๓ คนใหม่ (๑)
๓
คนใหม่
คุณหนูแห่งบ้านพานิชสุทธิกุลเดินเข้ามาภายในบริษัทกฎหมายที่ปารัชทำงานอยู่ด้วยใบหน้ากังวล เธอติดต่อเขาไม่ได้มาสามวันแล้ว เคยคิดว่าตัวเองจะใจแข็งทว่าความจริงคือไม่สามารถทำได้ หลังจากที่ชายหนุ่มไม่รับสายและหล่อนตั้งใจจะไปหาเขาแต่เพื่อนสนิทก็บอกให้รอก่อน
รออีกนิด..
แต่รอแล้วรอเล่าร่างสูงก็ไม่ตอบกลับมาเลย ไม่ว่าจะเพียรส่งข้อความหรือโทรจนมือแทบหักก็ไม่มีการตอบรับราวกับว่าไม่เห็นชื่อเธอขึ้นโชว์อยู่หน้าจอ มันปั่นป่วนไปทั้งใจกลัวว่าเขาจะมีคนอื่นแต่ก็พยายามปลอบตนเอง
เวลาแค่นี้จะมีใครเข้าหาได้ คนเก่าก็ถูกกำจัดไปเรียบร้อยแล้ว
"สวัสดีค่ะคุณหนูนีร" ผู้ช่วยทนายที่นั่งหน้าห้องเอ่ยทักทายทันทีเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กเดินเข้ามาด้วยใบหน้ากังวล พราวพิลาศค่อนข้างเอ็นดูในหน้าตาและนิสัยเอื้ออาทรต่อคนรอบข้างของปารัชที่นีรนารามักจะดีตอบคนเหล่านั้นเสมอ
ใครดีกับคนที่เธอรักเธอก็จะดีด้วย แต่ถ้าใครร้ายกับปารัชคนคนนั้นจะไม่ได้อยู่อย่างมีความสุขแน่ นั่นคือปณิธานของคุณหนูคนสวยที่กล่าวจนจำขึ้นใจ
"พี่ปรานอยู่ไหมคะ" ดวงตากลมโตรอคอยคำตอบอย่างมีความหวัง
"คุณปรานออกไปคุยกับลูกความข้างนอกค่ะ ตอนบ่ายก็มีว่าความที่ศาล" คนใจร้อนเริ่มเย็นลงเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไปทำงาน เธอไม่ชอบตัวเองที่เป็นเดือดเป็นร้อนยามเขามีคนอื่นเลยสักนิด
ใจมันสั่นไปหมด กังวลจนมือเย็น ทำอะไรแทบไม่ถูก เมื่อไหร่ที่พี่ปรานจะหยุดหาความรักแล้วหันกลับมามองคนที่อยู่ข้างกายซึ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อเขาเช่นเธอสักที
ไม่อยากทำตัวเหมือนหมาบ้าเที่ยวระรานคนอื่นไปทั่ว แต่ถ้าให้นั่งเฉยรอคอยก็ไม่อาจทำได้เช่นกัน แค่สองสัปดาห์ที่ห่างเขาก็แทบจะลงแดงให้ได้ เพื่อนทั้งโทรมาห้ามและพยายามปลอบแต่ในที่สุดนีรนาราก็ไม่สามารถเอาตัวออกห่างจากทนายหนุ่มได้
"นีรซื้อขนมมาฝากพี่พราวด้วยค่ะ" ถึงจะรีบมากแค่ไหนแต่ก็ไม่ลืมนำของฝากมาให้เลขาของปารัช
"ขอบคุณค่ะ คุณนีรจะเข้าไปรอข้างในไหมคะ" ทุกครั้งที่มานีรนาราก็มักจะเข้าไปรอในห้องเสมอ บางครั้งก็กลับพร้อมทนายหนุ่มแต่ก็ไม่บ่อยนักเพราะปารัชมักจะไล่หญิงสาวกลับก่อนทุกที
"ดีเหมือนกันค่ะ" ยิ้มออกเมื่อคิดได้ว่าหากคุณทนายเดินเข้ามาคงตกใจไม่น้อย
ร่างบางเดินเข้าไปในห้องราวกับเป็นที่ของตัวเองพร้อมสำรวจโดยรอบก็พบเพียงเอกสารว่าความ และตำรากฎหมายที่ชาตินี้เธอไม่มีทางจะแตะแน่ แค่เห็นความหนาก็ชวนให้หลับแล้ว อยากรู้เหลือเกินว่าปารัชอ่านเข้าไปได้อย่างไรหลายเล่มขนาดนั้น
คุณหนูคนสวยอยู่ในชุดเดรสสีขาวแขนตุ๊กตากับรองเท้าผ้าใบสีขาวเข้าชุด ดูเผินๆ เหมือนเด็กเพิ่งเรียนจบทั้งที่ความจริงอายุ 27 ปีอยู่ในวัยที่พร้อมจะสร้างครอบครัวเสียแต่ว่าคนที่จะมาเป็นผู้นำกลับไม่คล้อยตามเลย
ทั้งที่เขาสัญญากับเธอไว้แล้วแท้ๆ
'ถ้าเธอกลับมาพี่จะแต่งงานกับเธอ' คำสัญญานั้นมันเป็นเพียงแค่ลมปากที่พูดลอยๆ อย่างนั้นหรือทั้งที่เธอยึดถือมาโดยตลอด พยายามที่จะมองคนอื่นหรือไปเดตตามคำขอของเรนิตากับปณาลีแต่สุดท้ายก็ล่ม..
เธอรักปารัชจนหมดหัวใจ ไม่สามารถหาใครมาแทนที่ได้เลย
"คนโกหก" เอ่ยเสียงเบาแล้วมองไปที่รูปตอนปารัชรับปริญญาซึ่งเธอลงทุนบินกลับมาถ่ายรูปกับเขาแท้ๆ แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยินดีเลยสักนิด เขาเอาแต่อยู่กับกลุ่มเพื่อนทิ้งให้นีรนารามองตามแผ่นหลังกว้างเพียงลำพัง
รู้ซึ้งวินาทีนั้นเองว่าความรู้สึกของเธอกับเขาไม่เท่ากัน
ร่างบางรอจนค่ำก็ไม่เห็นว่าชายหนุ่มจะกลับเข้าบริษัทจนถอดใจลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมหยิบกระเป๋าใบเล็กแล้วเดินออกจากห้องเจอพราวพิลาศนั่งทำงานอย่างขะมักเขม้น
"พี่พราวไม่กลับบ้านเหรอคะ" มองนาฬิกาก็พบว่าหนึ่งทุ่มแล้วจึงเอ่ยถาม
"พี่จะปล่อยให้คุณหนูนีรอยู่คนเดียวได้ไงคะ" อันที่จริงก็เลยเวลาเลิกงานแล้วแต่เห็นว่าคนตัวเล็กยังคงนั่งรอปารัชจึงอยู่เป็นเพื่อน คนฟังซาบซึ้งจนน้ำตาคลอแล้วค่อยยิ้มให้อีกฝ่าย
"ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันเถอะค่ะ พี่ปรานคงไม่มาแล้ว" ถึงจะพูดราวไม่รู้สึกอะไรแต่พราวพิลาศรู้ดีว่าหญิงสาวเจ็บแค่ไหน แววตาเศร้าจนอยากเดินเข้าไปกอดปลอบแต่ทำได้เพียงก้มหน้าเก็บของแล้วเดินเคียงข้างเท่านั้น
ถ้าเธอเป็นปารัชจะไม่มองหาผู้หญิงคนอื่นเลย ในเมื่อมีคนที่รักยอมทำเพื่อเรามากขนาดนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางอย่างที่นีรนาราทำก็ไม่ถูกไปเสียหมด อย่างการที่เข้าไปข้องเกี่ยวกับคนรักของคุณทนายและจัดการทุกอย่างเองเสร็จสรรพไม่ถามความต้องการของฝ่ายชายสักนิด
ความรักถ้าสวนทางกันมันก็ยากที่จะสมหวัง เธอก็ได้แต่คอยลุ้นให้คนคู่นี้ลงเอยเสียที
ในขณะที่นีรนารารอคอยเขาอย่างมีความหวังปารัชกลับมาอยู่บ้านปรางกัญญาและช่วยเธอทำอาหารอย่างแข็งขัน ทั้งสองมอบรอยยิ้มให้กันราวโลกนี้มีเพียงสองเรา
ชายหนุ่มกลายเป็นแขกประจำบ้านหลังนี้กว่าสามวันแล้วเพราะหญิงสาวเจ็บข้อเท้าจนทำอะไรเองไม่ค่อยได้ เขาจึงคอยดูแลทำให้สนิทสนมกันสามารถเข้านอกออกในได้ ซึ่งบ้านทั้งหลังก็มีเพียงผู้อาศัยคนเดียวเท่านั้นคือเจ้าของบ้านอย่างปรางกัญญา
"พ่อกับแม่ปรางเสียไปนานแล้วค่ะ ก็เลยต้องอยู่คนเดียว" ขณะที่รับประทานอาหารร่วมกันเธอพูดให้ฟังราวเป็นเรื่องปกติไม่มีร่องรอยความเสียใจในดวงตาคู่นั้น
"คุณไม่เหงาเหรอครับ" ร่างบางนิ่งคิดก่อนจะประสานสายตาเข้ากับชายหนุ่มแล้วยกยิ้ม
"แต่ก่อนเหงาค่ะ แต่ตอนนี้คิดว่าไม่เหงาแล้ว" ราวต้องการสื่อความหมายบางอย่างและแปลกที่ปารัชก็รู้ว่าเธอต้องการอะไร เขาไม่ได้ถามอะไรต่อและนั่งกินข้าวจนอิ่มจึงช่วยล้างจาน เช็ดโต๊ะและเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยปรางกัญญาก็ไปส่งคุณทนายที่หน้าบ้าน
"กลับดีๆ นะคะ" โบกมือลาพร้อมรอยยิ้มแสนหวานจนคนมองรู้สึกว่าหัวใจพองโตอย่างน่าประหลาด
"ครับ ถ้าถึงบ้านแล้วผมจะส่งข้อความบอก" ไม่รู้ทำไมถึงอยากจะคุยกับอีกฝ่ายตลอดเวลาขนาดนี้ เพราะความน่ารักช่างอ้อน หรือประกายตาที่อบอุ่นน่าเข้าใกล้ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวมาไม่มีในตัวของนีรนารา
..ไม่มีหรือเขาไม่เคยค้นหากันแน่
"ค่ะ" ทั้งสองมองหน้ากันนิ่งและก่อนที่เธอจะเอื้อนเอ่ยความต้องการปารัชก็เดินเข้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากเล็กอย่างรวดเร็ว เขาประกบเอาไว้นิ่งก่อนจะกดย้ำหนึ่งทีค่อยผละออกห่างจนหล่อนทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกจ้องมองด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ ใบหน้าหวานร้อนราวกับเอาไปแนบไฟ
"ฝันดีนะครับ" เอ่ยจบก็เดินไปขึ้นรถอย่างอ้อยอิ่ง พอจะออกรถก็ลดกระจกลงมาโบกมือให้คนที่เอาแต่ยืนหน้าแดงจนกระทั่งพาหนะคันงามหายลับไป..
ใบหน้าที่เคยยิ้มอย่างเอียงอายกลับเปลี่ยนทันทีราวเป็นคนละคน
หลายวันที่ไม่เจอเขาแม้จะเพียรไปหาหรือโทรติดต่ออีกฝ่ายก็ไม่รับและคอยจะหลบหน้าอยู่ร่ำไปจนหล่อนทนไม่ไหวจัดการให้คนสนิทตามสืบเรื่องของคุณทนายว่าตอนนี้กำลังทำอะไรหรือติดพันใครอยู่ถึงไม่มีเวลาว่างขนาดรับสายมือถือ
ขณะที่กำลังจะไปทำงานคนที่หล่อนใช้ให้ไปสืบก็เดินเข้ามาพร้อมซองเอกสารสีน้ำตาล แผนการออกไปข้างนอกจึงต้องพับเก็บลงพร้อมเดินเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ก่อนจะเลือกห้องทำงานของบิดาพูดคุยเกี่ยวกับงานที่สั่ง
เพียงแค่เปิดแล้วหยิบภาพถ่ายออกมามือเล็กก็สั่นทันที ผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าบ้านหลังเล็กนั้นเป็นคนของเธออย่างไม่ต้องสงสัย เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนพับแขนขึ้นและปลดกระดุมเพียงเล็กน้อย ใบหน้าคมยิ้มอย่างมีความสุขให้กับผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า
“คุณปารัชไปบ้านหลังนี้ทุกวันมากว่าหนึ่งสัปดาห์ครับ” ยิ่งได้ยินร่างกายก็เหมือนชาจนไม่สามารถขยับได้ น้ำสีใสคลอเต็มเบ้าตาโดยที่เธอพยายามจะห้ามไม่ให้มันไหลเปื้อนใบหน้า
“อยู่นานไหม” กว่าจะเค้นเสียงถามได้ก็นานพอสมควร
“สี่ถึงห้าชั่วโมงครับ” คุณหนูของบ้านนั่งเงียบค่อยเปิดรูปภาพดูอย่างเชื่องช้าด้วยมือที่สั่นเทา ทุกภาพตอกย้ำถึงความสนิทสนมของสองหนุ่มสาวได้เป็นอย่างดี
และเมื่อถึงภาพสุดท้ายหล่อนก็แทบกรีดร้องออกมาทันที..
ทั้งสองจูบกันอยู่หน้าบ้านโดยไม่อายผีสางเทวดาเลยสักนิด มือเล็กกำรูปไว้จนมันยับไปหมดพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดทั้งที่รู้สึกเจ็บเสียดไปทั่วกายเหมือนมีเข็มนับพันทิ่ม
น้ำตาไหลลงมาเป็นสายไม่สามารถห้ามได้ เขาเพิ่งเลิกกับมนรดาไปไม่ถึงเดือนแต่กลับมีใหม่ได้เร็วขนาดนี้ การหาแฟนสำหรับปารัชมันคงง่ายเสียยิ่งกว่าใส่เสื้อผ้า ทว่าทำไมคนนั้นถึงไม่เป็นเธอทั้งที่รอมานาน ยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา
สุดท้ายก็ไม่ใช่คนที่ถูกเลือก
“มีประวัติผู้หญิงคนนี้ไหม” นีรนาราเช็ดน้ำตาออกแล้วเอ่ยถามเสียงเบาทั้งแววตาที่เหม่อลอย
“มีครับ” เอกสารอีกฉบับถูกยื่นไปตรงหน้าและหล่อนก็รับมาอ่านอย่างละเอียดไม่ให้พลาดสักตัวอักษร
ปรางกัญญา วัฒนาสินธุ อายุ 27 ปี สูง 172 ซม.
ทำงานอยู่ที่บริษัทไฟร์ มาเก็ตติ้ง เป็นเลขานุการของประธานบริษัท ฐานะปานกลาง บิดามารดาเสียชีวิตไปหมด อาศัยอยู่เพียงลำพัง ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ค่อนข้างเป็นคนเก็บตัว
ไม่เคยมีแฟนมาก่อนอย่างนั้นเหรอ น่าแปลก..
“เรียนมอต้นที่แคริ่ง อินเตอร์เนชั่นแนล..” พึมพำเสียงเบาเมื่อเห็นชื่อโรงเรียนที่ปรากฏ
เพราะว่ามันเป็นโรงเรียนเดียวกับที่เธอเรียนช่วงมัธยมต้นอย่างไรเล่า..
“ฉันอยากได้ประวัติของปรางกัญญามากกว่านี้ เน้นไปที่เรื่องผู้ชายยิ่งดี ไปได้แล้ว” บอร์ดี้การ์ดหนุ่มค้อมศีรษะเพียงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็วปล่อยนีรนาราไว้เพียงคนเดียวพร้อมกับความสงสัยที่เกิดขึ้นภายในใจ
“เป็นนักเรียนทุนอย่างนั้นเหรอ” อ่านรายละเอียดการศึกษาก็พบว่าปรางกัญญาซึ่งมีฐานะปานกลางกลับได้เรียนในโรงเรียนอินเตอร์ที่ค่าเทอมครึ่งล้านเพราะสอบชิงทุน และนั่นยิ่งเพิ่มความฉงนให้แก่หล่อนมากกว่าเดิม
“ทำไมไม่คุ้นหน้า” เด็กทุนทุกคนย่อมผ่านการรับน้องที่โหดจากชนชั้นสูงที่ถือว่าตัวเองอยู่บนยอดพีระมิดสามารถทำอะไรกับพวกฐานล่างได้
ตอนนั้นนีรนารายังเด็กมาก เธอรวมกลุ่มกับเรนิตาและปณาลีเพื่อกลั้นแกล้งคนที่ด้อยกว่า แน่นอนว่าเป้าหมายส่วนมากคือกลุ่มเด็กทุนของโรงเรียนที่จะมีเพียงปีละสองถึงสามคน และคนที่หล่อนจำได้แม่นจนถึงวันนี้ก็คือ ขนิษฐา..
หญิงสาวที่มีรูปร่างผอมแกรน ใบหน้าซูบตอบทั้งผิวค่อนข้างคล้ำทว่าแววตากลับแข็งกร้าวไม่ยอมลงให้พวกเธอเหมือนนักเรียนทุนอีกสองคน จึงกลายเป็นเป้าให้เล่นงานมากกว่าเพื่อน ทั้งโดนขังในห้องแล้วเทแมลงสาปใส่ ขโมยการบ้าน สาดน้ำเสีย ปล่อยข่าวลือเสียหายจนในที่สุดขนิษฐาก็ลาออกพร้อมหายไปจากสารบบ
“ชื่อเก่า ขนิษฐา เรืองกิจโรจน์” ดวงตาเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่ตัวเองเคยดูถูกกลับผงาดขึ้นมาแย่งผู้ชายคนเดียวกับหล่อน
ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความโกรธก่อนจะขย้ำเอกสารเหล่านั้นแล้วโยนลงพื้นอย่างไม่ไยดี ไม่ว่าฝ่ายนั้นจะเข้ามาด้วยเหตุผลกลใดแต่เธอจะไม่ยอมปล่อยให้ปารัชตกไปเป็นของคนอื่นเด็ดขาด มาลองดูสักตั้งว่าใครจะชนะ