๕ ใช้เวลา (๒)
วันเดินทางมาถึงอย่างรวดเร็วโดยมีผู้ร่วมทริปทั้งหมดหกคนได้แก่ประมุขของบ้านอย่างคุณเอกพงศ์และภรรยาซึ่งพาแม่บ้านคนสนิทมาด้วย นีรนาราที่เดินข้างปารัชและคุณสารัชปิดท้าย ทุกคนมีใบหน้ายิ้มแย้มต่างจากทนายหนุ่มซึ่งดูเหมือนร้อนรนกว่าปกติ
เมื่อถึงสนามบินดอนเมืองก็พากันไปเช็คอินพร้อมเดินเข้าเกททันที ทว่าร่างสูงกลับขอแยกตัวออกไปสักครู่เพื่อแอบไปโทรศัพท์หาแฟนสาวของตนเอง
“พี่จะพยายามโทรหาบ่อยๆ นะครับ” ใบหน้าคมแย้มยิ้มเมื่อปลายสายไม่ได้งอนเหมือนที่นึกกลัว
‘อย่าลืมซื้อของมาฝากปรางนะคะ’ ออดอ้อนเป็นปกติและดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะชอบเหลือเกินที่เห็นคนรักทำเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างนี้
“พี่จะเหมาสตรอว์เบอร์รี่ทั้งสวนมากฝากเลย” รู้ว่าปรางกัญญาชอบกินผลไม้ชนิดนี้มากแค่ไหนเขาก็พูดเอาใจจนหล่อนหัวเราะ
‘สัญญาแล้วนะ’
“ครับ”
‘ห้ามนอกใจปรางด้วย ต้องรายงานทุกชั่วโมงนะคะ’ เขารับคำเสียงหวาน “ครับ พี่จะรายงานทุกชั่วโมงเลย” คุยกันอีกสักพักก็วางสายและเดินไปรอที่เกทไม่รู้เลยว่ามีคนแอบฟังอยู่ด้วยความปวดใจ ทำไมคนที่ได้รับคำพูดแสนหวานถึงไม่ใช่เธอ
มือเล็กกำแน่นเข้าหากันสูดลมหายใจเพื่อปรับอารมณ์แล้วค่อยเดินกลับไปหาบิดามารดาเช่นเดิม พยายามทำเป็นไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น
อีกไม่นานปารัชก็จะเป็นของเธอไม่ใช่ผู้หญิงมาทีหลังอย่างปรางกัญญา!
ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงจากเมืองหลวงจนมาถึงเชียงใหม่ มีรถตู้ของทางโรงแรมมารอรับอยู่ก่อนหน้าจึงไม่ต้องคอยนาน ร่างบางเข้าไปนั่งเบาะกลางด้านในสุดแล้วหลับตาลงไม่อยากจะสนทนากับใครเพราะมีสิ่งที่รบกวนจิตใจอยู่ในตอนนี้
รถเคลื่อนตัวออกตอนไหนหล่อนก็ไม่อาจทราบจนกระทั่งพาหนะจอดลงดวงตากลมโตจึงลืมขึ้นก่อนเดินตามบุพการีไม่ได้หันไปสนใจคนที่แอบมองอยู่ด้วยความเป็นห่วง ปารัชหยิบกระเป๋าหลังรถส่งให้พนักงานโรงแรมโดยสายตาก็คอยวนเวียนที่คนตัวเล็ก
“เป็นอะไร” คุณสารัชเห็นท่าทีของบุตรชายจึงถามด้วยความสงสัย
“เปล่าครับ” แล้วก็ได้รับการปฏิเสธทันที สองพ่อลูกเดินตามมาสมทบทีหลังได้รับคีย์การ์ดเป็นห้องเตียงคู่
โรงแรมแห่งนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควร บรรยากาศโดยรอบถูกล้อมด้วยป่าเขา สีเขียวขึ้นเต็มไปหมดจนต้องสูดลมหายใจเข้าปอดรับออกซิเจนยามสายเช่นนี้ คุณเอกพงศ์ยิ้มอย่างมีความสุขในขณะที่โอบไหล่ภรรยาเอาไว้
“ไม่ได้มาพักผ่อนซะนาน ธรรมชาติมันให้ความสดชื่นแบบนี้เอง” มองไปโดยรอบเห็นสีของต้นไม้ก็ยิ่งเพิ่มพลังหลังจากเหนื่อยในการทำงานมานาน
คิดถึงบรรยากาศประเทศไทยอยากเกษียณแล้วมาปลูกบ้านแถวเมืองเหนือซึ่งท่านก็ดูที่ทางไว้บ้างแล้วเสียแต่ยังไม่ได้บอกบุตรสาวเท่านั้น ที่ขึ้นมาเชียงใหม่ก็นัดเพื่อนเอาไว้พูดเรื่องที่ดินด้วยส่วนหนึ่งและต้องการมาพักผ่อนพร้อมหน้าพร้อมตา
จะขาดก็แต่บุตรชายคนเล็กที่คร่ำเคร่งกับการร่ำเรียนเสียเหลือเกิน ไม่รู้ชาตินี้จะได้ลูกสะใภ้กับเขาหรือเปล่า กลัวว่านเรศทร์จะแต่งกับงานเสียก่อนน่ะสิ
“ถ้าคุณพ่อมาอยู่ไทยนีรจะพาไปเที่ยวทุกที่เลยค่ะ” ลูกสาวรบเร้าให้ท่านกลับมาอยู่บ้านหลายครั้งทว่าด้วยหน้าที่ก็ไม่อาจทำได้ แต่อีกไม่นานก็คงเกษียณได้กลับมาอยู่บ้านเกิดเมืองนอนกับเขาเสียที
“ให้ถึงตอนนั้นก่อนเถอะ พ่อกลัวแต่ว่านีรจะไม่ยอมห่างแฟน” ผละจากคนรักแล้วเดินมาหาบุตรสาว ระหว่างทางเดินไปห้องพักนีรนาราเอาแต่คุยกับบิดากระทั่งถึงหมายเลขที่อยู่บนคีย์การ์ดตัวเอง
“ไม่มีหรอกค่ะ แต่ถึงจะมีคุณพ่อก็สำคัญกว่า” ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนลูกสาวของท่านก็ยังน่ารักเช่นเดิม ช่างอ้อนและเอาอกเอาใจจนแทบประเคนทุกอย่างให้ ร่างบางผละไปเปิดประตูห้องของตัวเองโบกมือลาผู้ร่วมทริป
“นีรขอพักก่อนนะคะ แล้วช่วงบ่ายค่อยไปตะลุยกันต่อ” เพราะนัดกันไว้ว่าช่วงบ่ายจะไปตระเวนไหว้พระในตัวเมืองโดยเช่ารถของทางโรงแรมเอาไว้
ร่างบางปิดประตูทันทีโดยไม่เห็นว่าทนายหนุ่มลอบมองตนเองอยู่ตลอดเวลา ใบหน้าหวานมีแววเศร้าอย่างเห็นได้ชัดแต่เขาก็ต้องสลัดความคิดนั้นออกไปทันทีเมื่อมีสายเรียกเข้า พอเห็นชื่อก็ยิ้มออกแล้วเลี่ยงไปคุยเพียงลำพัง
คุณสารัชมองคนทั้งคู่พลางส่ายศีรษะไม่เข้าใจว่าหนุ่มสาวเล่นอะไรกัน อีกคนก็รักเหลือเกิน ส่วนอีกคนก็ปิดตาปิดใจอยู่นั่น กลัวอะไรนักหนาก็ไม่รู้..
นีรนาราเข้ามาภายในห้องที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาว ม่านที่กันแสงถูกเปิดออกทำให้ความมืดมิดโดนแสงสว่างแทนที่ หล่อนไม่ได้สนใจความสวยงามของห้องที่ปูพื้นด้วยหินแกรนิตเนื้อดี เตียงกว้างมีเสาสี่อันคลุมด้วยผ้าผืนบาง
กระเป๋าใบใหญ่วางไว้มุมห้องเธอจึงตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปเก็บของเข้าตู้เสื้อผ้าก่อนจะหยิบโทรศัพท์ต่อสายถึงคนสนิทที่ทำงานให้ตลอด
“ไปเฝ้าผู้หญิงที่ชื่อปรางกัญญา รายงานฉันตลอดว่ามีอะไรน่าสงสัย ถ้ามันมีผู้ชายคนอื่นก็ถ่ายรูปและหลักฐานมาด้วย” เรื่องที่กวนใจอยู่ในตอนนี้ก็คงมีแค่เรื่องนี้เท่านั้น เธอมั่นใจว่าอดีตคู่แค้นสมัยเด็กคงไม่ได้เข้าหาปารัชเพราะความรักแน่
มันจะต้องมีอะไรมากกว่านั้น ลางสังหรณ์บอกว่าอีกฝ่ายกำลังจะกลับมาเอาคืนในสิ่งที่หล่อนเคยทำไว้และนีรนาราก็กลัวเหลือเกิน
กลัวว่าตนเองจะพลาดท่าเพราะจุดอ่อนของเธอคือปารัช และฝ่ายนั้นก็เล่นงานถูกจุดเสียด้วย
แต่หล่อนจะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างแน่นอน ในเมื่ออยากเข้าทางชายหนุ่มก็มาลองดูว่าใครจะชนะกันแน่
ถึงเวลานัดหมายคนตัวเล็กก็เปลี่ยนเป็นเสื้อไหมพรมสีขาวมีลูกเล่นเป็นเชือกดึงแทนกระดุมด้านหน้ากับกางเกงยีนส์สีซีด ผมถูกเปียสองข้างอย่างลวกๆ แต่ดูสวยงามตามสมัย เติมสีปากเล็กน้อยเป็นอันเสร็จจึงออกจากห้องได้
“อุ้ย” เปิดประตูออกมาเกือบชนกับคนที่ยืนอยู่ก่อนหน้า
“อ้าวพี่ปราน” เป็นปารัชซึ่งยืนหน้านิ่ง
“คุณลุงให้มาเรียก” ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มหวานแล้วพยักหน้าทันที
“ถ้าอย่างนั้นไปพร้อมกันเลยนะคะ” ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรแต่เดินนำหน้าไปก่อน คนตัวเล็กได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างทั้งที่ใจจริงอยากจะเข้าไปควงแขนเขาแล้วเดินไปพร้อมกันมากกว่า แต่ทำแบบนั้นไม่ได้คงโดนเฉ่งกลับมาแน่
ปารัชเหลือบมองคนที่เดินตามก่อนจะค่อยก้าวให้ช้าลงจนในที่สุดก็กลายเป็นว่าเดินเคียงกัน..
เมื่อถึงห้องอาหารของโรงแรมก็เริ่มรับประทานอาหารเที่ยงหลังจากนั้นจึงได้ไปตระเวนไหว้พระรอบตัวเมืองและวัดใกล้เคียง
ปิดท้ายด้วยวัดพระสิงห์วรมหาวิหารซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณคูเมืองเชียงใหม่ องค์เจดีย์สีทองอร่ามทำให้หล่อนต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้ สวยสง่าเสียเหลือเกิน หากต้องแสงไฟยามค่ำคืนแสงสีนวลคงเหมือนพระจันทร์
หล่อนมองเจดีย์อยู่นานจนกระทั่งทนายหนุ่มเดินเข้ามาหาและเขาเองก็หยุดจ้องคนตัวเล็กเช่นเดียวกัน ใบหน้าหวานยามมองด้านข้างน่ารักไม่หยอก โดยเฉพาะริมฝีปากจิ้มลิ้มที่เผยอขึ้นเล็กน้อยนั้นอีก
มันน่า..จูบ
ชายหนุ่มสะดุ้งกับความคิดของตนเองก่อนรีบปัดออกอย่างรวดเร็วเพราะตนเองอยู่ในวัด ถึงจะคิดในใจแต่เขาก็ว่ามันไม่สมควรสักเท่าไหร่ กระแอมสองสามครั้งก่อนเดินเข้าไปหาร่างบาง
“พี่ถ่ายรูปให้ไหม” หันไปมองปารัชที่ขันอาสาก็รีบพยักหน้าแล้วยืนสำรวมให้เขาถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก ช่างภาพจำเป็นกดชัตเตอร์ไปค่อนข้างเยอะก่อนนักท่องเที่ยวแถวนั้นจะเห็นจึงเดินเข้ามาทักทาย
“ให้เราถ่ายรูปให้คุณไหม” ประโยคภาษาจีนถูกเอ่ยออกมาทำเอาทนายหนุ่มที่ความรู้เรื่องภาษาติดลบถึงกับไปไม่เป็น เขายืนอึ้งแล้วตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ
“พูดอังกฤษได้ไหมครับ” ทว่าสองสามีภรรยาดูท่าจะฟังไม่เข้าใจจนคนตัวเล็กต้องเข้ามาช่วย
“รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ” นีรนาราพูดภาษาจีนอย่างคล่องแคล้วแล้วหันไปยิ้มให้นักท่องเที่ยวชาวจีนก่อนคว้าแขนปารัชให้มายืนข้างกัน
“เขาแค่อยากถ่ายรูปให้เราค่ะ” ชายหนุ่มกำลังจะปฏิเสธ
“มองกล้องแล้วยิ้มสิคะ ถ่ายออกมาหน้าบึ้งแบบนั้นเดี๋ยวก็ไม่หล่อหรอก” จะขัดอะไรได้ในตอนนี้เขาจึงส่งยิ้มให้กล้องและยืนเป็นหุ่นอยู่ข้างผู้หญิงที่ตัวเองไม่ชอบหน้าสักเท่าไหร่
“ขอบคุณมากนะคะ”
“คุณสองคนสวยหล่อ เหมาะสมกันมากเลย” รับกล้องจากคนจีนก่อนจะได้ยินคำชมที่ทำเอาหน้าบาน
“เดี๋ยวฉันถ่ายรูปให้พวกคุณนะคะ” ปารัชไม่อาจทราบได้ว่าคุยอะไรกันเขาจึงยืนรออยู่ข้างเธอกระทั่งนักท่องเที่ยวจีนกล่าวขอบคุณและล่ำลากันตรงนั้น
“เขาพูดว่าอะไร” หล่อนส่งยิ้มให้เขาอย่างคนเหนือกว่า
“เขาบอกว่าพี่ปรานเป็นผู้ชายใจดำที่สุดในโลก” ว่าจบก็เดินหนีปล่อยให้คนตัวสูงโดนหลอกด่าฟรีและชายหนุ่มก็ไม่ยอมแพ้เดินตามเธอมาจนกระทั่งสมทบกับผู้ใหญ่ที่เหลือ
“ทะเลาะอะไรกันล่ะ” เห็นใบหน้าคมฉายแววไม่พอใจท่านทูตจึงเอ่ยถามด้วยแววตาระอาปนเอ็นดูหนุ่มสาวทั้งคู่
“เปล่าค่ะ/เปล่าครับ” ตอบปฏิเสธพร้อมกันก่อนจะเดินไปเอาธูปและดอกไม้มาไหว้พระ ไม่ลืมบริจาคเงินเป็นค่าใช้จ่ายภายในวัดด้วย คนที่ค่อนข้างเยอะในช่วงเย็นทำให้เบียดเสียดกันจนปารัชที่เห็นว่าคนตัวเล็กโดนเบียดก็เดินเข้ามาแทรกและกันคนอื่นไม่ให้เข้าใกล้หล่อน
นีรนาราไม่รับรู้อะไรเพราะตอนนี้กำลังไหว้พระและอธิษฐานขอพรเรื่องความรัก..
อาจจะดูงมงายแต่ในเมื่อทำทุกทางแล้วไม่สามารถช่วยให้ชายหนุ่มหันมามองได้ก็ขอพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์หน่อยแล้วกัน หวังว่าท่านจะเมตตาและมอบความรักที่ดีให้แก่หล่อนบ้างอย่าทรมานกันแบบนี้เลย ไม่อยากมองโดยไม่ได้ครอบครองอีกต่อไปแล้ว
ปักธูปลงบนกระถางก่อนเดินเลี่ยงออกมานำดอกไม้ไปวางไว้โดยไม่รับรู้ว่าที่เธอไม่โดนเบียดเพราะปารัชคอยกันคนอื่นเอาไว้ให้ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร
“กลับกันไหมลูก” คุณเอกพงศ์เห็นบุตรสาวท่าทางเหนื่อยจึงถามขึ้น ก็ได้รับการพยักหน้ากลับ
“ถ้าอย่างนั้นหนูกลับไปพร้อมปรานก่อนนะ พ่อกับแม่แล้วก็อาสารัชจะไปหาเพื่อนสักหน่อย” การมาเมืองแห่งการท่องเที่ยวไม่ใช่แค่อยากมาพักผ่อนแต่ท่านต้องการมาพบปะเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันซึ่งมาประจำการอยู่ที่นี่ ทั้งผู้บังคับบัญชากองตำรวจ ไหนจะผู้ว่าราชการจังหวัด หรือปลัดจังหวัดอีก
“ได้ค่ะ อย่ากลับค่ำมากนะคะ” คนเป็นพ่อพยักหน้า
“แล้วจะไปยังไงครับ ให้ผมไปส่งที่ไหน” คนที่เดินตามมาสมทบทีหลังเอ่ยถาม
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผู้ว่าเขาจะให้คนมารับ” รับรู้โดยทั่วกันสองหนุ่มสาวจึงได้เดินออกมาส่งบุพการีหน้าวัดโบกมือลากันเรียบร้อยค่อยเดินไปยังรถยนต์ที่จอดไว้ใต้ต้นไม้
“อยากไปไหนไหม” เปิดเครื่องปรับอากาศเบอร์แรงสุดพลันรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า อากาศทำไมร้อนขนาดนี้ทั้งที่มาเมืองหนาวแท้ๆ แต่ก็ลืมไปว่ามาช่วงฤดูร้อนที่กำลังจะเข้าฤดูฝนทำให้บรรยากาศค่อนข้างอบอ้าว
“กลับค่ะ อยากนอน” ตอนนี้คิดถึงที่นอนมากกว่าและคนขับรถจำเป็นก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรขับกลับที่พักทันที ระหว่างทางร่างบางก็หลับตาลงปล่อยความเงียบโอบล้อมระหว่างกัน
เรียกว่าเป็นครั้งแรกก็ไม่ผิดนักที่ได้ออกมาเที่ยวกันอย่างนี้ ถึงเขาจะไม่ได้ใจดีเหมือนแต่ก่อนทว่าก็ไม่ร้ายหรือทำเย็นชาใส่มากนัก ยังเห็นความห่วงใยในแววตาคมจนอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าบางทีทนายสุดหล่ออาจจะยังมีใจให้หล่อนบ้าง
“กำลังจะกลับที่พักครับ” เสียงโทรศัพท์ของเขาดังไม่นานก็ถูกกดรับ ปารัชโต้กลับคนปลายสายทันที
“เดี๋ยวพี่ซื้อไปให้ ได้ครับ สวัสดีครับ” น้ำเสียงหวานที่ตอบกลับทำให้นีรนารารู้สึกอิจฉาปลายสายเหลือเกิน และไม่ต้องเดาให้ยากว่าใครเป็นคนโทรมา
คงเป็นปรางกัญญาสินะ
ใจมันเจ็บแสบไปหมดเมื่อโดนเขากรีดด้วยมีดคมทั้งยังโยนเกลือใส่มันทรมานมากขึ้น อยากจะกรีดร้องออกมาให้สุดเสียงก็ทำไม่ได้ ร่างบางค่อยหันไปอีกทางปล่อยน้ำตาไหลซึมออกมาเผื่อความเจ็บจะได้คลายลงบ้าง
แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเลย.. ความปวดทั่วอกมันไม่ได้ลดลงสักนิด
มันยิ่งเจ็บมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก