๘ เจ้าสาวที่เจ้าบ่าวไม่ต้องการ (๒)
เหล่าออแกไนซ์เมื่อเห็นเจ้าของบ้านนั่งร้องไห้ก็ถอยทัพออกไปรอข้างนอก ดูท่างานนี้จะไม่ง่ายเสียแล้วขนาดยังไม่เริ่มบ่าวสาวยังทะเลาะกันหนักขนาดนี้ หวั่นใจเหลือเกินว่าวันงานอาจจะล่ม
นีรนารามาลองชุดแต่งงานกับห้องเสื้อชื่อดังสำหรับใส่ในวันแต่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เรื่องที่ทั้งสองทะเลาะกันพอเป็นที่รับรู้ของคนในวงสังคมจึงไม่มีใครกล้าเอ่ยถามให้เกิดความกินแหนงแคลงใจ หรืออันที่จริงกลัวว่าหล่อนจะอาละวาดจนร้านพัง
“พี่ว่าน้องนีรใส่เป็นชุดแนบลำตัวดีกว่านะคะ จะได้เน้นสัดส่วนให้ดูสูงเพรียว” คนที่ตัวเล็กเช่นหล่อนหากให้ใส่กระโปรงพองก็จะดูตันไปทันทีจึงได้เสนอทางเลือกที่ดีให้
“นีรต้องลดหุ่นอีกไหมคะ” กังวลว่าจะดูไม่สวยในวันสำคัญของชีวิต
“นิดหน่อยก็ดีค่ะ จะได้ดูเพรียวกว่านี้” ถึงเธอจะไม่ได้อ้วนแต่ก็ดูมีน้ำมีนวลไม่ได้ผอมแห้งเหมือนผู้หญิงทั่วไป อาจเพราะไม่ได้ควบคุมอาหารการกินเหมือนเพื่อนทั้งสองยอมตามใจปากเพื่อความสุขในการรับประทานอาหารผลจึงเป็นอย่างนี้
“นีรจะพยายามนะคะ” วันนี้จึงได้ร่างแบบชุดที่หล่อนต้องการพร้อมวัดขนาดลำตัวไว้ก่อน
“แล้วของคุณเจ้าบ่าวจะเอายังไงคะ” ถึงไม่อยากถามก็จำต้องทำตามหน้าที่
“ออกแบบมาก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวใกล้วันจะให้เขามาวัดตัว” ถ้าปารัชไม่ยอมก็คงต้องเข้าทางคุณอาสารัชแล้ว หวังว่าเขาคงจะเชื่อบิดาอยู่บ้าง
“โอเคค่ะ” เมื่อเสร็จจากร้านตัดชุดก็ไปเดินเลือกซื้อของใช้ที่ห้างสรรพสินค้าใกล้กัน เหตุผลอีกอย่างคือจะไปดูห้องเสื้อของตัวเองที่หุ้นเปิดกับเพื่อนทั้งสองด้วย
นีรนาราไม่ค่อยมีความรู้ทางด้านแฟชั่นเท่าไหร่อาศัยว่าอยากทำจึงได้ชักชวนปณาลีและเรนิตาที่แต่งตัวเก่งและรู้จักคนในวงการเยอะมาเปิดเป็นร้านเสื้อผ้านำเข้าจากต่างประเทศ มีผู้จัดการคอยดูแลส่วนหล่อนก็แค่มาดูเรื่องผลประกอบการหรือความเรียบร้อยในบางครั้งเท่านั้น
อยากโทรหาเพื่อนสนิทให้มาเดินเล่นด้วยกันก็ไม่มีใครว่างสักคน เรนิตาออกกองส่วนปณาลีก็เช่นเดียวกัน นี่คือเหตุผลทำให้หล่อนไม่อยากมีงานประจำทำเพราะไม่มีเวลาส่วนตัวจึงชอบที่จะทำในรูปแบบของหุ้นส่วนรอรับปันผลมากกว่า เท่านั้นก็ใช้ไม่หมดแล้ว
“โอ๊ะ ขอโทษครับ” ไม่รู้ว่าชีวิตเธอจะซวยเจอแต่คนชนอะไรบ่อยขนาดนี้ ข้าวของที่ถือหล่นบนพื้นจนต้องก้มลงไปเก็บแต่อีกฝ่ายก็ช่วยจนของที่เคยตกพื้นกลับมาอยู่ที่มือหล่อนเหมือนเดิม
“ทีหลังก็ระวังหน่อยนะคะ” มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ไปชนเขาแน่นอน พอจะเดินหนีก็โดนดักหน้าเอาไว้เสียก่อน
“ผมขอเลี้ยงกาแฟแทนคำขอโทษได้ไหมครับ” พอหันมามองเขาจริงจังก็รู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้อยู่บ้าง ยอมรับว่าเขาค่อนข้างหล่อและแต่งตัวดีเกินกว่าจะเป็นพนักงานธรรมดาได้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญเท่าไรเพราะต่อให้หน้าตาดีกว่านี้ล้านเท่านีรนาราก็ไม่สนใจ
“ฉันไม่ได้ถือโทษอะไร แล้วต่อกันเถอะ” กำลังจะเดินเลี่ยงแต่อีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือสักนิด
“แต่ผมอยากเลี้ยงกาแฟคุณนะครับ” ด้วยความหงุดหงิดเป็นทุนเดิมจากการที่ปารัชไม่มาตามนัดทำให้หนุ่มคนนี้โชคร้ายที่ตามตื้อหล่อนจนโดนแรงอารมณ์
“นี่คุณฉันบอกเป็นนัยแล้วว่าไม่ไป โง่หรือไงถึงแปลไม่ออก” คนตัวเล็กกว่าไม่เกรงกลัวเขาสักนิดทำให้ชายหนุ่มที่ไม่เคยเจอสาวปฏิเสธยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
“น่าสนใจจริงๆ”
“ฉันกำลังจะแต่งงานแล้วถ้าอยากหาคู่ควงหรือแฟนก็ไปหาที่อื่น ถอยไปเกะกะ” ใบหน้าหวานบูดบึ้งแล้วเดินกระแทกเขาออกไปทันทีปล่อยให้ชายหนุ่มมองตามพลางยกยิ้มมุมปาก
สวย น่ารักแสนเย่อหยิ่งแบบนี้สิถึงจะท้าทายหน่อย อีกอย่างคือหล่อนกำลังจะแต่งงานเสียด้วย เหมือนมีอะไรให้เล่นสนุกระหว่างที่กำลังเบื่อ และความรู้สึกนั้นขับเคลื่อนให้เขาเดินตามคนตัวเล็กไปเหมือนพวกโรคจิต
“โอเคผมยอมแพ้ แต่ผมอยากเลี้ยงตอบแทนคุณจริงๆ นะ” เดินทันคนที่ขาสั้นกว่าพลางไปดักหน้าเอาไว้
“ฉันไม่ต้องการ เอ๊ะคุณพูดไม่รู้เรื่องเหรอ” มาเจอคนไม่ฟังความก็ทำให้โมโหมากขึ้นโดยไม่รู้เลยว่าใบหน้าของตัวเองตอนนี้น่ารักในสายตาคนมองมากแค่ไหน
“ผมชื่ออาทิตย์ ถ้าอยากรู้จักผมมากกว่านี้ไปเสิร์ชหาในเน็ตได้นะ แต่ว่าผมไม่รู้จักคุณเลยพอจะสงเคราะห์หนุ่มหล่อคนนี้ได้ไหมครับ” นีรนาราถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ชีวิตไม่เคยเจอใครตื้อหนักขนาดนี้ทั้งที่หล่อนบอกชัดเจนว่ากำลังจะแต่งงาน
“โอ๊ยรำคาญ อยากได้เงินนักก็เอาไป” ควักเงินในกระเป๋าให้ไปสองพันบาทก่อนจะเดินออกมาจากที่ตรงนั้น ตัดปัญหาด้วยการโยนเศษเงินสำหรับตัวเองให้อีกฝ่ายพลางจ้ำอ้าวออกจากห้างสรรพสินค้าอย่างรวดเร็วกลัวจะโดนตามอีก
“ทำไมน่ารักอย่างนี้วะ” พึมพำกับตัวเองแล้วตั้งปณิธานว่าจะต้องเจอหล่อนอีกครั้งให้ได้ อย่างน้อยครั้งหน้าเขาก็มีข้ออ้างจะชวนไปดื่มกาแฟแล้ว
ก็เธอลืมเงินไว้กับเขาตั้งสองพันบาท..
“ทำไมวันนี้ไม่ไปลองชุดแต่งงาน” กลับมาถึงบ้านบิดาก็ถามบุตรชายคนเดียวที่กำลังจะมีข่าวดีในเร็ววัน ร่างสูงถอนหายใจแล้ววางเอกสารไว้โซฟาห้องรับแขกพลางคลายเนกไทออกแล้วถอดเสื้อสูทพาดไว้ที่พนักโซฟา
“ทำงานทั้งวันจะเอาเวลาไหนไปล่ะพ่อ” ว่าแล้วก็เดินไปหยิบน้ำมารินใส่แก้วดื่มแก้กระหายก่อนจะเดินมานั่งที่ห้องรับแขกโดยมีบิดาจ้องบุตรชายไม่คลาดสายตา
“ในเมื่อตอบตกลงแต่งงานกับเขาแล้วก็ดูแลเขาให้ดีหน่อย” เรื่องนี้พูดกันหลายครั้งจนเบื่อเสียแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมบิดายังเอ็นดูนีรนาราทั้งที่อีกฝ่ายร้ายกาจเสียขนาดนั้น
“ครับ ขอตัวนะพ่อ”
หากให้พูดต่อก็มีแต่ทะเลาะซะเปล่าอย่างไรเสียคุณสารัชก็เข้าข้างคุณหนูนิสัยเสียคนนั้น หว่านล้อมหรืออธิบายความจริงอย่างไรก็เปลี่ยนความคิดไม่ได้ เหมือนที่เขาเชื่อมั่นสุดหัวใจว่าหล่อนคือคนนิสัยไม่ดีที่กู่ไม่กลับ
ทว่าก่อนจะได้เดินออกไปก็ได้ยินเสียงรถยนต์ขับเข้ามาก่อนทำให้สองพ่อลูกเกิดความสงสัยว่าใครกันที่มาในเวลาเย็นย่ำเช่นนี้ เหล่าแม่บ้านก็กลับไปหมดแล้วไม่ใช่หรือ ไวเท่าความคิดร่างสูงเดินออกไปหน้าบ้านแล้วก็พบกับรถยนต์คันหรูที่คุ้นตา
“เซอร์ไพรส์ค่ะพี่ปราน” เดาไว้ไม่มีผิดเลยสักนิดว่าต้องเป็นนีรนารา
“อ้าวคุณหนูนีร” เจ้าของบ้านออกมาต้อนรับทำให้ร่างเล็กต้องเดินไปขนของด้านหลังแล้วเดินขึ้นบันไดมายังโถงกลางของบ้าน
“นีรเอาอาหารเย็นมาส่งถึงที่ค่ะ” ชูถุงที่ใส่กล่องทัพเพอร์แวร์ซึ่งบรรจุอาหารเอาไว้ด้วยรอยยิ้มหวานในขณะที่ปารัชเกิดอาการอิ่มเสียเดี๋ยวนั้น
“ดีเลย อากำลังคิดพอดีว่าเย็นนี้จะกินอะไร” ปกติแม่บ้านทำอาหารไว้ให้แต่วันนี้กลับไม่มีมื้อเย็นอยู่ในครัวจนเกิดความสงสัยจึงได้โทรไปถามก็ได้รับคำตอบว่านีรนาราติดต่อมาที่บ้านแล้วสั่งไว้ว่าไม่ต้องทำอาหารเย็นเนื่องจากหล่อนจะเป็นคนทำเอง
คุณสารัชโอบไหล่ว่าที่ลูกสะใภ้เดินเข้าบ้านปล่อยให้คนที่เป็นลูกชายถอนหายใจไม่สบอารมณ์สักนิด เขาไม่ได้ไปห้องครัวแต่เลือกจะนำของตัวเองขึ้นไปเก็บบนห้อง
“อาหารทะเลของโปรดปรานทั้งนั้นเลยนิ” ของที่นำมาให้มีทั้งกุ้งเผา ปูทะเลไข่ดอง ปลาหมึกย่าง และอาหารไทยประมาณสองสามอย่างเรียกน้ำลายให้คนมองได้ไม่ยาก และก่อนจะได้ช่วยหล่อนนำใส่จานก็โดนขัดเสียก่อน
“คุณอาไปนั่งรอข้างนอกนะคะ เดี๋ยวนีรจัดการทางนี้เอง” เห็นแววแม่บ้านจากว่าที่เจ้าสาวจึงได้แต่อมยิ้มนึกเอ็นดู
“ทำได้แน่นะ” ถามย้ำและได้รับการพยักหน้าขึ้นลง
“เชื่อมือนีรได้เลยค่ะ รับรองว่าไม่ทำจานบ้านคุณอาแตกแน่นอน” เห็นอย่างนั้นก็เบาใจจึงปล่อยให้หญิงสาวจัดจานเพียงลำพัง
เรื่องทำอาหารสำหรับนีรนารานั้นเหมือนไม้เบื่อไม้เมากัน ถึงจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จสักที รสชาติออกมาห่วยจนต้องเททิ้งหลายครั้ง อยากเป็นแม่บ้านแม่เรือนให้ปารัชแต่ดูท่าจะยากเสียแล้ว จ้างแม่บ้านน่าจะง่ายกว่าถึงอยากจะใช้เสน่ห์ปลายจวักผูกใจเขาเอาไว้แค่ไหนก็ต้องยอมแพ้
การทำอาหารนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ สงสัยคงต้องให้เรนิตาสอนอย่างจริงจังเสียแล้วเพราะรายนั้นทำอาหารอร่อย ทำอะไรก็อร่อยไปหมดจนนึกอิจฉาที่นอกจากจะหน้าตาดียังมีเสน่ห์ปลายจวักอีก
“อาหารพร้อมแล้วค่ะ” เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจึงเดินออกมาเรียกสองพ่อลูกแต่กลับพบเพียงคุณสารัชเท่านั้น
“อ้าว พี่ปรานล่ะคะ” ท่านชี้ขึ้นไปด้านบน
“ไปตามให้อาหน่อยสิ” เหมือนชี้โพรงให้กระรอกเพราะเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็รีบเดินขึ้นไปข้างบนเพื่อตามลูกชายคนเดียวของท่านลงมารับประทานอาหารที่หล่อนตั้งใจเลือกสรรเฉพาะของที่เขาชอบทั้งนั้น
เรื่องของปารัชมีหรือที่นีรนาราจะไม่รู้ เขาชอบหรือไม่ชอบอะไร แพ้อะไรบ้าง งานอดิเรกคืออะไร ละครโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ที่อยู่ในใจเธอรู้หมดทุกอย่าง ก็แค่สังเกตคนที่ตัวเองรักไม่เห็นจะยากตรงไหนเลย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“พี่ปรานคะ ลงไปกินข้าวได้แล้วค่ะ” ไม่มีการตอบรับจากคนข้างในจนเธอต้องเคาะอีกรอบและคราวนี้ไม่ใช่แค่สามครั้งทว่านีรนาราเคาะประตูรัวจนชายหนุ่มจำต้องเดินมาเปิดด้วยสีหน้ารำคาญเสียเต็มประดา
ทั้งที่เมื่อวานทะเลาะกันบ้านแทบแตกแต่วันนี้นีรนารากลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หล่อนไม่เคยรู้สึกผิดหรือจดจำเรื่องที่เขาต่อว่าไปเลยใช่ไหมถึงได้ทำหน้าระรื่นอยู่แบบนี้ ยิ่งมองก็ยิ่งเกลียดมากกว่าเดิมพาลทำให้ไม่อยากจะเห็นหน้า
“ไม่กิน อยากกินก็ไปกินเองสิ” ทำท่าจะปิดประตูแต่ร่างบางก็ดันไว้ก่อนพลางจับแขนเขามั่นแล้วอ้อนวอนทางสายตาหวังให้คนตัวโตใจอ่อน
“นีรอุตส่าห์ซื้อมาแล้ว ไปกินสักหน่อยนะคะ” ถึงเขาจะใจแข็งแค่ไหนเมื่อได้มองดวงตาที่จ้องมาเหมือนลูกสุนัขที่มองเจ้าของไม่มีผิดใจก็เริ่มอ่อนยวบ อันที่จริงแรงของปารัชมากพอจะดันหล่อนออกแต่เขาก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น
ถ้าเขายังดื้อแพ่งมีหวังบิดาคงได้ขึ้นมาเฉ่งเป็นแน่ ร่างสูงทำได้เพียงถอนหายใจอย่างยอมแพ้แล้วเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปยังห้องอาหารจนคนมองตามได้แต่ยิ้มมีความสุข
อย่างไรปารัชก็แพ้หล่อนวันยังค่ำนั่นแหละ..