร้ายทางอ้อม
กว่าสิบปีที่ทุ่มเทรักให้ปารัชแต่ผลที่ได้ตอบแทนคือความเจ็บช้ำ ทุกครั้งที่เจอกันคนตัวเล็กมักจะมาพร้อมน้ำตาและเรื่องราวที่ชายหนุ่มทำไว้อย่างเจ็บแสบจนหล่อนแค้นแทนเหลือเกิน
“เอาน่าตาต้า มาพูดตอนนี้จะไปทันอะไร เสียบรรยากาศ” ปณาลีเตือนเพื่อนเมื่อเห็นสีหน้าของนีรนาราไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก
“เข้าข้างกันดีเหลือเกิน แม่คนเทิดทูนความรัก ใครบอกว่ากลุ่มเราเป็นนางร้าย ฉันขอค้านคำว่าแม่ชีน่าจะเหมาะกับพวกเธอมากกว่า” ปณาลีไม่ใช่คนที่รักใครข้างเดียวได้นานแบบนีรนาราแต่ก็เทิดทูนความรักและไม่เคยขาดแฟนตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย
ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากเธอเท่าไหร่นักแต่ช่วงนี้เรนิตาโหมงานหนักจึงไม่มีผู้ชายคนไหนเข้าหา อีกทั้งข่าวลือเรื่องความเหวี่ยงวีนของหล่อนแพร่สะพัดทำเอาคนที่คิดจะมาจีบหนีกระเจิง
“แล้วช่วงนี้เป็นยังไง เขาไปหายายนั่นไหม” นิ่งไปสักพักแล้วส่ายหน้า เธอยังให้คนตามติดปรางกัญญาและไม่เห็นว่าผู้หญิงคนนั้นจะมายุ่งกับว่าที่สามีของตนเอง
“ดีแล้ว ถ้ามันมาเมื่อไหร่รีบบอกฉันอย่าลุยคนเดียว เข้าใจไหม” นีรนาราพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง รู้สึกว่าตัวเองเป็นน้องเล็กของกลุ่มที่มีพี่ๆ คอยโอ๋ตลอด
“พูดอย่างกับว่างอย่างนั้นแหละ ได้ข่าวว่าช่วงนี้งานหนักจะตาย” เจ้าของห้องเอ่ยขึ้น
“พูดแล้วก็อยากจะลาออกวันละสามรอบ ฉันไม่เข้าใจเลยว่างานมันจะมีปัญหาไปซะทุกเรื่องได้ยังไง วันก่อนนะ..” แล้วหลังจากนั้นเรนิตาก็ร่ายยาวถึงปัญหาภายในที่ทำงานซึ่งประสบพบเจอไม่เว้นวันให้แก้ราวต้องการลับสมองประลองปัญญากันจนหล่อนแทบบ้า การเป็นเจ้าคนนายคนไม่ใช่เรื่องง่ายและเธอกำลังเรียนรู้กับมัน
“นีรเพิ่งกลับถึงบ้านค่ะ คุณพ่อทำอะไรอยู่คะ” กลับมาจากบ้านเพื่อนก็โทรศัพท์ทางไกลไปหาบิดาที่อยู่สวิตเซอร์แลนด์ ไม่นานท่านทูตกดรับพลางตอบโต้กับบุตรสาวด้วยโทนเสียงราบเรียบพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้สุดความสามารถ
“พ่อกำลังจะนอน” ตอนนี้ที่ไทยตีหนึ่งถ้าอยู่สวิตก็คงสองทุ่มจึงพยักหน้าถึงแม้ว่าบิดาจะไม่เห็นก็ตาม
“ฝันดีนะคะ ฝันถึงนีรด้วย” คุณเอกพงศ์กำลังจะเข้าผ่านตัดในโรคที่ท่านเผชิญ ไม่กล้าบอกลูกสาวเพราะกลัวว่านีรนาราจะกังวล ท่านเชื่อว่าอย่างไรการผ่าตัดครั้งนี้ก็ต้องผ่านไปได้ด้วยดี ทีมแพทย์ค่อนข้างเก่งจึงได้วางใจ
“พ่อรักหนูนีรนะ”
“นีรก็รักคุณพ่อค่ะ” กดวางสายก่อนเดินเข้าบ้านโดยมีแม่บ้านเข้าช่วยถือกระเป๋าแต่หล่อนก็ปฏิเสธ บอกให้ปิดบ้านและดูแลความเรียบร้อยค่อยประคองสติเดินขึ้นข้างบนหลังจากดื่มไวน์กับเพื่อนสนิทหมดไปหลายขวด
ที่จริงเธอไม่ใช่คนคออ่อนแต่หากรับไปในปริมาณที่เยอะก็ทำให้มึนได้เหมือนกัน ดีที่วันนี้ให้คนขับรถไปรอข้างล่างจึงไม่ต้องขับเองให้เกิดอันตราย และเมื่อล้มตัวลงนอนก็ปิดการรับรู้ทุกอย่างลืมแม้กระทั่งล้างเครื่องสำอางออกจากใบหน้า
“ฮือ เป็นสิวได้ยังไง” แล้วตื่นมาก็โอดครวญเพราะพบสิวเม็ดเล็กผุดขึ้นที่แก้มข้างซ้าย หล่อนแทบจะลงไปแดดิ้นก่อนจะรีบโทรนัดร้านทำหน้าเพื่อกำจัดมันออกจากใบหน้าของตัวเองไม่ให้โตไปมากกว่านี้ สงสัยคราวหลังถึงจะง่วงแค่ไหนก็ต้องฝืนตัวเองทำความสะอาดหน้าและบำรุงผิวเสียแล้ว
งานแต่งของปารัชกับนีรนาราใกล้เข้ามาทุกที เจ้าสาวเดินแจกการ์ดเพียงผู้เดียวเพราะฝ่ายเจ้าบ่าวใช้งานเป็นข้ออ้างถึงคุณสารัชจะพร่ำบอกทั้งดุด่าก็ไม่อาจทำให้ลูกชายมีจิตสำนึกขึ้นมาเลย เขายังทำเป็นหูทวนลมเข้าศาลเป็นว่าเล่นราวงานเยอะนักหนาทั้งที่จริงให้คนอื่นทำก็ได้
คนตัวเล็กถึงจะน้อยใจอยู่บ้างแต่ก็พยายามปลอบตัวเองว่าการได้แต่งงานกับคนที่รักมันดีมากแค่ไหนแล้ว อีกอย่างเขาก็ทำงานหนักจึงไม่ได้มาด้วยกัน เหตุผลเหล่านั้นถูกยกมาบอกเล่าแก่คนที่ถามว่าเพราะอะไรถึงได้มาคนเดียว
พยายามฝืนยิ้มแย้มมีความสุขทั้งที่ในใจก็เจ็บปวดจนแอบน้ำตาซึมในบางครั้ง ขนาดยังไม่ถึงวันงานก็เหนื่อยใจแล้วพอวันจริงจะเป็นอย่างไร คิดถูกแล้วใช่ไหมที่แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้รักตนเองเลย
ความกังวลถาโถมเข้ามาจนต้องสูดลมหายใจไล่ความคิดด้านลบออกไปจากสมองแล้วมุ่งไปยังร้านตัดชุดเพื่อลองชุดแต่งงานอีกรอบก่อนจะถึงวันจริง