บท
ตั้งค่า

๖ หึงเหรอคะ (๒)

เสียดายที่มาในช่วงไม่ใช่ฤดูของมัน ดอกไม้ที่ควรบานเต็มต้นก็ออกเพียงน้อยนิด แต่ดีที่ยังพอมองออกอยู่บ้างว่าคือดอกอะไร นีรนาราเสียดายเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มากเท่าไหร่เนื่องจากมีความสุขที่ได้มากับปารัช หากเป็นเวลาปกติเขาคงไม่แม้แต่ตอบรับคำขอของหล่อน

"ไปไหนต่อดี"

"คุณพ่อให้เวลานีรถึงตอนไหนล่ะคะ" ถามท่านเพราะตอนเย็นท่านทูตต้องไปหาเพื่อนที่มาจากนครพนม เห็นว่าฝ่ายนั้นมีประชุมที่นี่พอรู้เรื่องที่คุณเอกพงศ์มาเชียงใหม่จึงได้นัดแนะกัน

"โอ๋ๆ สำหรับลูกสาวพอมีเวลาให้ทั้งวัน" กอดไหล่เล็กเอาไว้ก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะอย่างนึกเอ็นดู

"ถ้าอย่างนั้นไปบ้านม้งไหมคะ นีรอยากเห็นเด็กม้ง นะคะ ไปนะ" รบเร้าทันทีจนท่านต้องพยักหน้าตามใจบุตรสาว ปารัชจึงรีบค้นหาเส้นทางในจีพีเอสแล้วขับรถนำทางคุณหนูของบ้านไปยังสถานที่ที่หล่อนต้องการ

หมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้งคือสถานที่ซึ่งบุตรสาวคนโตของคุณเอกพงศ์เลือกไป หล่อนตื่นตาตื่นใจกับทุกอย่างด้วยความแปลกใหม่ สองข้างทางมีของขายเต็มไปหมดทว่าเธอเลือกจะไปถ่ายรูปยังสวนหย่อมของหมู่บ้านโดยไม่พลาดจะยืมชุดใส่ให้เข้ากับบรรยากาศ

ปารัชกลายเป็นช่างภาพให้หล่อนคอยเก็บทุกรายละเอียดโดยที่นางแบบจำเป็นกำกับอีกทีหนึ่ง นีรนาราในชุดม้งช่างน่ารักจนคนถ่ายรูปแอบอมยิ้มเมื่อมองผ่านเลนส์กล้อง

เมื่อเก็บภาพบรรยากาศเสร็จก็เดินไปเล่นกับเด็กน้อยที่ใส่ชุดเต็มยศเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพ บางคนก็คุยรู้เรื่องด้วยภาษากลางแต่บางคนก็ยังพูดภาษาถิ่นของตนเอง

ร่างบางเล่นกับเด็กน้อยอย่างสนุกสนาน พยายามเรียนรู้ภาษาที่แปลกใหม่เพราะหล่อนชอบศึกษาวัฒนธรรมต่างถิ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ที่จริงก็พูดได้หลายภาษาเนื่องมาจากมีเพื่อนต่างชาติเยอะ เรียนรู้จากคนอื่นจนกลายเป็นได้ความรู้ติดตัว อย่างเช่นภาษาจีนที่คุยกับนักท่องเที่ยวก็ได้เพื่อนชาวจีนสอน อีกทั้งลงเรียนโดยบินไปที่ประเทศเจ้าของภาษาด้วยตนเอง

แต่ไม่ค่อยบอกใครเท่าไหร่มีเพียงน้องชายที่รู้ แม้กระทั่งปารัชก็ยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่านีรนาราไม่ได้มีดีแค่ตามผู้ชายอย่างเดียว

"ให้คนซวย" เด็กชายคนหนึ่งยื่นกำไลที่มีลูกปัดหลากสีร้อยเข้าด้วยกัน ร่างบางหัวเราะทันทีก่อนจะรับมาพร้อมกับหยิกแก้มที่เต็มไปด้วยน้ำมูกแห้งเกรอะกรัง

"ขอบคุณครับ" พยายามให้พูดคำว่าสวยหลายรอบแต่ก็ไม่เป็นผลจึงได้มองข้ามการพูดไม่ชัดนั้นเสีย หล่อนรับของมาใส่ที่ข้อมือจนคนให้ยิ้มพลางยกมือปิดหน้าอย่างเขินอาย

"หว่านเสน่ห์กับเด็กหรือไง" เด็กน้อยอายจนวิ่งหนีก่อนที่ปารัชจะเดินมาหาเธอพร้อมถามด้วยเสียงราบเรียบ ร่างบางลุกขึ้นยืนแล้วเงยหน้ามองคนมาใหม่พลางยิ้มอย่างล้อเลียน

"ทำไมคะ หึงนีรเหรอ" คนโดนตอกกลับทำหน้าไม่ถูก

"ใครหึงเธอ บ้าหรือไง" ยิ่งพูดอาการก็ออกจนหญิงสาวยิ้มกว้างพลางเข้าไปกอดแขนเขาทันที

"หึงชัดๆ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ นีรมีแค่พี่ปรานคนเดียว" ทนายหนุ่มปลดมือเธอออกแล้วเดินหนีทันทีปล่อยให้ร่างบางเดินไปจ่ายเงินค่ากำไลกับแม่ของเด็กชาย จะจีบสาวทั้งทีไม่ลงทุนเลย เอาของที่แม่ขายมาให้ซะอย่างนั้น..

หรือจริงๆ แล้วจะเป็นกลยุทธ์การขายนะ

นีรนาราคิดพลางหัวเราะอย่างมีความสุขก่อนสายตาจะไปปะทะเข้ากับปารัชที่ซื้อสตรอว์เบอร์รี่ถุงใหญ่กลับ บทสนทนาของเขากับปรางกัญญาโผล่เข้ามาทันที

'พี่จะเหมาสตรอว์เบอร์รี่ทั้งสวนมากฝากเลย'

เธอกำมือแน่นแล้วหันหน้าหนีไม่อยากมองให้อารมณ์เสีย อย่างไรตอนนี้ก็คือการเที่ยวพักผ่อนอย่าเอาเรื่องเครียดมารบกวนให้เสียบรรยากาศดีกว่า

ทุกคนกลับถึงที่พักในช่วงเย็นและคุณเอกพงศ์กับคุณสารัชก็เตรียมไปสังสรรค์กันต่อที่บ้านของคนใหญ่คนโตในจังหวัด นีรนาราเลยใช้เวลานี้เพื่อพักผ่อนและโทรคุยกับเพื่อนทั้งสองคนโดยส่วนมากก็โอ้อวดว่ากำลังไปได้สวยกับปารัช

'ไหนแกว่าเขามีแฟน' ปณาลีเอ่ยขึ้น

"ก็แค่ของเล่น" เธอปลอบใจตัวเองอย่างนั้น

'นี่ยายตัวเล็กฉันจะพูดอะไรสักหน่อยในฐานะเพื่อนนะ ถึงเขาจะเป็นของเล่นแต่เขาก็พ่วงตำแหน่งแฟนที่พี่ปรานยอมรับ ไม่ใช่แกที่เอาแต่ตามเขาต้อยๆ' นางร้ายเบอร์หนึ่งของช่องเตือนสติเพื่อนที่หลงอยู่ในความคิดของตัวเองไม่ยอมปล่อยวางจากผู้ชายคนนี้เสียที

'ทางที่ดีฉันแนะนำให้แกเชิดใส่พี่ทนายเลยดีกว่า คนหล่อๆ มีเป็นกระบุง จะเอารวยแค่ไหนบอกมาค่ะ' เรนิตาเสริมทัพอีกคนจนนีรนาราเริ่มอยากวางสาย

"พวกแกไม่เข้าข้างฉันเลย"

'อ้าว ก็ว่าไปตามน้ำ คนเขาไม่รักแกจะตื้อให้ตายเขาก็ไม่รัก เหนื่อยใจเสียสุขภาพจิตเปล่าๆ' ตอนที่นีรนาราร้องไห้พวกเธอก็ปลอบใจด้วยความสงสารแต่ก็ไม่ลืมเตือนเพื่อถึงความจริงในข้อนี้

เห็นหญิงสาวตามปารัชมาหลายปีก็รู้สึกสงสารจนอยากออกโรงปกป้องแต่ไม่กล้ายื่นมือเข้าไปขัดความสัมพันธฺของคนคู่นี้ด้วยไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง เดี๋ยวกลายเป็นว่ายิ่งเข้าไปห้ามเรื่องจะยิ่งบานปลาย

"ไม่คุยกับพวกแกแล้ว" วางสายอย่างรวดเร็วแล้วนั่งลงบนเตียงพลางถอนหายใจเพราะรู้สึกอารมณ์เสีย

เพื่อนทั้งสองไม่เคยเข้าข้างเธอเลยเรื่องของปารัช แต่ดีที่ไม่ได้ซ้ำเติมยามเจ็บปวดมีเพียงพูดเตือนสติและส่วนมากเป็นหล่อนเองที่ไม่ฟังแล้วยังทนรักเขาอยู่ฝ่ายเดียวเช่นนี้

เช้าวันต่อมาคุณเอกพงศ์ชวนลูกไปบ้านของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ด้วยกัน เพราะอีกฝ่ายเอ่ยปากขอเลี้ยงข้าวเช้าด้วยตัวเองถึงแม้ไม่อยากไปแต่ก็ไม่อาจขัดบิดาได้ หล่อนตื่นเช้ามาอาบน้ำแล้วเลือกเสื้อระบายสีขาวเปิดไหล่กับกางเกงสแล็คขาบานที่นำติดมาด้วย ปล่อยผมให้สยายกลางแผ่นหลังก่อนจะติดกิ๊บประดับศีรษะ

หล่อนเดินไปสมทบกับทุกคนแล้วเคลื่อนตัวออกจากที่พักในเวลาต่อมา นีรนาราเข้าสังคมเก่งแต่ไม่ค่อยได้ไปงานเลี้ยงสักเท่าไหร่นอกจากว่าเจ้าภาพจะเป็นคนรู้จักกัน หญิงสาวไม่อยากไปยืนยิ้มปั้นหน้าคุยเรื่องธุรกิจที่ตนเองไม่ค่อยได้เข้าไปดูแลเต็มที่ เป็นเพียงหุ้นส่วนและดำรงตำแหน่งหนึ่งในผู้บริหารเท่านั้น

"สวัสดีค่ะ" รถเลี้ยวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ของผู้ว่าราชการจังหวัดก็เห็นท่านพร้อมภริยามายืนต้อนรับ หล่อนยกมือไหว้และยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน

"หนูนีรเหรอเนี่ย โตขึ้นแล้วสวยซะเกือบจำไม่ได้" คนถูกชมไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร แสดงว่าตอนเด็กเธอคงขี้เหร่มากสินะ

"เชิญข้างในครับ" พวกเขาจึงได้เดินตามเข้าไปโดยที่ปารัชมีสีหน้าเรียบเฉย ที่จริงเขาไม่ค่อยอยากมาแต่ขัดบิดาไม่ได้จึงพยายามทำหน้าผ่อนคลายถึงจะตรงข้ามกับใจก็ตาม

"คุณลุงสวัสดีครับ" คนที่เดินลงมาจากบนบ้านยกมือไหว้คุณเอกพงศ์ทันที ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดทั้งยังมีใบหน้าหล่อคมคายทำให้ท่านทูตจากสวิสเซอร์แลนด์ชะงักไปชั่วครู่

"อย่าบอกนะว่า..ธามเหรอ" ท่านทำหน้าไม่อยากจะเชื่อเมื่อฝ่ายนั้นพยักหน้า

"ใช่ครับ" แต่ก่อนชายหนุ่มค่อนข้างอ้วนเวลาผ่านไปใครจะคิดเล่าว่าจะดูดีขนาดนี้ เจ้าของบ้านเชิญแขกไปยังห้องอาหารที่จัดเตรียมเอาไว้ตั้งแต่เช้า

"ตอนนี้ผมหุ้นทำโรงแรมแล้วก็ร้านอาหารกับเพื่อนครับ" ระหว่างมื้อเช้าก็ถามไถ่หนุ่มรุ่นลูกที่นั่งตรงข้ามนีรนาราพอดี ร่างบางเงยหน้าขึ้นสบตาเขาหลายครั้งและฝ่ายนั้นก็มักส่งยิ้มหวานมาให้

"เก่งจริงๆ ได้พ่อมาเยอะแน่เลย" คนฟังหัวเราะเสียงร่วน

"ผมอยากให้รับราชการมากกว่า แต่แกชอบสายธุรกิจ" ท่านผู้ว่าเอ่ยขึ้นอย่างเสียดายแต่ก็ไม่บังคับลูกชายให้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

"ลูกคนโตก็เป็นนายอำเภอแล้วไม่ใช่เหรอ" เพราะอย่างนี้ลูกคนเล็กจึงทำงานสายธุรกิจจะได้แตกต่างบ้าง ไม่ใช่รับราชการกันทั้งบ้าน

หลังรับประทานอาหารเสร็จก็พากันมานั่งที่สวนหลังบ้านเพื่อจิบชาและคุยเรื่องต่างๆ เหมือนได้ย้อนวัยไปตอนเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน นีรนาราได้ทีจึงเอ่ยขอไปเดินชมรอบบ้าน

"เดี๋ยวพี่พาไปครับ" ลูกชายคนเล็กเอ่ยขันอาสาอย่างรวดเร็วจนแม้แต่ปารัชที่นั่งเงียบก็หันไปมอง

"อ่า ค่ะ" ร่างบางตอบตกลงแล้วเดินตามเจ้าบ้านไปยังสวนอีกฝั่งที่มีดอกไม้ปลูกเต็มไปหมดเนื่องจากมารดาเป็นคนชอบดอกไม้จึงนำมาปลูกและส่วนมากก็เป็นคนรู้จักนำมาให้

"น้องนีรกลับจากนอกนานแล้วเหรอครับ" ร่างสูงหันไปมองคนที่เดินเคียงข้างก่อนจะถามขึ้น

"นานมากแล้วค่ะ" กลับมาก็ใช้เวลาส่วนมากด้วยการตามติดปารัชแทบเป็นเงา จนเขาไม่ชอบใจและกลายเป็นเกลียดนั่นแหละ

"ตอนนี้ทำงานที่กรุงเทพฯ เหรอ ไม่สนใจมาอยู่ต่างจังหวัดเหรอครับ" ธนากรรู้สึกว่าผู้หญิงตัวเล็กตรงหน้าช่างโดนใจตัวเองเหลือเกิน ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักยิ่งเวลายิ้มจนตาเป็นสระอิก็แทบละลายยามได้มอง อยากนั่งจ้องทั้งวัน

"ไม่ค่ะ พอดีชินกับกรุงเทพฯ แล้ว" ปฏิเสธทันทีโดยไม่เสียเวลาคิดสักนิด

"แล้วจะอยู่เชียงใหม่อีกนานไหมครับ พี่ว่างพาเที่ยวได้" เอ่ยอาสาทั้งที่ร่างบางยังไม่ได้ร้องขอสักคำ กับผู้หญิงคนนี้เขาเต็มใจเสียยิ่งกว่าเต็มใจอีก

"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว"

"วันนี้ล่ะครับ จะไปไหนต่อหรือเปล่า" ที่จริงก็อยากขึ้นดอยอินทนนท์แต่หล่อนอยากไปกับปารัชมากกว่า แล้วจะปฏิเสธอย่างไรไม่ให้เสียน้ำใจคนที่กำลังจ้องมองอย่างมีความหวังดี

"คือ"

"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่พาไปเที่ยวแล้วกัน คือว่าเป็นการต้อนรับจากลูกชายผู้ว่า ตกลงนะครับ" ยังไม่ทันจะได้ตอบเขาก็คว้าข้อมือหล่อนไว้แล้วพาเดินกลับมายังสวนอีกฝั่งของบ้านเสียก่อน

"ผมขออนุญาตพาน้องนีรไปเที่ยวสักวันนะครับ แล้วจะไปส่งถึงที่พักไม่เกินหนึ่งทุ่มแน่นอน" ธนากรพูดอย่างฉะฉานก่อนจะมองบุพการีของหญิงสาวซึ่งท่านก็เผยยิ้มพลางพยักหน้ารับ

"ฝากดูแลลูกสาวลุงด้วยล่ะ" ร่างบางไม่คิดว่าบิดาจะอนุญาตเร็วขนาดนี้ทำเอาธนากรยิ้มแก้มปริ

"ด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญเลยครับ" นีรนาราหันไปมองปารัชที่นิ่งเงียบไม่พูดหรือแสดงออกอะไรก็รู้สึกน้อยใจ หากเขาแสดงอาการว่าไม่อยากให้เธอไปหรือสนใจกันสักนิดก็ยังดี

แต่ชายหนุ่มกลับทำเหมือนไม่รู้สึก ลืมไปเสียสนิทว่าสำหรับร่างสูงแล้วเธอก็เป็นแค่ตัวน่ารำคาญ

"ขอตัวนะคะ" นีรนาราหยิบกระเป๋าแล้วเดินตามธนากรไปด้วยใบหน้าราบเรียบโดยไม่รู้เลยว่าคนที่นั่งนิ่งพยายามเก็บอาการของตัวเองมากแค่ไหน

เขาไม่พอใจจนรู้สึกว่าร้อนไปทั่วโพรงอก อยากลุกขึ้นไปฉุดรั้งเธอเอาไว้แต่ก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไม..

ทำไมเขาถึงต้องทำอย่างนั้น ทำไมถึงรู้สึกโกรธมากขนาดนี้ มันเป็นเพราะอะไร!

"พรุ่งนี้กลับแล้วครับ ผมซื้อของไปฝากปรางเยอะเลย" เวลาหนึ่งทุ่มร่างสูงของทนายหนุ่มนั่งอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรมแล้วคุยกับแฟนที่อยู่ห่างกันคนละจังหวัด

สายตาเขาจับจ้องไปยังทางเข้าตลอดเวลาก่อนจะรีบลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กที่หายไปทั้งวันเดินเข้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจนชายหนุ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์

"เดี๋ยวผมโทรกลับนะ" วางสายอย่างรวดเร็วแล้วเมื่อสองสายตาสบกันนีรนาราก็ยิ้มให้ก่อนจะเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเขา

"นีรซื้อของฝากมาให้พี่ด้วย" ยังไม่ทันจะยื่นให้ชายหนุ่มก็ตอบกลับ

"ไปกับผู้ชายสองต่อสองแล้วกลับค่ำมืดแบบนี้ไม่อายบ้างหรือไง" หล่อนไม่เข้าใจที่เขาพูดสักเท่าไหร่นักจนกระทั้งมองเข้าไปในดวงตาคมซึ่งฉายแววไม่พอใจก็อมยิ้ม

"พี่ปรานหึงนีรกับพี่ธามเหรอ" เอ่ยเย้าทั้งที่ในใจพองฟู ถึงใครจะหาว่าบ้าที่ดีใจเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักหึงก็ไม่สนแล้ว เธออยากรู้มานานว่าเขาจะสนใจตัวเองบ้างไหม จนกระทั่งวันนี้ที่ชายหนุ่มแสดงออกอย่างชัดเจนทำเอาคนตัวเล็กแทบจะกระโดดโลดเต้น

"พี่ไม่ได้หึง แต่แค่พูดเพราะมันไม่เหมาะสม เธอเป็นผู้หญิงควรรักนวลสงวนตัวไม่ใช่ใครลากไปก็ไป มันดูไร้ค่า" เขากัดฟันพูดเสียงเบาเพราะบรรยากาศรอบข้างค่อนข้างเงียบ และมีสายตาของพนักงานหลายคู่มองมา

พอพูดจบร่างสูงก็หันหลังเดินกลับทันทีปล่อยคนตัวเล็กยืนเม้มปากทั้งกำมือแน่น

เขากล้าพูดได้อย่างไรว่าเธอไม่รักนวลสงวนตัว แล้วที่ผ่านมาแทบไม่ชายตามองใครเพราะมีแต่ปารัชคนเดียวมันหมายความอย่างไร ทั้งต่อหน้าและลับหลังเขานีรนาราปฏิเสธผู้ชายที่เข้าหาตลอด

แล้วเขามาพูดจาใส่ร้ายกับคนที่ภักดีกับผู้ชายเพียงคนเดียวเสมอได้อย่างไร

"พี่ปราน! นีรไม่เคยมีใคร ไม่เคยรักใครนอกจากพี่" เดินตามไปหน้าโถงลิฟต์ก่อนจะกระชากแขนหนาให้หันมาสบตากัน

"ของฝากค่ะ ถ้าไม่อยากได้ก็โยนทิ้งแล้วกัน" ยัดพวงกุญแจใส่มือเขาแล้วเดินเข้าไปในลิฟต์ที่เปิดพอดี

"พี่ใช้ลิฟต์ตัวอื่นเถอะนะคะ นีรยังไม่อยากเห็นหน้าพี่ตอนนี้" ว่าจบก็กดปิดประตูตู้โดยสารทันทีจนปารัชได้แต่ยืนอึ้งอยู่ที่เดิม เมื่อสักครู่ฟังนีรนาราแทบไม่ทันเพราะอีกฝ่ายพูดเร็วและรัวมาก

เขาก้มมองพวงกุญแจไม้รูปเด็กดอยที่ร่างบางยัดใส่มือก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋ากางเกง พลางอมยิ้มกับท่าทีกรุ่นโกรธของหล่อนเมื่อสักครู่ที่ไม่เห็นถึงความน่ากลัวสักนิด

คนอะไรขนาดโกรธยังน่ารัก..

"ไอ้บ้า คิดอะไรของแกวะ" เตือนสติตัวเองแล้วกดลิฟต์ขึ้นไปยังห้องพักของตัวเอง

คุณสารัชออกไปหาลูกความคงจะกลับดึกเขาจึงครองห้องเพียงผู้เดียว กำลังจะเดินไปอาบน้ำหลังจากลงไปนั่งเล่นที่ล็อบบี้มากกว่าชั่วโมงทว่าเสียงเคาะประตูทำให้จำต้องวางผ้าเช็ดตัวเอาไว้ก่อนแล้วไปเปิดให้ผู้มาใหม่

"ลุงเข้าไปได้ไหม" คุณเอกพงศ์เอ่ยถามซึ่งเจ้าของห้องก็ผายมือเชิญ

"ครับ" ในห้องมีโซฟาคู่อยู่ติดริมกระจกบานเลื่อนไว้สำหรับนั่งชมธรรมชาติ สองหนุ่มต่างวัยนั่งตรงข้ามกันและปารัชเริ่มมีลางสังหรณ์ว่าเรื่องที่จะคุยนั้นอาจจะเกี่ยวกับนีรนารา

บรรยากาศในห้องเริ่มร้อนขึ้นจนมือเขาชื้นเหงื่อ อยากตัดบทสนทนาแต่ท่านก็ยังไม่ได้เริ่มเอ่ยอะไร และเมื่อห้องดูเงียบเกินไปท่านทูตก็พูดเข้าเรื่องทันที

"เรื่องแต่งงาน ปรานคิดว่ายังไง" และก็ไม่ผิดจากที่คิดมากนัก ท่านเอ่ยขึ้นเสียงเรียบไม่ได้กดดันชายตรงหน้า

"ผมรักนีรเหมือนน้องครับ" คนที่ผ่านโลกมามากมองเข้าไปในดวงตาคมของหนุ่มรุ่นลูกอย่างค้นหา

"แน่ใจแล้วเหรอ" อาการที่ปารัชแสดงออกยามที่มองนีรนารากับธนากรทำให้ท่านเริ่มแน่ใจในบางสิ่งที่คนรุ่นลูกมองข้ามไป หรือไม่ก็สร้างกำแพงไว้เสียสูงจนยากจะทำลาย

"ลุงจะผ่าตัดเดือนหน้าที่สวิส เปอร์เซ็นหายก็มีเยอะเพราะเพิ่งระยะแรก แต่ลุงอยากแน่ใจว่าถ้าการผ่านตัดล้มเหลวลูกสาวลุงจะมีคนดูแล" ค่อนข้างกังวลเรื่องนี้พอสมควรจนต้องมาเร่งรัดเอาคำตอบจากหลานชายที่เอ็นดู

"ผมดูแลนีรในฐานะน้องได้ครับ"

"มันไม่เหมือนกันหรอก" หากวันหนึ่งที่ปารัชแต่งงานแล้วลูกของท่านจะเป็นอย่างไร อาจจะดูเห็นแก่ตัวที่เข้าข้างลูกสาวแต่สำหรับคนเป็นพ่อแล้วย่อมยอมทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่รักมีความสุข และปารัชก็คือความสุขของนีรนารา

"ถ้าปรานลำบากใจ ลุงคงไปขอให้ธามช่วย" คนสูงวัยยิ้มอย่างอ่อนใจแล้วค่อยผ่อนลมหายใจออกช้าๆ

"ธามเขาเป็นคนดี ดูแล้วก็น่าจะรักนีร..ถ้าแต่งงานกัน"

"เดี๋ยวครับคุณลุง" คุณเอกพงศ์พูดยังไม่ทันจบเขาก็ขัดขึ้นก่อน ปารัชมีสีหน้าแข็งกร้าวขึ้นทันทีจนเจ้าตัวยังไม่รู้สึกแต่คนที่มองกลับแอบยิ้มเมื่อได้ทดสอบบางอย่าง

"ผมตกลงครับ ผมจะแต่งงานกับน้องเอง"

ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วขนาดนั้น มารู้ตัวก็ตอนที่ท่านทูตยิ้มอย่างดีใจพลางเข้ามากอดทนายหนุ่มด้วยความยินดี

ปารัชอยากจะกัดลิ้นตัวเองเสียเหลือเกิน ทำไมถึงเอาความรู้สึกเหนือเหตุผลได้

แล้วทำไมเขาถึงได้โกรธขนาดนี้เพียงแค่ได้ยินว่านีรนาราจะแต่งงานกับคนอื่น..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel