๓ คนใหม่ (๒)
หลังเลิกงานปรางกัญญาก็ตรงกลับบ้านทันทีเพราะนัดกับชายหนุ่มซึ่งมักแวะเวียนมาที่บ้านบ่อยครั้งถึงแม้ว่าข้อเท้าหล่อนจะหายจากอาการบาดเจ็บแล้วก็ตาม เหตุผลของเขามักถูกหยิบยกมาอ้างไม่ซ้ำกันจนกระทั่งเมื่อวานที่ทนายหนุ่มบอกอย่างตรงไปตรงมา
‘ผมก็แค่คิดถึงคุณปราง เลยอยากมาหา’
เพราะคำนั้นสร้างความสุขจนไม่สามารถหุบยิ้มได้เสียที จากคราวแรกที่ไม่เคยคิดเกินเลยกับเขามากไปกว่าเพื่อนคนหนึ่งแต่เมื่อเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจทั้งคำพูดหวานหูทำเอาใจดวงนี้สั่นไหวอย่างรุนแรงราวเกิดแผ่นดินไหว
จะปฏิเสธได้อย่างไรในเมื่อเขาน่ารักมากขนาดนี้
มือเล็กจับรั้วประตูบ้านกำลังจะปลดล็อคก็ต้องชาวาบไปทั่วร่างเพราะกุญแจถูกเปิดออกอยู่ก่อนหน้าแล้ว เกิดอาการกลัวชั่ววูบแต่ก็ยังทำใจกล้าเดินเข้าไปภายในบ้านด้วยอาการเกร็ง
คว้าไม้กวาดที่วางไว้หน้าบ้านขึ้นมากำแน่นแล้วค่อยหมุนประตูเพื่อเปิดออก เป็นอีกครั้งที่มันไม่ได้ลงกลอนเอาไว้ทั้งที่มั่นใจว่าก่อนออกไปเธอล็อคเรียบร้อยแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมบ้านที่ไม่เคยมีใครย่างกรายเข้ามาใกล้ถึงได้ถูกเปิดง่ายดาย
และไม่ใช่การพังเข้ามาแต่ถูกปลดด้วยกุญแจ!
“กลัวขนาดนั้นเลยเหรอ” เพียงแค่เปิดประตูก็ถึงโถงกลางห้องที่มีโซฟาขนาดกลางวางเอาไว้
น้ำเสียงอันคุ้นเคยเอ่ยทักทายอย่างราบเรียบ เจ้าของบ้านมองตรงไปที่แขกไม่ได้รับเชิญซึ่งนั่งตัวตรงอยู่โซฟาพร้อมมองมาด้วยแววตาหยามเหยียด
แววตาที่ต่อให้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่หล่อนก็ไม่เคยลืมมันลงสักที
“ใครอนุญาตให้เข้ามา” ไม่มีบทสนทนาแนะนำตัวเกริ่นนำราวกับว่ารู้จักกันดีอยู่แล้วทำให้เจ้าของบ้านเอ่ยถามขณะที่มือยังกำไม้กวาดเอาไว้แน่น
“คนอย่างฉันไม่ต้องขออนุญาตใครหรอก ถ้าอยากมาก็มาได้” คนตัวเล็กเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยกขาขึ้นมาไขว้ห้างแล้วมองปรางกัญญาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าพร้อมด้วยแววตาเหยียดที่แสดงออกโจ่งแจ้ง
“ไม่เจอกันนาน เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ขนิษฐา” น้ำเสียงที่ถูกส่งมาทำให้เจ้าของบ้านต้องกัดฟันแน่นข่มอารมณ์โกรธที่กำลังปะทุราวลาวา
“แต่ต่อให้เธอจะเปลี่ยนชื่อ หรือทำหน้ามามากแค่ไหนฉันก็ยังจำได้อยู่ดี” นีรนาราจ้องมองคนที่ยืนเงียบแต่แววตากลับดุดันราวกับต้องการจะฆ่าหล่อนเสียให้ตายก็ได้แต่ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ฉันจะไม่อ้อมค้อมนะ เพราะไม่อยากจะทนอยู่ในบ้านสับปะรังเคนาน” ปรางกัญญามองอีกฝ่ายนิ่งอย่างไม่ไหวติงก่อนจะเหลือบเห็นบอดี้การ์ดซึ่งยืนขนาบข้างคุณหนูอยู่ทั้งสองคน
หากทำร้ายร่างกายผู้หญิงตรงหน้ามีหวังเธอน่วมแน่
“เลิกยุ่งกับพี่ปรานซะ!” สั่งเสียงดังพร้อมแรงอารมณ์ที่เพิ่มขึ้น เพียงแค่รับรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าหมายปองผู้ชายของหล่อนก็แทบจะอาเจียนเพราะไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร
ทั้งที่ในใจเธอก็รู้ดีว่าปรบมือข้างเดียวคงไม่ดังถ้าอีกฝ่ายไม่เล่นด้วย ดูจากในภาพแล้วปารัชคงเต็มใจที่จะมาหาปรางกัญญาอย่างไม่อิดออดช่างแตกต่างตอนอยู่กับหล่อนเหลือเกิน เขาใช้เวลาว่างจากงานมาที่บ้านหลังนี้ทั้งที่ความจริงควรจะไปหาเธอไม่ใช่หรือ..
คิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปแล้วนีรนารา เคยมีสักครั้งไหมที่ปารัชจะเต็มใจไปหาถ้าไม่ใช่เพราะโดนคุณสารัชบังคับหรืองานที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“หึ คงต้องไปบอกเขาเอง เพราะฉันไม่ได้เป็นคนขอร้องให้เขามาหาฉัน” ปรางกัญญาตอบโต้กลับพร้อมคลายมือที่ถือไม้กวาดลง เธอเข้าใจจุดประสงค์ที่อีกฝ่ายมาเหยียบบ้านหลังนี้แล้ว
ใบหน้าถือดีของคนตรงหน้าทำให้คุณหนูคนสวยแทบจะพุ่งเข้าไปตบแต่ก็ต้องกำมือตัวเองแน่น สงบสติอารมณ์ที่พร้อมจะมีเรื่องได้ทุกเมื่อเอาไว้ กดมันให้ลึกสุดใจแล้วสูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ
“เธอคงไม่อยากย้อนเวลากลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนใช่ไหม” คำถามนั้นทำให้ภาพในอดีตผุดขึ้นมาหลังจากที่หล่อนพยายามจะลืมมันมาโดยตลอด
‘สาดใส่มันอีก’
‘นี่คือผลที่แกไม่ยอมทำตามคำสั่งของพวกฉัน’
‘อยู่เน่าตายไปกับแมลงสาปพวกนี้เถอะ ฮ่าๆๆ’
ดวงตากลมมีน้ำคลอเมื่อนึกถึงช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดในวัยเรียน เธอต้องเผชิญกับความไม่ยุติธรรมทั้งหลายจากคนเพศเดียวกัน โดนรังแกต่างๆ นานาเพียงเพราะไม่ยอมทำตามคำสั่ง ไปฟ้องคุณครูก็ยิ่งถูกรังแกหนักกว่าเดิมทั้งยังไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยสักคน
จนในที่สุดต้องลาออกจากโรงเรียนนั้นเพราะไม่อาจทนอยู่ในสภาพ แวดล้อมที่เลวร้ายได้ การไม่มีเพื่อนนั้นไม่น่ากลัวเท่ากับการโดนรังแกทั้งที่เราไม่มีความผิดเลยสักนิด
“เธอก็รู้ว่าฉันทำอะไรได้มากกว่าที่คิด” ใบหน้าที่มักมีรอยยิ้มหวานให้ปารัชอยู่เสมอกลับเปลี่ยนไปยามจ้องมองศัตรู
ริมฝีปากเล็กแสยะยิ้มทั้งแววตาเลือดเย็นทำเอาคนมองรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ และก่อนจะได้พูดคุยกันมากกว่านี้ก็ได้ยินเสียงเดินเข้ามาภายในบ้านของแขกคนใหม่
คนที่นีรนาราไม่ต้องการให้มาสักนิด
“วันนี้ผมซื้อข้าวหน้าปลาไหลมาฝากคุณปรางด้วย..นีร” ปารัชเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่มอบให้ปรางกัญญาก่อนที่สายตาเรียวจะมาหยุดลงที่เธอแล้วเอ่ยเรียกออกมาแผ่วเบา
คุณหนูของบ้านพานิชสุทธิกุลแค่นยิ้มออกมา ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกของตัวเองได้เลยยามจ้องไปที่ถุงกับข้าวซึ่งคุณทนายซื้อมาให้เจ้าของบ้านหลังนี้ โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้ร้องขอแต่เขาทำทั้งหมดด้วยความเต็มใจ
“เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เขาก้าวเข้าไปยืนด้านหน้าปรางกัญญาทันทีเป็นการปกป้องและนั่นทำให้นีรนารารู้สึกเจ็บยิ่งกว่าเก่า
เขาปกป้องคนอื่นโดยโยนบทนางร้ายมาให้เธออีกแล้ว
“ก็แค่ผ่านมาเลยอยากทักทายเพื่อน..ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันค่ะ” จำต้องเก็บเรื่องที่ปรางกัญญาเป็นคนที่ตนเองเคยแกล้งครั้งยังอยู่มัธยมต้นเอาไว้ แค่นี้เธอก็ร้ายในสายตาของเขาอยู่แล้วอย่าให้ปารัชรู้เรื่องในอดีตที่หล่อนทำยามลับหลังเขาเลย
ไม่เช่นนั้นคงโดนเกลียดมากไปกว่านี้
“พี่ไม่เชื่อ” มือหนาเอื้อมไปจับมือปรางกัญญาที่หลบอยู่ด้านหลังคนตัวสูงแล้วยิ้มมุมปากอย่างคนเหนือกว่าซึ่งแน่นอนว่าปารัชไม่เห็น
แต่นีรนาราเห็นชัดเต็มสองตา
“นี่แก!” ร่างบางลุกขึ้นหมายจะไปกระชากผมคนสองหน้าแต่ก็โดนทนายหนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม
“หยุดอยู่ตรงนั้น ถ้าเธอก้าวเข้ามาอีกพี่ไม่อยู่เฉยแน่” เท้าเล็กจำต้องหยุดตามคำสั่งเขาเมื่อเห็นแววตาเรียวจริงจังดังที่พูด
หล่อนยืนนิ่งอยู่กับที่จ้องเขาอย่างตัดพ้อแล้วเลื่อนไปมองมือทั้งสองที่กุมกันเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด เหมือนมีอุกกาบาตลูกใหญ่พุ่งเข้ามาชนเธอโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ยิ่งได้เห็นความห่วงใยที่ปารัชมีให้ผู้หญิงคนอื่นใจของเธอก็แทบจะขาดเสียเดี๋ยวนี้
เป็นเธอไม่ได้หรือ ทำไมต้องเป็นคนอื่นตลอด
“ถ้าเธอยังยุ่งกับปรางอีก พี่จะเอาเรื่องเธอให้ถึงที่สุด” และก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาให้ได้อับอายนีรนาราก็เลือกจะเดินกลับไปหยิบกระเป๋าแล้วออกจากบ้านหลังนั้นทันทีโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ เพราะกลัวว่าถ้าพูดออกไปน้ำตาคงไหลไม่ขาดสาย
และคำพูดก็คงเป็นการเอ่ยอ้อนวอนให้เขาอยู่กับตัวเองอย่างผู้หญิงสิ้นไร้หนทางต่อหน้าศัตรูคู่อาฆาตเป็นแน่ เธอไม่มีทางให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นหรอก
“ไปที่ไหนครับคุณหนู” ผู้ติดตามเอ่ยถามขณะประจำที่คนขับรถ
“คอนโดของลี” บอกเท่านั้นก็รู้ทันทีว่าปลายทางคือแห่งใด รถเคลื่อนตัวออกไปอย่างเงียบเชียบเหมือนกับที่ตอนนี้คุณหนูคนสวยของบ้านปล่อยน้ำตาให้ไหลโดยไร้ซึ่งเสียงสะอื้น พร้อมหัวใจที่แตกสลายอีกครั้ง..
“ปรางเป็นอะไรไหม” เมื่อนีรนาราเดินออกไปคุณทนายก็หันมาสำรวจร่างกายเจ้าของบ้านทันทีด้วยความเป็นห่วง เธอส่ายหน้าช้าๆ แล้วอมยิ้มกับท่าทีของเขา
“ไม่ค่ะ ปรางยังปลอดภัย” เห็นเขากังวลเลยบอกให้สบายใจแต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่เชื่อสักเท่าไหร่
“จริงๆ ค่ะ ก็คุณปรานเข้ามาก่อนเลยไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขอบคุณมากนะคะ” จับมือเขามากุมเอาไว้ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อยแล้วหอมแก้มชายหนุ่มทำเอาคนไม่ทันตั้งตัวยืนนิ่งมองใบหน้าหวานส่งยิ้มให้ด้วยหัวใจสั่นไหว
“ปรางดีใจที่มีคุณเข้ามาในชีวิต” หล่อนยิ้มทั้งใบหน้าไม่ต่างจากชายหนุ่มที่เผยความสุขทางแววตา
“ผมก็ดีใจเหมือนกัน” ตอนนี้ขอมีแค่ผู้หญิงตรงหน้าก็เพียงพอแล้ว แขนเรียวค่อยวางลงบนไหล่หนาแล้วจุมพิตเขาอย่างแผ่วเบา
เธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อนและไม่นานหนุ่มนักกฎหมายก็ทิ้งถุงอาหารลงบนพื้นอย่างไม่ใยดีแล้วดันร่างบางให้ชิดผนังค่อยจูบตอบอย่างมีชั้นเชิงจนในที่สุดก็รุกจนคนรับหายใจแทบไม่ทัน ทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบมีเพียงเสียงหายใจของสอหนุ่มสาวที่ดังเคล้ากัน
ปารัชตัดสินใจอุ้มหล่อนขึ้นบันไดแล้วไปบนห้องนอนที่ไม่เคยได้ย่างกรายเข้ามาสักที วางร่างบางลงกลางเตียงก่อนจะค่อยปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออก
“เดี๋ยวปรางช่วยค่ะ” หล่อนลุกขึ้นนั่งแล้วจับมือหนาเอาไว้เงยขึ้นมาสบสายตาด้วยประกายวาบหวามหลังจากถูกปลุกตั้งแต่อยู่ข้างล่าง
“ผมชอบคุณนะ” เขานั่งลงบนเตียงแล้วค่อยขึ้นคร่อมหญิงสาวดันให้หล่อนนอนราบแล้วเอ่ยประโยคที่ทำให้หัวใจดวงนี้สั่นไหว
“ปรางก็ชอบคุณค่ะ ชอบคุณจริงๆ” มือเล็กค่อยปลดกระดุมเสื้อให้เขาจนหมดเผยให้เห็นรูปร่างภายในที่ถึงไม่ได้มีซิกแพคชัดเจนแต่ก็ดูสุขภาพดีอย่างคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ
“ต่อจากนี้คุณจะไม่เสียใจใช่ไหม” จ้องเข้าไปในดวงตากลมโตก่อนที่หล่อนจะส่ายหน้าช้าๆ
“ไม่ค่ะ ปรางไม่มีวันเสียใจที่ได้เป็นคนของคุณ” เอ่ยจบก็โน้มคอเขาลงมาแล้วมอบจุมพิตแสนหวาน หลังจากนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในพายุแห่งอารมณ์ซึ่งโหมกระหน่ำจนสองร่างแทบหมดเรี่ยวแรง เสียงครางดังก้องไปทั่วบ้านหลังนี้
ชั่ววูบหนึ่งปารัชกลับมีความรู้สึกผิดและใบหน้าที่โผล่เข้ามาคือคนที่เขาแสนเกลียดชังอย่างคุณหนูนีรนารา..
จนต้องรีบปัดออกไปมองหญิงสาวตรงหน้าเพียงคนเดียว
ปรางกัญญาคนเดียวเท่านั้น!