บท
ตั้งค่า

๘ เจ้าสาวที่เจ้าบ่าวไม่ต้องการ (๑)

เจ้าสาวที่เจ้าบ่าวไม่ต้องการ

ร่างสูงโปร่งของหญิงสาวเดินเข้ามาภายในลิฟต์ที่มีผู้โดยสารแออัดและความสวยของหล่อนก็ทำเอาชายหนุ่มหลายคนมองด้วยดวงตาพราวแสง กลิ่นกายหอมกรุ่นจนอยากจะดอมดมทั้งวันแต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยพูดคุยหรือเกี้ยวพาประตูลิฟต์ก็เปิดออกพร้อมหงส์สาวก้าวจากไป หัวใจชายหนุ่มหลายคนแทบจะลอยปลิดปลิวไปพร้อมหล่อน

ปรางกัญญามายังที่ทำงานของปารัชเป็นครั้งแรกด้วยท่วงท่าแสนมั่นใจ มือเรียวยกขึ้นถอดแว่นตาออกแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายของตนเอง

สำนักงานกฎหมายตั้งอยู่ชั้นเก้าของตึกสูงที่ปล่อยให้เช่า โดยแต่ละชั้นก็จะมีบริษัทที่ยังไม่ได้เจริญเติบโตเท่าไหร่นักแต่ก็ให้กำไรมหาศาลพอจะเลี้ยงลูกน้องได้เป็นอย่างดี ดวงตากลมโตราวกวางสาวเหลียวมองไปโดยรอบก่อนจะตรงไปที่ประชาสัมพันธ์หน้าสำนักงาน

“มาพบคุณปารัชค่ะ” ความสวยของหล่อนทำเอาคนมองตกตะลึงไปชั่วครู่แล้วรีบดูตารางงานของลูกชายคนเดียวเจ้าของสำนักงาน

“สักครู่นะคะ” เมื่อเห็นว่าเขาอยู่ห้องก็ยกโทรศัพท์ต่อสายหาเลขาอย่างพราวพิลาศทันที

“เชิญรอหน้าห้องได้เลยค่ะ” เปิดประตูเข้าไปในสำนักงานที่มีโต๊ะกั้นเป็นคอกสำหรับทนายและแต่ละคนก็ค่อนข้างยุ่ง มีตู้เอกสารวางอยู่โดยรอบทั้งแฟ้มที่มีกระดาษอัดเป็นปึก มองอย่างไรก็ชวนง่วงมากกว่าที่จะได้ทำงาน

สายงานที่หล่อนจะไม่ย่างกรายเข้าไปใกล้เด็ดขาดคือนิติและแพทย์ศาสตร์ แค่คิดว่าต้องอ่านหนังสือเป็นปึกตลอดชีวิตถึงแม้จะได้ค่าตอบแทนดีทว่าชีวิตก็จมอยู่กับความเคร่งเครียดตลอดเวลากลัวว่าจะเป็นบ้าเสียก่อน

เธอไม่ได้เป็นคนฉลาดอาศัยที่ขยันขวนขวายจึงได้งานทำที่บริษัทใหญ่โตในตำแหน่งเลขานุการของรองประธานบริษัท แน่นอนว่ากว่าจะได้มาซึ่งตำแหน่งนั้นทั้งที่จบจากมหาวิทยาลัยไม่มีชื่อเสียงต้องแลกด้วยอะไรหากไม่ใช่..ร่างกาย

“เชิญค่ะ” พราวพิลาศมองหน้าผู้หญิงที่เป็นคู่แข่งของนีรนาราตั้งแต่หัวจรดเท้าพยายามไม่จ้องจนเสียมารยาทกลับยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินไปเปิดประตูให้ ฝ่ายนั้นก็ค้อมศีรษะเป็นการขอบคุณก่อนที่ประตูบานใหญ่จะถูกปิดลง

จะบอกคุณหนูคนสวยก็ไม่กล้าจำต้องถอนหายใจเดินกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง แอบสงสารอีกคนที่ตอนนี้อาจจะกำลังยุ่งกับงานแต่งซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในเวลาไม่กี่เดือนข้างหน้า

ปารัชเห็นคนมาใหม่ก็วางปากกาพลางส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่นเหมือนเคยจนหล่อนได้แต่จุกในอกที่ไม่ได้เป็นคนครอบครองเขา ทั้งที่มีสถานะเป็นแฟนแล้วแท้ๆ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็มาแย่งเอาไปเสียได้ มือเล็กกำเข้าหากันชั่วครู่ก่อนจะปล่อยข้างลำตัว

“ไม่ได้เจอกันนานเลย” เจ้าของห้องลุกมาเชื้อเชิญหล่อนให้นั่งที่โซฟาสำหรับรับแขก ส่วนมากก็เอาไว้คุยงานกับลูกความหรือไม่ก็นอนยามที่ต้องหามรุ่งหามค่ำทำงานจนไม่ได้กลับบ้าน กลายเป็นชินเสียแล้วกับงานที่เคร่งเครียดเช่นนี้

“ค่ะ หนึ่งสัปดาห์เห็นจะได้” น้ำเสียงเศร้าจนคนฟังรู้สึกผิด ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นป่านนี้เขาก็ยังคงคบหากับหล่อนต่อไปและดูท่าจะเข้ากันได้ดีเสียด้วย

“แล้วปรางมีอะไรจะคุยกับพี่เหรอ” ที่จริงก็โทรบอกเขาก่อนหน้าจะมาที่นี่แล้วแต่กลัวว่าทนายหนุ่มจะมีงานด่วนก่อนเข้ามาจึงถามประชาสัมพันธ์

ดวงตากลมโตหลุบลงมองมือที่วางไว้บนตักของตัวเองพลางสูดลมหายใจเข้าปอดเหมือนเรียกกำลังใจจนปารัชมองด้วยความไม่เข้าใจ หล่อนหยิบของในกระเป๋าสะพายใบกลางออกมาแล้วยื่นไปตรงหน้าว่าที่เจ้าบ่าว

ร่างสูงกระดาษใบเล็กที่มองเพียงครู่เดียวก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือเช็คเงินสด และเมื่อมองจำนวนเงินก็นิ่งค้างไปชั่วครู่ มันมากพอสำหรับซื้อรถได้หนึ่งคันด้วยซ้ำ

“คุณนีรเขามาหาปราง แล้วก็ให้เงินนี้เพื่อแลกกับการออกไปจากชีวิตพี่” คนฟังกำมือแน่นจนไม่รู้ตัวว่าเผลอกำเช็คเงินสดของนีรนาราทำเอาปรางกัญญาอ้าปากจะร้องเตือนทว่ายังไม่ได้เอ่ยอะไรออกจากปากดวงตาคมก็จ้องกลับเสียก่อน

“นานหรือยัง” หล่อนพยักหน้า

“สัปดาห์ก่อนค่ะ” พยายามข่มอารมณ์โกรธที่มีต่อว่าที่เจ้าสาวแต่มันก็ยากเสียเหลือเกิน ทนายหนุ่มลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนคนตรงข้ามลุกตามแทบไม่ทัน

“พี่ปรานจะไปไหนคะ” ถามทั้งที่พอจะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะทำอะไร

“พี่จะไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง” เดินไปหยิบเสื้อสูทที่ห้อยไว้ในห้องมาสวมแล้วคว้าของสำคัญมาถือเอาไว้เดินออกจากห้องทำงานด้วยใบหน้าเคร่งขรึมโดยไม่เห็นว่าแขกสาวกำลังแสยะยิ้มเหมือนนางร้ายในละครไม่มีผิด

“ขอให้คุยกันรู้เรื่องนะคะ” ค่อยนั่งลงพลางถอนหายใจเหมือนเจอเรื่องหนักอก

“ขอโทษด้วยนะนีรนาราที่ฉันตอบโต้เธอช้าไป ต่อจากนี้มันจะไม่เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว”

ในเมื่ออีกฝ่ายคือศัตรูที่คอยแต่จะห้ำหั่นหล่อนซึ่งไม่มีทางสู้แล้วทำไมจะต้องยอมเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพียงคนเดียวเล่า อย่างไรเสียปารัชก็อยู่ข้างเธอ จะพูดความจริงหรือใส่ร้ายให้เขาฟังชายหนุ่มก็เชื่อวันยังค่ำ

คราวนี้โอกาสก็เป็นของเธอแล้ว การแต่งงานไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิตคู่เสียหน่อย ไม่เหมือนในละครที่จะขึ้นว่าจบบริบูรณ์แต่มันคือการเริ่มต้นบทบาทใหม่ต่างหาก

ในเมื่อนีรนาราแย่งเขาไปทำไมหล่อนจะแย่งกลับมาไม่ได้ ..

“เธอกับฉัน ใครจะชนะกันแน่” พึมพำเสียงเบาก่อนจะหยิบกระเป๋าแล้วลุกเดินออกจากห้องไม่แม้จะชายตามองคนที่มีฐานะด้อยกว่าสักนิด

พราวพิลาศแอบเห็นรอยยิ้มร้ายกาจของปรางกัญญาก็มั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่ ตัดสินใจในวินาทีหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาคุณหนูนีรนาราเพื่อรายงานบางสิ่งให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงจะโดนเจ้านายโดยตรงดุก็ไม่สนแล้ว

ผู้หญิงด้วยกันดูออกว่าใครดีจริงหรือแอบใสข้างในกลวงโบ๋กันแน่

คุณหนูของบ้านพานิชสุทธิกุลกำลังนั่งเลือกการ์ดแต่งงานอยู่ห้องรับแขกพร้อมด้วยเหล่าออแกไนซ์ที่ให้คำปรึกษาอย่างดี เธอลดมือที่จับโทรศัพท์ลงเมื่อได้รับรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ทำตามสัญญาทั้งที่ได้เงินก้อนโตไปแล้ว

มือเล็กจิกเข้าหากันก่อนจะปล่อยเมื่อรู้สึกเจ็บเนื่องจากเพิ่งไปต่อเล็บและตกแต่งมาอย่างสวยงาม พยายามทำใจให้สงบแล้วหันมาสนใจงานตรงหน้าต่อ อย่างไรเสียปรางกัญญาก็ไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่านี้แล้ว

ผู้หญิงสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างนั้นหรืออาจหาญจะมาสู้คนที่เพียบพร้อมเช่นหล่อน

แค่คิดก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

“แบบนี้ก็สวยนะคะคุณนีร” ดวงตากลมโตมองตามคำชี้ชวนก็ส่ายหน้าเพราะไม่ค่อยชอบในดีไซน์สักเท่าไหร่นัก เธอใช้เวลาในการเลือกของสำหรับใช้ในงานแต่งค่อนข้างนานอยากใส่ใจทุกรายละเอียดให้สมบูรณ์แบบที่สุด

เสียงรถยนต์ที่ขับเข้ามาในบ้านเรียกความสนใจเป็นอย่างดี ทว่าก่อนที่แม่บ้านจะเข้ามาบอกว่าแขกคือใครก็ปรากฏร่างสูงของทนายหนุ่มเสียก่อน ไม่คิดว่าเขาจะมาปุบปับแบบนี้หล่อนจึงยิ้มหวานให้แล้วกำลังจะลุกไปหาก็ต้องหยุดกับที่เพราะเสียงเข้มเอ่ยกับเหล่าออแกไนซ์ดังก้องห้อง

“พวกคุณออกไปก่อนผมต้องการคุยกับว่าที่เจ้าสาว” ใบหน้าคมที่แดงก่ำด้วยความโกรธไหนจะแววตาที่เหมือนจะแผดเผาทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องรีบเก็บของออกไปอย่างรวดเร็วเหลือเพียงคุณหนูของบ้านที่พยายามทำใจดีสู้เสือ

“มีอะไรคะพี่ปราน โกรธอะไรมา” พูดไม่ทันขาดคำกระดาษใบเล็กก็ถูกโยนใส่ตักหล่อนทันที และมันคุ้นจนมือที่จับขึ้นมาอ่านเริ่มสั่น

ปรางกัญญา!

“เช็คที่เธอใช้ซื้อตัวพี่จากปรางไง พอจะจำได้ไหม” ก้าวมาใกล้พลางจับแขนเรียวออกแรงให้หล่อนลุกขึ้นยืนเพื่อเผชิญหน้ากัน

“ก็เขาเรียกร้องก่อน” พยายามหาข้อแก้ต่างให้ตัวเองทั้งที่รู้ว่าอย่างไรปารัชก็ไม่มีทางเชื่อ ก่อนเขาจะมาที่นี่ก็คงปักใจไปแล้วว่าหล่อนเป็นคนผิด

แล้วมันผิดตรงไหนเล่าที่จะใช้เงินเพื่อทวงคืนคนรักจากผู้หญิงไม่จริงใจอย่างนั้น โต้แย่งในใจโดยไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไปให้ทนายหนุ่มอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ รู้ว่าปารัชแทบจะระเบิดแต่ยังอดกลั้นอารมณ์เอาไว้สุดความสามารถ

“เธอก็เลยจ่ายไปอย่างนั้นเหรอนีรนารา”

“ค่ะ! ถ้ามันแลกกับการที่พี่จะไม่ไปหามัน มากกว่านี้นีรก็ยอมจ่าย” แต่คงไม่ถึงสิบล้านเหมือนที่ปรางกัญญาเอ่ยขอตอนแรกแน่

“เธอเห็นพี่เป็นแค่สินค้าจะจับจ่ายซื้อซอยยังไงก็ได้ใช่ไหม” ร่างบางส่ายหน้าไปมาพยายามจะอธิบายแต่ก็พูดไม่ออก

“ตอบมา!” บีบแขนเล็กจนหล่อนรู้สึกเจ็บไปหมดทว่าไม่กล้าเอ่ยอ้อนวอนให้ปล่อยมันดูอ่อนแอเกินไป แค่น้ำตาที่คลอเบ้าเขาก็คงหัวเราะเยาะหล่อนแล้ว

“ตอบไปพี่ก็ไม่ฟัง”

“ใช่ เพราะเธอมีแต่โกหกปลิ้นปล้อน มีอะไรเป็นความจริงบ้าง” การทะเลาะของว่าที่บ่าวสาวดังจนคนข้างนอกที่อยู่ห่างยังได้ยินแต่ก็ไม่ชัดจนจับใจความได้

คนตัวเล็กเม้มปากแน่นกับคำกล่าวหานั้น เธอเงยหน้าจ้องตอบคนที่กำลังหาเรื่องกันอย่างเจ็บปวดเหมือนทุกครา กี่ครั้งที่ปารัชยัดเยียดข้อหาเหล่านั้นให้หล่อนโดยไม่ยอมฟังความจริงจากปากเลย เขาตัดสินใจถูกผิดไปตั้งแต่ฟังความข้างเดียว

เพราะไม่ว่าอย่างไรนีรนาราคนนี้ก็ผิดเสมอในสายตาของปารัช

“ความจริงคือนีรรักพี่ไงคะ ชัดพอไหม” ยิ่งฟังก็ยิ่งอยากจะอาเจียน หล่อนใช้คำว่ารักมาผูกมัดเขาไม่ให้เริ่มใหม่กับใคร ระรานชีวิตคนอื่นไปทั่วก็เพื่อความสุขของตัวเองทั้งนั้น

“ถ้ารักพี่จริง ก็ควรปล่อยพี่ไปไม่ใช่เหรอ เธอคงไม่เคยได้ยินว่าความรักคือการให้”

ให้อย่างนั่นเหรอ..แล้วที่เธอยอมให้เขาทำร้ายอยู่ตอนนี้มันไม่เจ็บพอกับที่จะปล่อยปารัชไปคนอื่นหรือไง

ไม่ว่าเลือกทางไหนสุดท้ายเธอก็เจ็บอยู่ดี นั่นเป็นเหตุผลให้หญิงสาวเลือกที่จะคว้าชายหนุ่มเอาไว้ข้างกายเพราะถึงแม้จะเจ็บยังไงแต่เขาก็ยังอยู่ใกล้ตัว ไม่ได้ห่างไกลเกินเอื้อม

แต่สุดท้ายถึงจะใกล้ตัวแต่ไกลหัวใจจนเอื้อมไม่ถึง เจ็บปวดไม่ต่างกันเลย..

“ไม่ค่ะ สำหรับนีรรักก็คือการครอบครอง” คนฟังแสยะยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบจากคนตรงหน้า

ไม่ผิดไปจากที่คิดเท่าไหร่

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ได้แค่ตัวพี่เท่านั้นแหละ อย่าคาดหวังความรักจากผู้ชายคนนี้เลย” ถึงเขาไม่บอกหล่อนก็รู้อยู่แล้วว่าปารัชไม่มีทางมอบความรู้สึกนั้นให้กันได้

สำหรับเขาแล้วเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่เธอ

“พรุ่งนี้อย่าลืมมาลองชุดนะคะ นีรนัดดีไซเนอร์ไว้แล้ว” เปลี่ยนเรื่องทันทีก่อนที่จะถูกผลักให้ล้มลงบนโซฟานุ่ม ทำให้ไม่ได้รับความเจ็บปวดทางด้านร่างกาย ต่างจากหัวใจที่มันร้าวไปทั่วอกจนส่งผลถึงส่วนอื่น

เจ็บและชาไปหมด

“อยากแต่งไม่ใช่เหรอ ลองไปคนเดียวแล้วกัน” ใบหน้าคมยิ้มเยาะก่อนจะเดินออกมาไม่หันกลับไปมองคนตัวเล็กที่นั่งปาดน้ำตาอย่างเจ็บช้ำกับการกระทำและคำพูดของว่าที่เจ้าบ่าว

ตั้งแต่รู้ว่าจะได้แต่งงานนีรนาราก็จัดเตรียมทุกอย่างเองทั้งสถานที่จัดงาน รายชื่อของแขก การ์ดพร้อมของชำร่วย ไหนจะชุดที่ใส่ หรือรายละเอียดยิบย่อยที่ต้องการคู่คิดหล่อนก็ต้องถามเพื่อนที่เคยผ่านการแต่งงานหรือไม่ก็เพื่อนสนิททั้งสองคน

มือเล็กยกขึ้นกุมใบหน้าเอาไว้แล้วร้องไห้โดยไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้อีก ไม่คิดว่าการแต่งงานกับคนที่รักมันจะสร้างความเจ็บปวดให้ตัวเองขนาดนี้ ความสุขคืออะไรหล่อนไม่เคยจะพานพบเลยสักครั้งจนไม่แน่ใจว่าชาติที่แล้วไปทำเวรทำกรรมอะไรเอาไว้ชาตินี้ถึงต้องมาชดใช้ด้วยการรักเขาข้างเดียว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel