บท
ตั้งค่า

๙ รั้ง (๒)

“เกิดอะไรขึ้นเหรอปราง” ทนายหนุ่มรีบมายังบ้านหลังเล็กที่เคยมาบ่อยครั้งด้วยใบหน้าตื่น เขาได้รับโทรศัพท์จากอดีตคนรักว่ามีเรื่องเกิดขึ้นกับตัวเองก่อนสายจะถูกตัดไปจนต้องรีบออกจากบริษัทเพื่อมาหาปรางกัญญา “พี่ปราน” คนตัวเล็กกว่าวิ่งเข้ามากอดเขาด้วยเนื้อตัวสั่นเทา

“พี่อยู่นี่แล้ว ไม่เป็นไรนะ” ลูบหลังเป็นการปลอบแล้วพาเจ้าของบ้านเดินมานั่งยังโซฟาทั้งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

“มีอะไรบอกพี่ได้ไหม ใครรังแกปรางหรือเปล่า” หล่อนก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขาพลางมองมือของตัวเองที่กุมไว้บนตักจนเขาต้องเงยคางมนให้เงยหน้าเพื่อค้นหาความผิดปกติ

“เขาส่งรูปมาให้ปราง” ค่อยเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะกลางแล้วเปิดรูปให้ชายหนุ่มดูเป็นภาพที่เขาและนีรนาราไปถ่ายรูปชุดแต่งงานที่สตูดิโอเมื่อวันก่อน

“แล้วก็รูปนี้ค่ะ” พอเลื่อนมาเป็นรูปหนูที่โดนมีดปักอกพร้อมเลือดที่นองเต็มพื้นจนเขาแทบไม่กล้าดู ปรางกัญญาตัวสั่นแล้วรีบปิดภาพลงพลางโผเข้ากอดเขาอีกครั้ง ซุกกายเข้าหาความอบอุ่นที่โหยหามาโดยตลอดแต่ต่อจากนี้มันจะไม่ใช่ของหล่อนแล้ว

“คุณนีรส่งมาให้ปราง เขาข่มขู่ปรางใช่ไหมคะ” ปารัชลูบศีรษะคนที่อยู่อ้อมกอดพลางขบกรามแน่นเมื่อรับรู้ถึงความร้ายกาจของว่าที่เจ้าสาว ไม่คิดว่าหล่อนจะกล้าทำขนาดนี้ทั้งที่เขายอมถอยห่างจากปรางกัญญาเพราะไม่อยากให้เป็นอันตรายแล้วแท้ๆ

ผู้หญิงใจยักษ์!

“พี่อยู่กับปรางแล้ว ไม่เป็นไรนะ”

“พี่อยู่กับปรางทั้งคืนได้ไหม ไม่แต่งงานกับเขาได้ไหม” ความเงียบเข้าโอบล้อมเมื่อเจอคำถามที่เขาไม่อาจตอบตกลงได้

พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของเขากับนีรนารา..

ทำไมมันรวดเร็วเช่นนี้จนรู้สึกใจหาย ห้องที่เคยอยู่คนเดียวตอนนี้หญิงสาวให้ช่างมาทำห้องแต่งตัวบิวท์อินเพิ่มด้วยชุดที่ค่อนข้างเยอะจนตู้ที่เขามีไม่สามารถใส่ได้ครบ ถึงไม่ชอบใจก็จำต้องยอมตามน้ำไม่อย่างนั้นก็เกิดปัญหาอีก

คุณเอกพงศ์ผ่าตัดมะเร็งลำไส้ผ่านไปด้วยดีจนหายเป็นปกติ ท่านไม่บอกลูกสาวและปล่อยผ่านราวกับว่าไม่เคยเป็นโรคร้ายแรง จนบางทีปารัชอยากจะบอกถึงอาการของท่านให้ลูกสาวคนเดียวอย่างนีรนาราได้ทราบเผื่อจะรู้จักความเจ็บปวดเหมือนคนอื่นเขาบ้างไม่ใช่หน้าระรื่นตลอดเวลา

“นะคะพี่ปราน อยู่กับปรางนะ” อ้อนพลางซุกตัวเข้าหาเขามากกว่าเดิมจนชายหนุ่มต้องผละออกเพราะเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง ถึงอดีตจะเคยรักกันแต่ตอนนี้เขากำลังจะแต่งงานไม่อยากให้ความหวังหญิงสาวในสิ่งที่ทำให้ไม่ได้

“พี่ขอโทษ พี่คงอยู่กับปรางไม่ได้” เธอส่ายหน้าทันทีพร้อมน้ำตาที่ไหลพราก

“พี่ปราน” เรียกเขาด้วยน้ำเสียงสั่น

“ถ้าอย่างนั้นอยู่กินข้าวกับปรางก่อนได้ไหม อยู่จนกว่าปรางจะหลับได้ไหม ปรางกลัว” อาการสั่นกลัวที่เกิดขึ้นกับหล่อนทำให้เขาสงสารจับใจจึงค่อยพยักหน้าตอบรับ อยู่ไม่นานคงไม่เป็นอะไรหรอก

“ได้สิ” เมื่อได้รับการตอบรับที่พึงพอใจร่างบางก็จุมพิตที่แก้มเขาเป็นการขอบคุณและค่อยผละออกมา ปารัชไม่ทันตั้งตัวคาดไม่ถึงว่าปรางกัญญาจะจู่โจมรวดเร็วขนาดนี้

เขายิ้มเพียงเล็กน้อยและถอยห่างจากหล่อนรักษาระยะเอาไว้ด้วยสถานะไม่ใช่แฟนเหมือนเมื่อก่อน ถึงจะตัดใจจากเธอยังไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นแต่เลือกทางเดินที่ชัดเจนจึงไม่อยากทำอะไรคลุมเครือให้ปรางกัญญาต้องเจ็บปวด

เห็นอาการของเขาที่ดูเหมือนไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ก็ยิ้มเศร้าพลางเอ่ยเสียงสั่น “ปรางขอโทษที่หอมแก้มพี่ปราน มันชินน่ะค่ะ เมื่อก่อนเราเคย..” ยิ่งพูดน้ำตาก็พาลจะไหลอีกรอบจนต้องรีบเช็ดออกก่อนลุกขึ้นยืน

“เดี๋ยวปรางไปทำอาหารเย็นให้พี่ปรานนะคะ” กล้ำกลืนก้อนสะอื้นแล้วหันหลังเดินเข้าครัวปล่อยแขกหนุ่มอยู่ห้องนั่งเล่นเพียงลำพัง

เขารู้สึกอึดอัดยามอยู่กับปรางกัญญาเพียงลำพัง ใจมันพาลจะหวนนึกถึงวันวานจนอยากกอดเธอเอาไว้แต่เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกับนีรนาราจึงรู้ว่าไม่ควรให้ความหวังแก่หญิงสาวคนนี้ พยายามหักห้ามใจตัวเองอย่างหนัก

ขอแค่วันนี้วันเดียว วันสุดท้ายที่เขาจะยอมทำอะไรตามใจตัวเองบ้างแม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี ตัดสินใจได้ก็ลุกไปช่วยเจ้าของบ้านทำอาหาร

“เดี๋ยวพี่ช่วย” ร่างบางหันมามองเขาด้วยดวงตารื้น ส่งยิ้มจางแล้วถอยห่างจากเตาแก๊สหันไปหยิบผักในตู้เย็นออกมาล้าง

วันวานเคยหยอกล้อช่วยกันทำอาหารสีหน้าเปี่ยมสุข แต่ทำไมวันนี้จะต้องอมทุกข์ไม่อาจแสดงความรักที่มีต่อกันได้ เรื่องทั้งหมดคงไม่ยุ่งยากถ้านีรนาราไม่ยื่นมาเข้ามาขัด ความสัมพันธ์ที่แสนพิเศษก็จะดำเนินต่อไป

..เพราะเธอคนเดียว!

“พี่ปรานรอปรางหลับก่อนได้ไหมคะ” ท้องฟ้าถูกทาด้วยสีดำพร้อมกับจันทราเคลื่อนมาทำหน้าที่แทนพระอาทิตย์ ลมพัดเอื่อยเข้ามาในห้องผ่านหน้าต่างมุ้งลวดจนไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศให้เปลืองไฟ ชายหนุ่มนั่งลงที่ขอบเตียงขณะมองหญิงสาวนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม

“ได้สิ หลับเถอะคนดี” ตอบรับพร้อมรอยยิ้มไม่เอะใจเลยสักนิด เขาคิดว่าหากหล่อนเข้าสู่นิทราก็จะกลับบ้านคงไม่ดึกมากเท่าไหร่

“ขอบคุณค่ะ” ดวงตากลมโตค่อยหลับลงช้าๆ โดยมีอดีตคนรักนั่งลูบศีรษะให้อยู่ตลอดเวลา ทนายหนุ่มเริ่มเมื่อยทั้งเกิดอาการง่วงงาวหาวนอนจึงค่อยเอนกายพิงหัวเตียงของหล่อน

ความมืดเข้าครอบงำสติสัมปชัญญะของปารัชซึ่งคิดว่าของีบสักหน่อยแล้วจะรีบกลับบ้าน พรุ่งนี้เช้าเขาต้องแห่ขบวนขันหมากไปบ้านพานิชสุทธิกุลตั้งแต่ไก่โห้

ขอแค่แปบเดียว..

สุดท้ายร่างสูงมารู้สึกตัวตื่นก็เมื่อได้ยินเสียงโวยวายอยู่ข้างนอกบ้าน พลันลุกขึ้นก็พบว่าตัวเองนอนหลับบนเตียงของปรางกัญญาโดยมีหญิงสาวซุกกายอยู่ใกล้ รีบขยับออกทันทีจนคนที่หลับใหลตื่นคืนสติ

“พี่ปราน” สะลึมสะลือแล้วเรียกเขาในขณะที่ร่างสูงหันไปมองนาฬิกาก็รีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว

เก้าโมงยี่สิบสามนาทีแล้ว!

ทว่ายังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ออกไปไหนประตูจากข้างนอกก็เปิดเข้ามาเสียก่อน ร่างสูงหยุดยืนอยู่ที่เดิมเมื่อคนที่บุกรุกคือเจ้าสาวของเขาอย่างนีรนารา ร่างบางอยู่ในชุดไทยประยุกต์สีงาช้างสวยสง่า ผมยาวถูกเกล้าเป็นมวยต่ำแล้วประดับด้วยมาลัย ดวงตากลมโตจ้องมองเขานิ่งก่อนจะปรายตาไปยังปรางกัญญาที่อยู่บนเตียงด้วยสภาพไม่สู้ดีนัก

“ไปแต่งตัวเตรียมเข้าพิธีได้แล้วค่ะ” ใบหน้าหวานเรียบเฉยก่อนจะหันมาเอ่ยกับเจ้าบ่าวของตัวเอง

“มันเลยฤกษ์มาแล้วไม่ใช่เหรอ” ไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เท่าไหร่นัก เขานึกว่าหล่อนจะโวยวายหรือกรีดร้องเสียงดังซะอีก

“ฤกษ์ยามอาจจะเลยแล้ว ยึดฤกษ์สะดวกก็ได้ค่ะ” พยายามข่มอารมณ์ต่างๆ ที่ผสมกันจนหล่อนแยกแทบไม่ออกกดมันเอาไว้ลึกสุดใจ ไม่ต้องการให้ศัตรูเห็นว่าตนเองกำลังอ่อนแอ

“ไปกันเถอะ” ปารัชยอมทำตามแต่โดยดีเพราะเขาก็รู้สึกผิดกับหญิงสาว ทั้งที่ตั้งใจว่าจะพักแค่ชั่วคราวแต่ไม่รู้ทำไมถึงได้นอนยาวจนกระทั่งเช้าวันใหม่เช่นนี้ มือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้แล้วจูงกึ่งลากให้ออกมาจากห้องนอนเจ้าของบ้าน

เจ้าสาวหันไปมองคู่อริที่ส่งยิ้มเยาะเย้ยให้ก็แทบจะปรี่เข้าไปตบแต่ระงับใจไวได้ทัน แรงดึงของปารัชทำให้ต้องเดินตามเขาไปก่อนจะตกใจเมื่อเห็นผู้ติดตามของเธอยืนเต็มหน้าบ้าน ที่เขาตื่นก็เพราะเสียงโวยวายพวกนี้สินะ

“รถพี่ปรานคันนั้นค่ะ แล้วช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนถึงบ้านนีรด้วยนะคะ” เมื่อออกมาจากรั้วบ้านของปรางกัญญาก็สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขาพลางชี้ไปยังรถยนต์ที่ทนายหนุ่มขับมาตั้งแต่เมื่อวาน

“ชุดอยู่บนรถแล้ว” แววตาน้อยใจเจือความเย็นชาของเจ้าสาวทำเอาเขาเริ่มรู้สึกผิดอยากจะเอ่ยขอโทษแต่ด้วยเวลากระชั้นชิดจึงปล่อยผ่านเดินไปยังรถของตัวเอง

“คุณหนูให้ผมขับรถให้คุณครับ” หนุ่มร่างสูงที่ใส่ชุดสูทสีเข้มเข้ามาประจำตำแหน่งคนขับรถแล้วบอกด้วยน้ำเสียงขรึม เขาถอนหายใจอย่างจำยอมแล้วเดินไปนั่งเบาะหลังมองเห็นชุดหมั้นที่ผู้ติดตามของนีรนาราเพิ่งเอามาห้อยไว้ด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า

ไม่อยากจะนึกว่างานกำลังวุ่นวายมากแค่ไหนที่เจ้าบ่าวหายไปแบบนี้ เขาจะหาข้อแก้ตัวกับบิดาว่าอย่างไร คิดอย่างกลัดกลุ้มแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดไทยราชประแตนที่เพิ่งไปตัดเมื่อสัปดาห์ก่อนและถ่ายรูปสำหรับใช้ในงานหมั้นช่วงเช้า

รถเคลื่อนมาถึงบ้านหลังใหญ่ของตระกูลพานิชสุทธิกุลเขาก็สูดลมหายใจก่อนจะลงจากรถ เห็นบิดารออยู่ทางเข้าพร้อมขบวนแห่ขันหมากก็รู้สึกผิด คุณสารัชเกือบยั้งใจเข้าไปประทุษร้ายบุตรชายไม่ทัน ต้องกำมือแน่นพลางหันไปทางอื่น

“เจ้าบ่าวมาแล้ว เคลื่อนขบวน” เสียงเพลงดังขึ้นพร้อมความสนุกสนาน เขาหันไปมองญาติพี่น้องของตัวเองที่มาจากต่างจังหวัดก่อนจะหันไปยกมือไหว้แล้วเอ่ยขอโทษ

“เสร็จจากงานเราต้องคุยกัน” คุณสารัชเอ่ยรอดไรฟันแล้วหันไปยิ้มให้พี่สาวที่มาจากนครราชสีมา เขาไม่ใช่คนกรุงเทพฯ แต่กำเนิดทว่ามาเรียนและทำงานที่นี่จึงไม่ค่อยได้กลับบ้านเกิด ส่วนภรรยาซึ่งเป็นมารดาของปารัชก็หย่ากันตั้งแต่ลูกชายยังเล็ก จากนั้นเขาก็ไม่เคยมีใครอีกเลยเพราะไม่ต้องการหาแม่เลี้ยงให้ลูก ที่สำคัญคือไม่พบคนถูกใจ

เสียงโห่ร้องรับกับกลองยาวและฆ้องทว่าใจของปารัชกลับมืดมนเหลือเกิน ใบหน้าเจ้าบ่าวไม่ได้แสดงความยินดีเลยสักนิดนอกจากทำเพราะต้องรับผิดชอบในคำพูดไม่คิดของตนเอง

เข้ามาภายในบ้านก็เห็นแขกเหรื่อนั่งประจำที่และเมื่อสบตากับคุณเอกพงศ์ร่างก็ชาวาบเหมือนว่าสายตาของท่านเป็นมีดแหลมที่บาดทั่วกาย ลอบกลืนน้ำลายแล้วมานั่งลงตรงกลางบ้านซึ่งถูกเนรมิตให้เป็นพื้นที่สำหรับหมั้นหมาย

โซฟาตัวยาวมีแขกผู้ใหญ่หลายคนมาเป็นสักขีพยาน เจ้าสาวของเขานั่งอยู่ก่อนหน้าแล้วและไม่เหลือบมามองร่างสูงด้วยซ้ำ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็นโดยมีฝ่ายเจ้าบ่าวเอ่ยถึงเรื่องสินสอดเป็นเงินสด ทองคำแท่งและสร้อยคอแหวนเพชรมอบให้แก่ฝ่ายเจ้าสาว

นีรนารามองมันด้วยความว่างเปล่าราวไม่มีคุณค่าในสายตา ก่อนจะหันมาสบตากับปารัชที่จ้องหล่อนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กสวยจับตาจนเขาเผลอมองเพลินและเมื่อเห็นเธอมองตอบก็เสไปทางอื่นกระทั่งถึงเวลาสวมแหวน

เขาเลือกเป็นแหวนเพชรเม็ดเล็กที่เธอสามารถใส่ได้ทุกเวลา ไม่ได้อยากได้วงใหญ่ที่นีรนาราต้องถอดเก็บไว้บ้าน หากแต่งงานแล้วก็อยากให้รู้ว่าหญิงสาวคนนี้มีเจ้าของ

วินาทีที่แหวนถูกสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายร่างกายเธอเย็นวาบพลันรู้สึกหนักอึ้งที่อก จากนี้ต่อไปจะไม่ได้ใช้ชีวิตเพียงลำพังอีกแล้ว หล่อนมีปารัชอยู่ข้างกายและเมื่อเงยหน้าขึ้นไหว้เขาดวงตากลมโตก็คลอด้วยน้ำสีใสก่อนจะมันจะไหลเปื้อนแก้มทำให้ช่างภาพต้องเก็บภาพแห่งความประทับใจเอาไว้อย่างรวดเร็ว

หลังจากเสร็จพิธีสวมแหวนหมั้นก็มีการจดทะเบียนต่อหน้าแขกเหรื่อ หล่อนจรดปากกาเซ็นชื่อลงไปอย่างมั่นคงในขณะที่ปารัชชะงักชั่วครู่

หากเขาเซ็นทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมแล้ว ดวงตาคมหันมามองคนที่อยู่ข้างกายพลันรับรู้ได้ถึงความกดดันจากข้างหลังจึงเซ็นชื่อตัวเองพร้อมส่งให้นายทะเบียน

ต่อจากนี้เธอไม่ใช่นางสาวนีรนารา พานิชสุทธิกุลแล้ว

แต่เป็นนางนีรนารา วงศ์เดชาภรรยาของนายปารัช วงศ์เดชา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel