บท
ตั้งค่า

๕ ใช้เวลา (๑)

ใช้เวลา

เสียงน้ำตกไหลลงมาสู่พื้นเบื้องหลังดังจนปลุกให้คนที่หลับใหลต้องตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านให้ความร่มรื่น ทั้งยังมีสัตว์ตัวเล็กน้อยอย่างกระต่ายกระโดดหยอกล้อกันไปมา มองขึ้นไปข้างบนพบกระรอกกำลังไต่กลับโพรงที่อยู่ของตน

ผีเสื้อสีสวยบินผ่านหน้าไปจนเธอค่อยลุกขึ้นเดินตามมันอย่างหลงใหลก่อนจะหยุดริมสายน้ำขนาดใหญ่ทั้งยังสวยงามจนต้องอ้าปากค้าง น้ำตกสีฟ้าสวยและอลังการยิ่งกว่าที่น้ำตกเอราวัณอยู่จังหวัดกาญจนบุรีเสียอีก รอบๆ ก็มีดอกไม้สดใสให้ความสดชื่นจนเผยรอยยิ้ม

“นีรนารา” เธอตกใจกับเสียงทุ้มใหญ่ที่เรียกชื่อตัวเองจนสะดุ้งหันไปมองคนที่อยู่ข้างหลังก็พบชายที่ค่อนข้างมีอายุอยู่ในชุดสูทสีขาวทั้งตัว ใบหน้ามีหนวดเคราสีขาวยาวมาถึงกลางอกแต่ก็ถูกรวบไว้ให้เป็นทรงและกำลังยิ้มให้หล่อนเล็กน้อยทว่าเปี่ยมด้วยเมตตา

รู้สึกอุ่นวาบในหัวใจก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคนตรงหน้าเป็นใครยามได้จ้องหน้าท่านและภาพที่เคยเห็นทุกปีก็ค่อยชัดขึ้น

“คุณทวด..ใช่ไหมคะ” ถามด้วยความไม่แน่ใจเท่าไหร่ เธอเกิดไม่ทันท่าน จะได้เห็นก็เพียงภาพถ่ายเท่านั้นจึงจำไม่ค่อยได้จนเมื่อพิจารณาดีๆ เห็นความคล้ายบนใบหน้าแสนอบอุ่น

“จำทวดได้ด้วยเหรอ” และเมื่อพบว่าเป็นคุณทวดของตนจึงฉีกยิ้มกว้างพลางเดินเข้ามาใกล้ท่านมากกว่าเดิม

“นีรจำได้จากภาพค่ะ ไม่เคยเจอคุณทวดหรอก” หญิงสาวสดใสมากกว่าที่เป็นเมื่ออยู่กับธรรมชาติและลืมเรื่องต่างๆ ที่หนักหน่วงจนท่านอยากให้ถึงเวลานั้นโดยเร็วแม้จะแลกด้วยความเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม

“ทวดอยากให้เราทำบุญเยอะๆ เลิกจองเวรจองกรรมได้ไหม” อยู่ดีๆ คุณทวดก็เอ่ยขึ้นทำให้คนฟังมีสีหน้าสงสัยไม่เข้าใจกับสิ่งที่ท่านต้องการสื่อ

“ทำไมคะ”

“กรรมในชาติที่แล้วของเราหนักเหลือเกิน มันกำลังไล่ตามเราอยู่” คนที่ไม่ค่อยให้ความสนใจในศาสนาที่นับถือไม่เข้าใจกับสิ่งที่คุณทวดต้องการสื่อเท่าไหร่นัก

“นีรมีกรรมเหรอคะ” คนแก่วัยพยักหน้าช้าๆ

“เข้าวัดทำบุญและให้อภัย มันจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้” ร่างบางยังยืนนิ่งพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่ท่านต้องการสื่อ แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่อาจจะเข้าถึงเนื้อความนั้นได้ สิ่งที่สงสัยคือกรรมอะไรที่ไปทำเอาไว้

“นีรไม่ค่อยชอบเข้าวัดเท่าไหร่ มันน่าเบื่อ”

“ตักบาตรหรือสวดมนต์แผ่เมตตาก็ได้” ช่างห่างไกลจากหล่อนเสียเหลือเกิน แค่คิดว่าต้องไปนั่งสวดมนต์หลายชั่วโมงจนเหน็บกินหรือเป็นตะคริวก็ขอผ่านดีกว่า

“ทวดต้องไปแล้ว อย่าลืมหมั่นทำบุญและแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร” ย้ำเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ควันสีขาวจะบังทุกอย่างจนหล่อนแทบมองไม่เห็นอะไรพลันร่างเธอเหมือนโดนดูดเข้าไปสู่ห้วงอวกาศที่ไร้การทรงตัวหญิงสาวจะสะดุ้งตื่นพร้อมเหงื่อโซมกายทั้งหัวใจที่เต้นรัวราวกับวิ่งสิบกิโลเมตร

นีรนารามองรอบห้องก็พบว่าหล่อนไม่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามแสดงว่าเมื่อสักครู่คือความฝันแต่กลับเป็นฝันที่เหมือนจริงจนน่ากลัว เธอไม่เคยพบกับทวดทว่าไม่รู้ทำไมถึงได้ฝันเห็นท่านได้ แล้วยังประโยคที่บอกให้หมั่นทำบุญแผ่เมตตาอีก

หมายถึงอะไรกันแน่.. ยิ่งคิดก็สับสนแต่พยายามสลัดออกก่อนล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ในเมื่อมันคือความฝันก็ไม่อยากสนใจให้มากเพราะอย่างไรเสียก็เป็นเพียงจิตที่ล่องลอยเท่านั้น

โดยมองไม่เห็นภาพเลือนรางคล้ายคนที่ยืนมองเธออยู่ข้างเตียงเลยสักนิด แววตาท่านฉายความกังวลเห็นได้ชัด ภาวนาให้หญิงสาวรอดพ้นจากภัยที่จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ขอให้เบาที่สุด

ทวดช่วยได้เท่านี้จริงๆ กรรมใครคนนั้นก็ต้องชดใช้

“อะไรนะคะ เราจะไปเที่ยวเชียงใหม่กันเหรอคะ” เมื่อทำบุญให้คุณทวดที่เธอฝันถึงเมื่อคืนเสร็จก็ร้องถามบิดาด้วยความดีใจขณะที่เดินทางออกจากวัด ใบหน้าหวานยิ้มแย้มมีความสุขอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนที่จะได้ไปต่างจังหวัดพร้อมครอบครัว

“คุณพ่อไม่หลอกนีรนะ” ถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อนไม่อยากจะผิดหวังจากคำพูดของท่าน

“หลอกอะไรเล่า พ่ออยู่อีกหลายวันก็อยากไปเที่ยวพักผ่อนให้หายเหนื่อย” คุณหนูของบ้านยิ้มหน้าบานทันทีก่อนจะขยับเข้าไปกอดแขนบิดาอย่างรักใคร่ ทำเอาคนที่มองรู้สึกเอ็นดูไม่ต่างกันจะยกเว้นก็แต่ชายหนุ่มรุ่นลูกเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่สบอารมณ์

“นีรรักคุณพ่อที่สุดเลยค่ะ” ปารัชที่นั่งอยู่ด้านหลังไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่นัก มั่นใจว่าอย่างไรเขาก็ต้องได้ไปด้วยเป็นแน่

“อ้อนใหญ่เลยนะคะน้องนีร” มารดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะจนคนตัวเล็กต้องหันมาหาพร้อมกอดแขนท่านเช่นเดียวกัน

“นีรรักคุณแม่เหมือนกันนะคะ” บนรถตู้ที่ทั้งสามพ่อแม่ลูกจับจองพื้นที่ด้านหน้าทำให้กลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวไม่สนใจปารัชที่นั่งอยู่ด้านหลังเลยสักนิดซึ่งนั่นก็เป็นที่พึงพอใจสำหรับทนายหนุ่มเนื่องจากเขากำลังคุยกับแฟนสาวผ่านทางข้อความของโทรศัพท์

“พี่ปรานไปด้วยกันนะคะ” ไม่นานนักคุณหนูของบ้านก็หันมาชวนเขาด้วยแววตาอ้อนวอนซึ่งถ้าคุณเอกพงศ์ไม่อยู่ด้วยชายหนุ่มคงปฏิเสธไปเสียงเรียบแล้ว ทว่าเมื่อมีบุคคลที่สามทั้งยังเป็นบิดาของนีรนาราก็ไม่กล้าทำอย่างนั้นสักเท่าไหร่

“พี่ไม่แน่ใจว่าว่างหรือเปล่า” แบ่งรับแบ่งสู้เนื่องจากไม่อยากไปเท่าไหร่นัก

“ไปด้วยกันสิปราน นานๆ ลุงจะมาไทยทั้งที ชวนพ่อเราไปด้วยช่วงนี้น่าจะว่าง” อันที่จริงช่วงนี้งานที่สำนักงานก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่เพราะรับทนายใหม่เพิ่มอีกสองคนจึงแบ่งเบาภาระไปได้บ้าง แต่ปารัชก็ยังไม่อยากจะไปเที่ยวกับหญิงสาวอยู่ดี

“นะคะพี่ปราน” เจอการหว่านล้อมจากทั้งพ่อและลูกแบบนี้เขาจะทำอะไรได้

“ครับคุณลุง” การตอบรับเรียกรอยยิ้มจากคนตัวเล็กทันที ก่อนเธอจะหันกลับไปคุยกับบิดาปล่อยให้คนนั่งด้านหลังต้องลอบถอนหายใจด้วยอาการเบื่อหน่าย

รถตู้คันใหญ่จอดลงหน้าบ้านพร้อมทั้งแม่บ้านที่มารอต้อนรับเหมือนเช่นทุกวัน ต่างก็คือวันนี้ไม่ได้มีเพียงนีรนาราคนเดียวทว่ามีทั้งบิดามารดาและชายที่เธอรัก ใบหน้าหวานยิ้มแย้มเผยให้เห็นความสวยสดใสจนเหล่าแม่บ้านต่างพากันชื่นชมอยู่ข้างใน

เธอไม่ใช่คนเลวร้ายเหมือนที่ปารัชว่าเป็นเพียงคนที่บูชาความรักมากไปจนลืมรักตัวเองเท่านั้น

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวไปทำงานนะครับ” เมื่อส่งทุกคนถึงบ้านแล้วเขาจึงเอ่ยลาทันที

“อ้าว ทำไมกลับเร็วล่ะคะ” นีรนาราแสนเสียที่ได้อยู่กับเขาเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น แล้วปารัชก็ดีกับเธออาจเพราะมีบิดาและมารดาไปด้วยเขาจึงไม่ค่อยเย็นชาใส่เหมือนยามอยู่ลำพังสองคน

“ให้พี่เขากลับเถอะอยู่ด้วยกันทั้งวันแล้ว” เมื่อเห็นบุตรสาวงอแงท่านจึงเอ่ยปากให้และแน่นอนว่าหล่อนไม่ขัดบิดาจำใจต้องโบกมือลาชายหนุ่มทั้งที่ความจริงอยากให้อยู่ด้วยกันถึงเย็นด้วยซ้ำ

“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า” ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมแล้วค่อยเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่โรงจอดรถข้างบ้าน ลูกสาวคนเดียวของคุณเอกพงศ์มองตามเขาจนลับสายตาค่อยถอนหายใจอย่างแสนเสียดายแล้วกอดแขนผู้เป็นพ่อเดินเข้าบ้าน

“เดี๋ยวนีรคิดให้นะคะว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง” วาดฝันถึงการไปพักผ่อนครั้งนี้เอาไว้เพราะถือเป็นครั้งแรกที่มีปารัชไปด้วย เขาพยายามเลี่ยงมาตลอดแล้วแต่คราวนี้กลับตอบตกลงโดยง่ายทำเอาคนตัวเล็กยิ้มหน้าบานไม่ยอมหุบ

“ตามใจลูกเลย” มานั่งยังห้องรับแขกท่านทูตแห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็มีสีหน้าค่อนข้างหนักใจ และเมื่อลูกสาวจะผละไปท่านก็จับมือเล็กเอาไว้ก่อน

“พ่อมีเรื่องสำคัญจะคุยกับลูก” ประมุขของบ้านเหลือบมองคุณผู้หญิงก่อนเธอจะลุกออกไปเงียบๆ ปล่อยให้สองพ่อลูกคุยกัน

“อะไรคะ ทำไมทำหน้าเครียดแบบนั้น” มองตามมารดาก่อนจะหันมาสบตาผู้เป็นพ่อด้วยความไม่เข้าใจ

“พ่ออยากให้ลูกแต่งงานกับพี่ปราน” นั่นไม่ใช่แค่ความปรารถนาของบิดาคนเดียวเพราะมันก็คือความต้องการของเธอมาตลอดเช่นเดียวกัน

อยากเป็นเจ้าสาวของปารัชมาตั้งนานแล้วเสียแต่ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมสักที

“นีรก็อยากแต่งค่ะ แต่ว่าพี่ปราน..” คิดแล้วก็ถอนหายใจเมื่อพบว่ามันเป็นไปได้ยากเสียเหลือเกิน

“ลูกอยากแต่งงานกับปรานจริงๆ ใช่ไหม” ท่านถามย้ำอีกครั้งอย่างผิดสังเกตทำเอาใบหน้าหวานต้องมองด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็พยักหน้าขึ้นลงเพื่อตอบรับคำถามนั้น

“ค่ะ นีรอยากแต่งงานกับพี่ปราน นีรรักพี่ปรานค่ะคุณพ่อ” บอกอย่างไม่อายเลยสักนิด อันที่จริงเรื่องนี้ก็รู้กันดีอยู่แล้วในครอบครัวว่าหญิงสาวปันใจให้หนุ่มรุ่นพี่มาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเพียรหาชายหนุ่มคนอื่นมาแนะนำหล่อนก็ไม่ชอบสักคน

ในเมื่อมีปารัชครอบครองหัวใจทั้งดวงอยู่แล้วจะชอบคนอื่นได้อย่างไร

“แค่นี้แหละที่พ่ออยากได้ยิน” ดึงร่างบางเข้ามากอดอย่างรักใคร่ ท่านมีลูกสาวเพียงคนเดียวและก็รักมากด้วยจึงต้องการหาคนที่เหมาะสมมาดูแล และปารัชคือตัวเลือกที่ดีที่สุด

ชายหนุ่มเป็นคนดี มีหน้าที่การงานมั่นคง จิตใจดี ทั้งยังรู้จักสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก

สิ่งสำคัญที่สุดคือชายหนุ่มเป็นคนที่บุตรสาวของท่านรัก แล้วมีหรือที่พ่อจะไม่ตามใจลูกถึงแม้จะฝืนใจอีกฝ่ายก็ตาม

ลุงขอโทษด้วยนะปราน..

“อ้าว กลับมาแล้วเหรอ” ปารัชเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าหันไปมองบิดาที่นั่งดื่มน้ำอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่น จึงได้ก้าวเข้าไปหาพลางนั่งลงอีกฝั่ง ไม่ปิดบังอารมณ์ของตนเองสักนิดว่าตอนนี้รู้สึกเช่นไร

“พ่อเพิ่งมาถึงเหรอครับ” คุณสารัชไปคุยธุระเรื่องที่ดินอยู่หนองคายตั้งแต่เมื่อวันก่อนเพิ่งกลับมาถึงบ้านได้สักครู่ จิบน้ำยังไม่ทันหายเหนื่อยก็ได้ยินรถบุตรชายเพียงคนเดียวแล่นเข้ามาเสียก่อน และไม่นานร่างสูงก็ปรากฏกายพร้อมใบหน้าอ่อนล้า

“ใช่ แล้วแกเพิ่งกลับมาจากบ้านคุณหนูนีรเหรอ” เขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดบิดาต้องเรียกหญิงสาวด้วยการขึ้นต้นคุณหนูทุกครั้ง

“ครับ คุณลุงชวนไปเที่ยวเชียงใหม่ ผมตอบตกลงไปแล้วด้วย” คุณสารัชพยักหน้าไม่ได้บอกปัดเพราะช่วงนี้เพิ่งเคลียร์งานที่คั่งค้างเสร็จอยากไปพักผ่อนเหมือนกัน

“วันไหนล่ะ”

“ยังไม่รู้เลยครับ” แต่คาดว่าคงอีกวันสองวันเพราะท่านต้องรีบกลับไปทำงานคงอยู่ไม่ได้นานเท่าไหร่

“คุณหนูนีรคงดีใจได้ไปเที่ยวกับคุณพ่อ” หน้าบานขนาดนั้นไม่บอกก็รู้ว่าดีใจขนาดไหน เขานึกถึงใบหน้าหวานยามแย้มยิ้มมันช่างสว่างสดใสเหลือเกิน แปลกเหมือนกันที่สามารถจ้องมองรอยยิ้มของหญิงสาวได้ไม่รู้จักเบื่อ

เหมือนนั่งมองพระจันทร์ยามค่ำคืนที่ส่องสว่างสวยงาม แล้วมุมปากหยักก็ยกขึ้นทำเอาคนมองต้องเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ยิ้มอะไร” หันมามองบุตรชายที่นั่งอมยิ้มจนต้องเอ่ยถาม ทว่าปารัชกลับตกใจกับคำถามนั้น

“ผมยิ้มเหรอครับ” ทนายมากฝีมือพยักหน้าย้ำให้ฟังชัดๆ อีกครั้งว่าเมื่อสักครู่ชายหนุ่มกำลังอมยิ้มราวมีความสุข

“ใช่ เมื่อกี้แกยิ้ม” ปารัชส่ายหน้าทันที เขาจะยิ้มทำไมไม่ใช่คนบ้าเสียหน่อยที่อยู่ดีๆ จะยิ้มอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“ผมไม่ได้ยิ้ม ขอตัวก่อนนะครับ” ว่าจบก็รีบลุกขึ้นเดินไปบนบ้านทันทีปล่อยให้คุณสารัชส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ

“อะไรของมัน”

และแม้แต่ปารัชก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าเหตุใดจึงต้องยิ้มออกมาด้วย..

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel