๖ หึงเหรอคะ (๑)
๖
หึงเหรอคะ
เมื่อถึงที่พักนีรนาราก็เดินลงจากรถโดยไม่รอคนขับเลยสักนิด ตรงไปยังห้องของตัวเองพร้อมกับปิดประตูลงเสียงดังจนคนที่ตามมาแทบสะดุ้ง ปารัชถอนหายใจพลางส่ายหน้าระอากับความอารมณ์ร้อนของหญิงสาวแล้วเดินไปห้องพักของตัวเอง
เมื่อเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวจากคุณหนูที่ขี้เหวี่ยงวีนในสายตาคนอื่นก็กลายร่างเป็นอีกคนทันที เกราะที่เคยกำบังตัวเองถูกถอดออกมีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาบอกให้รู้ว่าเธออ่อนแอมากแค่ไหน ระหว่างทางแทบอดใจโวยวายใส่ปารัชไม่ไหวแต่ก็ต้องเงียบเอาไว้ ไม่อยากให้เขามองเป็นตัวร้ายไปมากกว่านี้
ทั้งที่หล่อนมาก่อนผู้หญิงคนนั้นกลับไม่ได้รับความสนใจจากเขามากไปกว่าสถานะน้องสาว เพียรพยายามทำทุกอย่างก็โดนเมินจนรู้สึกเหนื่อย
ทำไมการจะมีความรักมันต้องพยายามมากขนาดนี้..
ดวงตากลมโตหลับลงทั้งที่หมอนเปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่ไหลไม่หยุดจนหลุดเข้าสู่ห้วงนิทรา เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูจึงสะลึมสะลือเดินมาเปิดทั้งที่ยังลืมตาไม่เต็มดวงด้วยซ้ำ
"ไปกินข้าวได้แล้ว" เป็นปารัชที่เดินมาหาแล้วมองร่างบางซึ่งอยู่ในชุดเดิมกับที่ออกไปข้างนอก นึกว่าจะเปลี่ยนแล้วเสียอีกปกติเคยใส่หนึ่งชุดในวันเดียวเสียที่ไหน เขาเห็นหล่อนเปลี่ยนแทบจะทุกครึ่งวัน
นีรนาราเปิดร้านเสื้อผ้าร่วมหุ้นกับเพื่อนอีกสองคนแต่ก็ไม่ค่อยได้ไปดูแลร้านเท่าไหร่ ให้ผู้จัดการเป็นคนทำและรายงานเธอเป็นสัปดาห์ไป เรียกได้ว่ารออนุมัติกับรับเงินเท่านั้น ยังมีธุรกิจที่เธอเป็นหุ้นส่วนให้ดูแลทว่าร่างบางก็ไปทำบ้างไม่ไปบ้างยกเว้นแต่จะมีประชุมจึงโผล่ไปนั่งฟังรายงานกับเขาสักที
ไม่แปลกใจเลยที่หญิงสาวว่างขนาดมาตามผู้ชายได้เป็นวันแล้วยังมีเงินใช้ไม่ขาดมืออย่างนี้
"ค่ะ" กำลังจะปิดประตูเพื่อกลับไปนอนต่อแต่เขาก็ดันเอาไว้ก่อน
"อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะ ห้ามนอน" คนโดนรู้ทันส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจ
"เข้าใจแล้วค่ะ" หลังจากนั้นจึงรีบปิดประตูก่อนถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ค่อยเข้าห้องน้ำไปชำระกายแล้วเปลี่ยนเป็นเสื้อกล้ามลายตารางสีเหลือง ทับด้วยกางเกงเอวสูงสีซีดค่อยออกจากห้องเมื่อรวบผมหางม้าผูกโบว์สีขาวเรียบร้อยแล้ว
หล่อนใส่รองเท้าแตะเพราะคิดว่าคงไม่ได้ออกไปไหน เดินไปห้องอาหารแต่ไม่พบใคร "ไปไหน" มองหาก็ไม่เจอปารัชหรือครอบครัวตัวเอง
"คุณนีรนาราครับ โต๊ะอาหารจัดอยู่ที่สวนครับ" มีบริกรเดินมาบอกก่อนจะนำหล่อนไปทำเอาคนที่ไม่รู้เรื่องได้แต่บ่นทนายหนุ่มที่ไม่เอ่ยล่วงหน้าว่าจะดินเนอร์ที่ไหน เดินตามมาด้วยอาการไม่พอใจแต่แล้วความรู้สึกนั้นก็มลายไปเมื่อเห็นว่าบรรยากาศรอบข้างดีมากแค่ไหน
"ว้าว" อุทานเมื่อเห็นว่าไฟแต่ละดวงค่อยเปิดสว่างจนเห็นโต๊ะดินเนอร์ที่มีเชิงเทียนตั้งไว้ตรงกลางพร้อมอาหารที่วางเต็มโต๊ะ หันไปมองคนที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับด้วยแววตาปลาบปลื้มก่อนที่บริกรหนุ่มจะปล่อยให้ทั้งสองอยู่ด้วยกัน
"พี่ปรานจัดทั้งหมดเหรอคะ" ถึงไม่ได้หรูหรามากนักแต่สำหรับหล่อนที่ไม่เคยได้รับความใส่ใจจากปารัชก็รู้สึกดีใจจนน้ำตาคลอ มองเขาด้วยรอยยิ้มจนชายหนุ่มไม่กล้าเอ่ยขัดว่าแท้จริงแล้วเป็นคุณเอกพงศ์ที่จัดทุกอย่างให้ลูกสาวสุดที่รักเพราะท่านไม่ได้มาทานอาหารเย็นด้วยเนื่องจากต้องไปสังสรรค์กับเพื่อน
อีกอย่างก็คือเปิดทางให้สองหนุ่มสาวได้อยู่ด้วยกันเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เหมือนเป็นการกดดันปารัชอยู่กลายๆ ว่าคำขอของท่านชายหนุ่มควรจะตอบอย่างไร
"กินเถอะ" กำลังจะนั่งลงแต่ก็เดินอ้อมไปเลื่อนเก้าอี้ให้คนตัวเล็กสร้างความประทับใจมากขึ้นจนยิ้มแก้มปริ นีรนาราไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าความใส่ใจที่ปารัชมอบให้
แค่เห็นเธออยู่ในสายตาบ้างก็ยังดี
ทั้งสองรับประทานอาหารเย็นด้วยกันโดยที่คนตัวเล็กอิ่มอกอิ่มใจเสียเหลือเกิน เธอมองคนตรงข้ามด้วยแววตาที่ทอประกายความสุขจนล้นอก ไม่ค่อยได้ไปดินเนอร์กันสองคนเพราะชายหนุ่มอ้างว่าติดงานตลอดเวลา
น่าหัวเราะเหลือเกินที่เขาไม่มีเวลาไปกินข้าวกับหล่อนแต่กลับมีเวลาพาแฟนไปเที่ยว นีรนาราพยายามมองให้มันเป็นเรื่องสนุกแต่แท้จริงแล้วกลับเป็นตลกร้ายเหลือเกิน
เหตุผลที่เธอต้องร้ายก็เพราะความรักที่มีต่อเขาจนไม่อาจแบ่งปารัชให้คนอื่นได้ ยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งสวมหน้ากากนางมารขัดขวางความรักของร่างสูง จนในที่สุดเขาก็เกลียดหล่อนจนแทบไม่อยากมองหน้า
"ขอบคุณสำหรับมื้อเย็นนะคะ นีรชอบมากๆ เลย" ทั้งที่ก่อนหน้านี้โกรธเขาแท้ๆ แต่เมื่อชายหนุ่มทำดีด้วยก็หายเป็นปลิดทิ้งจนลืมความรู้สึกน้อยใจไปเสียแล้ว
"อือ" ดื่มน้ำหลังรับประทานอาหารเสร็จก่อนที่ร่างบางจะนึกอะไรดีๆ ออก
"พี่ปรานรอนีรก่อนนะคะ มีของมาให้เล่น" ว่าจบคนตัวเล็กก็ลุกจากที่นั่งเดินแกมวิ่งไปที่ห้องของตัวเอง แตะคีย์การ์ดที่ประตูแล้วเปิดเข้าไปเอาของสำคัญซึ่งแอบซื้อจากร้านค้าแห่งหนึ่งในระหว่างที่ไปเดินเที่ยว ใบหน้าหวานอมยิ้มมีความสุขไม่เปลี่ยนและเมื่อมาถึงโต๊ะอาหารก็โชว์สิ่งที่ไปหยิบในห้องให้อีกฝ่ายดู
"นี่ค่ะ พี่ปรานจำได้ไหม" ร่างสูงที่นั่งกอดอกรอด้วยใบหน้าราบเรียบอึ้งเล็กน้อยเมื่อมองของที่หล่อนถือ
ไฟเย็น..ทำไมเขาจะจำไม่ได้เล่า
'พี่ปรานขา นีรอยากเล่น' ครั้งยังเป็นเด็กน้อยตัวเล็กของพี่ชายหล่อนอ้อนเขาเสียงหวานเมื่อดูโทรทัศน์แล้วเห็นคนอื่นเล่นไฟเย็น
'เดี๋ยวพ่อก็ว่าเอาหรอก' คุณเอกพงศ์ประจำการอยู่ต่างประเทศทำให้การดูแลหนูน้อยตกมาเป็นของคุณสารัชและพี่เลี้ยงที่ดูแลคุณหนูของบ้านมาตั้งแต่เด็ก
'แอบเล่นสิคะ นีรอยากเล่น' กระซิบพี่ชายทั้งที่ในห้องก็มีเพียงสองคน ถึงพูดดังคนอื่นก็ไม่ได้ยินอยู่ดี
'นะคะพี่ปราน ซื้อให้หน่อยนะ' ไม่รู้ทำไมในเวลานั้นเขาถึงทนต่อลูกอ้อนของเด็กหญิงนีรนาราไม่ได้จำต้องไปเสาะหาของเล่นมาให้หล่อน และเย็นวันนั้นที่ปารัชต้องนอนบ้านหลังใหญ่เป็นเพื่อนคุณหนูตัวน้อยก็ชวนกันลงมาที่สวนของบ้านยามค่ำคืน
'โห' ยังไม่จุดแต่คนตัวเล็กก็อุทานนำหน้าเสียแล้วจนพี่ใหญ่หันมามองพลางส่ายหน้า
'ยังไม่จุดไฟเลย' ใบหน้าจิ้มลิ้มส่งยิ้มให้เขาแล้วตั้งใจดูของเล่นชิ้นใหม่
'พี่ปรานๆๆสวยมากเลย' และเมื่อจุดไฟแล้วก็ปรบมือดีใจยกใหญ่ เขายื่นส่วนปลายให้เธอจับและเด็กหญิงก็ไม่ขัดเนื่องจากอยากเล่นเป็นทุนเดิมแล้ว ไฟที่แตกออกเป็นเหมือนพลุขนาดเล็กซึ่งอยู่ใกล้จนเห็นความสวยงามของมัน
ไฟเย็นไม่ได้ทำให้ร้อน และไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด มันกลายเป็นของเล่นชิ้นโปรดที่นีรนาราเรียกร้องกับพี่ชายเสมอ
'นีรอยากเล่นอีก'
'มันหมดแล้ว' หลายวันผ่านไปหญิงสาวก็รบเร้าจนปารัชต้องตั้งกฎขึ้นมา
'ถ้าเธอเป็นเด็กดี พี่จะซื้อมาให้เล่นอีก' คนฟังพยักหน้าทันที
'นีรจะเป็นเด็กดีของพี่ปราน' คำสัญญานั่นเด็กหญิงไม่ได้พูดเล่นเพราะเธอทำตามอย่างไม่อิดออด เป็นเด็กดีของพี่ปรานมาโดยตลอดทว่ากับคนอื่นนั่นไม่ใช่..
"มาเล่นไฟเย็นกันค่ะ" รอยยิ้มของเธอตอนนี้ทำให้เขานึกถึงเมื่อก่อน ครั้งที่หญิงสาวยังเป็นน้องน้อยของตัวเอง ยอมทำตามทุกอย่างจนโตขึ้นเธอก็เปลี่ยนไปเป็นใครอีกคนที่ปารัชไม่รู้จัก
"อือ เอาสิ" ลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบไฟเย็นมาจากเธอก่อนจะเริ่มจุดจนเกิดประกายไฟ ใบหน้าหวานยิ้มอย่างมีความสุขมองไฟตรงหน้าเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง เธอวาดมันเป็นรูปต่างๆ โดยลืมปารัชไปชั่วครู่ในขณะที่อีกฝ่ายวางสายตาไว้ยังร่างบางตลอดจนตัวเองก็ไม่รู้สึกตัวว่าให้ความสนใจคนที่พร่ำบอกว่าเกลียด
"พี่ปรานถ่ายรูปให้หน่อย" ได้ยินเสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นโทรศัพท์มาให้เขาจึงได้สติ หยิบไปเปิดกล้องพร้อมถ่ายรูปให้คนที่ตั้งท่าเรียบร้อยแล้ว
เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าเมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงได้มองว่านีรนาราน่ารัก..
พยายามสะบัดศีรษะไล่ความคิดนั้นออกไปแล้วยัดโทรศัพท์ใส่มือของหล่อนอย่างรวดเร็วพร้อมเดินออกจากสถานที่แห่งนั้นเหมือนไม่อยากยอมรับความจริง จนคนที่มองตามเริ่มสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นเหตุใดปารัชจึงเร่งรีบขนาดนั้นกระทั่งเห็นเขาหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมารับ พลันใบหน้าคมก็ยิ้มออกมา
..ที่แท้ก็เพราะไปคุยกับแฟนนั่นเอง
มือเล็กไร้เรี่ยวแรงจนต้องปล่อยลงข้างลำตัว เธอค่อยก้าวไปนั่งบนเก้าอี้พลางถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้าทั้งที่เมื่อกี้ยังมีความสุข ยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาดูรูปที่เขาถ่ายให้เมื่อสักครู่
รอยยิ้มเมื่อกี้มันผ่านไปเร็วเหลือเกิน ก่อนที่น้ำตาจะไหลจนทุกอย่างพร่ามัวไปหมด
หากเลือกได้เธออยากจะเดินออกไปจากชีวิตของปารัช แต่ก็ไม่สามารถทำได้เสียทีในเมื่อหัวใจของหล่อนมันอยู่ในกำมือเขาแล้ว เขาจะบีบหรือจะคลายเธอก็ตายอยู่ดี
วันต่อมารถเคลื่อนล้อแต่เช้าเพราะจะไปหลายที่ คุณเอกพงศ์ค่อนข้างมีความสุขที่ได้มาพักผ่อนและเที่ยวกับครอบครัวเช่นนี้ เริ่มทริปด้วยการไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพตั้งแต่เช้าก่อนจะไปที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ มาถึงก็จ่ายเงินสำหรับค่าเข้าชมอดมองด้วยความตะลึงไม่ได้
ดอกไม้นานาพรรณถูกจัดเป็นพุ่มสวยงามตามทางเดินไปพระตำหนักแต่ละหลัง ร่างบางอดจะเก็บภาพประทับใจเอาไว้ด้วยตัวเองไม่ได้ รอยยิ้มประดับบนใบหน้าหวานจนคนที่หันมามองชะงักค้างอยู่ครู่หนึ่ง
ทำไมหล่อนถึงดูสวยขนาดนี้ยามอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ..ปารัชเหมือนตกอยู่ในภวังค์ก่อนจะสะบัดศีรษะไล่ความคิดนั้นออกไปเมินหน้าหนีจากร่างบางทันทีก่อนที่จะถูกสังเกตได้ว่ากำลังแอบมองด้วยแววตาชื่นชม
ไม่รู้ว่าตั้งแต่มาเมืองเหนือเขาแอบชมหญิงสาวอยู่ในใจไปกี่ครั้งแล้วก็คร้านจะนับ ถึงพยายามไล่ความคิดส่วนนั้นออกไปก็ทำได้ยาก สายตามันคอยแต่จะเหลือบมองหล่อนตลอดเวลา
นีรนาราถ่ายรูปจนทั่วเพราะไม่เคยมาสักครั้ง มองไปทางไหนก็สวยไปหมดจนต้องเก็บภาพเอาไว้เป็นความทรงจำ โดยที่แอบบันทึกรูปของปารัชยามเผลอไว้ด้วย
"ไปต่อกันเถอะ" อยู่ได้สักพักจนเก็บภาพเป็นที่พอใจจึงขึ้นรถแล้วมุ่งไปสถานที่ถัดมา นั่นก็คือจุดชมวิวดอยปุยที่มีคนบ้างประปราย แต่เสียดายที่ไม่ได้มาตอนเช้ายามพระอาทิตย์ขึ้นคงสวยน่าดู
"พี่ปรานถ่ายรูปให้หน่อยค่ะ" ลากเขามาถ่ายรูปให้พร้อมโพสท่ารอซึ่งชายหนุ่มก็ยอมทำตาม กดชัตเตอร์จนรู้สึกเมื่อยมือแต่ดูเหมือนว่าคนที่เป็นนางแบบจะไม่พอสักที
"พอหรือยัง พี่ถ่ายเป็นร้อยแล้ว" ใบหน้าคมแสดงความเบื่อหน่ายเต็มที่เผื่อจะทำให้นีรนารารับรู้ว่าเขาเหนื่อยมากแค่ไหน
"ยังค่ะ เอาอีกเยอะๆ นีรจะส่งไปอวดเพื่อน" เพื่อนที่ว่าคงไม่พ้นปณาลีกับเรนิตา นีรนาราเป็นคนเพื่อนน้อยเพราะไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่มัธยมปลาย ส่วนมากเพื่อนในไทยที่สนิทก็เป็นสองคนนี้เท่านั้น
"พอแล้ว" เขาถอนหายใจทันทีเมื่อหญิงสาวบอกแบบนั้น "ไปถ่ายตรงนั้นต่อดีกว่าค่ะ" ปารัชแทบจะทึ้งหัวตัวเองเพราะหญิงสาวไม่ได้หยุดถ่ายรูปเพียงแค่ต้องการเปลี่ยนฉากเท่านั้น
แล้วเขาทำอะไรได้นอกจากตามใจลูกสาวคนโตของคุณเอกพงศ์
เมื่อถ่ายรูปจนพอใจพระอาทิตย์ก็ตรงศีรษะพอดีทุกคนจึงเข้าร้านอาหารเพื่อรับประทานมื้อเที่ยง คุณเอกพงศ์พูดไม่หยุดและนีรนาราก็สมทบจนโต๊ะนั้นมีเพียงเสียงหัวเราะ บรรยากาศค่อนข้างผ่อนคลายจนปารัชที่เคยตั้งแง่ใส่คุณหนูคนดีของพ่อเริ่มคลายกำแพงลงมาบ้าง
หลังจากจบมื้อเที่ยงก็พากันไปขุนช่างเคี่ยนหรือชื่อเต็มคือสถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยนโดยตั้งอยู่บนยอดดอยแต่การเดินทางไปเยี่ยมชมก็ค่อนข้างสะดวก ภาพในความคิดของร่างบางคือต้นพญาเสือโคร่งหรือที่เรียกกันว่าซากุระเมืองไทยบานเต็มทางที่ทอดยาวให้ได้ถ่ายรูปไว้อวดเพื่อนในโลกโซเชียล
แต่ความเป็นจริงคือหล่อนมาผิดฤดูทำให้ต้นไม้ที่ควรมีดอกเต็มต้นกลับขึ้นเพียงหยิบมือ ทว่ายังดีที่มีไร่กาแฟให้ได้เดินชื่นชมและเก็บภาพพอลดทอนความผิดหวังในใจได้บ้าง