บท
ตั้งค่า

๑ ราวี (๑)

ราวี

หญิงสาวร่างเล็กในชุดมินิเดรสแขนตุ๊กตาสีขาวกระโปรงบาน ผ้าลายฉลุดูน่ารักสมตัว ผมยาวสีน้ำตาลเข้มปล่อยสยายกลางแผ่นหลัง ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างพอดี ขาเรียวก้าวเข้ามาภายในร้านกาแฟที่ผู้คนบางตา อากาศข้างนอกอบอ้าวแต่เมื่ออยู่ในร้านกลับเย็นสบายช่างต่างจากภายในใจของเธอตอนนี้เสียเหลือเกิน

มันร้อนเสียจนแทบระเบิดออกมาเมื่อได้ข่าวจากสายลับที่จ้างเอาไว้ว่าคนรักอยู่กับหญิงอื่น ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วร้านก่อนจะหยุดนิ่งที่ชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งกำลังส่งยิ้มหวานให้กันราวโลกนี้มีแค่สองเรา

เพียงเท่านั้นเธอก็ก้าวเข้าไปหาทั้งสองอย่างรวดเร็วก่อนจะคว้าแก้วน้ำเปล่าที่พนักงานกำลังนำไปเสิร์ฟมาสาดใส่หน้าผู้หญิงที่บังอาจมายุ่งกับผู้ชายของตัวเองจนได้ยินเสียงร้องตกใจจากคนทั้งร้าน เธอยกยิ้มอย่างสะใจในขณะที่ชายหนุ่มลุกมาคว้าแขนคนสร้างเรื่องเอาไว้ทันที

“ทำบ้าอะไรของเธอ”

ปารัช วงศ์เดชา ทนายหนุ่มรูปหล่อลุกขึ้นมาคว้าแขนหญิงสาวที่เคยนึกเอ็นดูเหมือนน้องเอาไว้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าเธอจะไม่หยุดเพียงแค่การสาดน้ำ

“ก็สั่งสอนคนที่มันมายุ่งกับแฟนคนอื่นไงคะ” เธอตอบกลับเสียงแข็งแล้วหันไปมองผู้หญิงที่โดนน้ำสาดเต็มใบหน้าอย่างสะใจ

ในขณะที่คนโดนกระทำกลับอายจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว เกิดมาไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิต ทั้งสายตาจากผู้คนรอบข้างที่มองมาอย่างกล่าวโทษให้อับอายจนต้องรีบหยิบกระเป๋าแล้วลุกจากที่นั่งเดินออกนอกร้านอย่างรวดเร็วไม่รอให้ชายหนุ่มอธิบายอะไรทั้งนั้น

“คุณมิ้มครับ คุณมิ้ม!” เขาทำท่าจะผละจากคนตัวเล็กแล้วตามหญิงที่วิ่งออกไปแต่มีหรือที่เธอจะยอม คนอย่าง นีรนารา พานิชสุทธิกุล ไม่มีทางให้ผู้ชายของเธอไปยุ่งเกี่ยวกับพวกที่หวังจะเข้ามาเพื่อปอกลอกหรอก

เธอสืบประวัติของผู้หญิงคนนั้นแล้วจึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายลำบากยากจนมากแค่ไหน มีหนี้ที่ต้องใช้จากความฟุ่มเฟือยของตนเองอีกบานเบอะ ถ้าปารัชเข้าไปยุ่งด้วยก็มีแต่ปัญหาที่ตามมา เธอจึงเป็นคนช่วยแก้ไขความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นให้ด้วยการตัดไฟแต่ต้นลม

“พี่ปรานคะ” น้ำเสียงจากที่เคยแข็งอ่อนโยนลงทันที และชายหนุ่มก็กัดกรามแน่นข่มความโกรธเอาไว้ก่อนจะวางเงินลงบนโต๊ะอาหารทั้งที่ยังไม่ได้กินอะไรด้วยซ้ำเพราะเพิ่งสั่งไปเมื่อสักครู่ก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน

เขาปลดมือหล่อนออกแล้วมองใบหน้าหวานด้วยความเย็นชาค่อยเดินแกมวิ่งออกนอกร้านปล่อยให้นีรนาราเดินตามออกมาอย่างไม่ลดละ เธอรีบคว้าแขนหนาเอาไว้เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะขึ้นรถยนต์เพื่อตามผู้หญิงคนอื่น

“พี่ปรานจะไปไหนคะ” เธอสลัดคราบนางมารออกเหลือเพียงน้องสาวที่แสนดีของเขาก่อนจะถามเสียงอ่อน

“พี่จะไปไหนมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ” เขาสลัดผู้หญิงน่ารังเกียจคนนี้ทิ้งอย่างไม่ไยดีสักนิด ไม่อยากอยู่ใกล้แม้แต่วินาทีเดียว รับไม่ได้กับนิสัยเสียเข้าขั้นรุนแรงที่นีรนาราแสดงออก

เขาเกลียดผู้หญิงประเภทนี้ที่สุด

“เกี่ยวสิ พี่เป็นแฟนนีรนะ” ยกสถานะที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่จริงมาอ้างกับเขา ดวงตาหวานมองทนายหนุ่มอย่างอ้อนวอนได้แต่ภาวนาให้ปารัชเห็นถึงความรักของตัวเองที่มีต่อเขาแต่ดูเหมือนความรู้สึกนั้นจะส่งไม่ถึงเพราะชายหนุ่มยิ้มเยาะทันที

“แฟนเหรอ พี่ไปเป็นแฟนเธอตั้งแต่เมื่อไหร่” ถามกลับเสียงหยันจนคนที่อ้างสถานะนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง

“ก็พี่บอกว่าถ้านีรไปเรียนกลับมาเราจะแต่งงานกัน” เรียบเรียงคำพูดไม่ถูกเพราะน้ำใสเอ่อคลอหน่วยตาต่างจากชายหนุ่มที่คิดว่าหญิงสาวแสร้งทำ

คนอย่างนีรนาราทำได้ทุกอย่างเพื่อให้คนสงสารทั้งที่จิตใจภายในคือนางมารร้าย

“และสัญญานั้นมันก็โมฆะไปตั้งแต่เธอระรานผู้หญิงของพี่แล้ว” เอ่ยจบก็ขึ้นไปบนรถทำท่าจะปิดประตูแต่ร่างบางยังไม่ยอมยื้อประตูเอาไว้แน่นไม่สนใจว่าจะมีสายตากี่สิบคู่มองมายังเธอ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญมากสุดคือปารัชต่างหาก

เขาสำคัญกับเธอมากเหลือเกิน

“อย่าทำแบบนี้สิคะ พี่ก็รู้ว่านีรรักพี่มากแค่ไหน” เธอยังคงบอกรักเขาในขณะที่อีกคนอยู่ในอารมณ์ไม่พร้อมจะรับฟังอะไรทั้งนั้น

“นั่นมันเป็นความรู้สึกของเธอฝ่ายเดียว เพราะพี่ไม่ได้รักเธอเลย” คำนั้นทำเอาเรี่ยวแรงของหญิงสาวหายไปจนมือตกอยู่ข้างลำตัวเปิดโอกาสให้ร่างสูงปิดประตูก่อนเคลื่อนรถออกไปอย่างรวดเร็วแทบไม่เห็นฝุ่น เหลือไว้เพียงความรู้สึกเจ็บปวดให้แก่ผู้หญิงที่เฝ้ารักเขามาตลอด

นีรนารากำมือแน่นมองตามรถของปารัชที่หายลับไป เธอเดินกลับไปที่รถยนต์ของตัวเองแล้วกระชากตัวออกด้วยความแรงที่ไม่ต่างกันนัก ช่วงเวลาที่อยู่บนท้องถนนว่างทำให้สามารถเหยียบได้เต็มเท้า เธอพยายามขับตามชายหนุ่มไปแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว

สีรถของคุณทนายมากความสามารถไม่ได้เด่นสะดุดตาทั้งยังกลมกลืนกับรถคันอื่นอีกด้วยจึงยากที่จะค้นหา ร่างบางทุบพวงมาลัยด้วยความโกรธแล้วค่อยเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า เปลี่ยนเป้าหมายเป็นบริษัทของเพื่อนสนิทแทน เวลานี้ความแค้นมันแน่นอกจนต้องการที่ระบายและคาดว่าคนที่ให้คำแนะนำได้ดีที่สุดคงเป็นเพื่อนคนนี้อย่างแน่นอน

“เลิกไปเลย”

และนี่คือคำตอบที่เพื่อนอย่าง เรนิตา ทรัพย์มากอนันต์ เป็นคนบอกเธอหลังจากที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดจบ

ตอนนี้นีรนาราอยู่ภายในบริษัท RED Company ซึ่งเป็นสื่อบันเทิงยักษ์ใหญ่ที่มีหลากหลายสายงานด้วยกันไม่ว่าจะเป็น ผลงานเพลง ผลงานทางด้านโทรทัศน์และยังครอบคลุมไปถึงด้านภาพยนตร์อีกด้วย เหล่าผู้คนที่ชื่นชอบสายงานบันเทิงจึงสนใจที่จะเข้าร่วมทำงานกับบริษัทแห่งนี้เป็นอันดับต้นของประเทศเลยก็ว่าได้

และนอกจากนั้น RED Company ยังแตกแขนงบริษัทย่อยในแต่ละสายงานเพื่อจะได้ทำออกมาอย่างมีคุณภาพสู่สายตาผู้ชม อย่างเรนิตาได้ทำงานเป็นถึงผู้บริหารของ Duck.co.th ซึ่งเป็นบริษัทที่รวบรวมซีรี่ส์วัยรุ่นเอาไว้มากมาย มีนักแสดงในสังกัดอีกทั้งละครแต่ละเรื่องก็เขียนบทขึ้นเองไม่ได้เอามาจากนิยายที่หลายคนรู้ตอนจบ สร้างความตื่นเต้นและลุ้นว่าบทสุดท้ายจะเป็นอย่างไร

สองสาวนั่งหันหน้าเข้าหากัน แน่นอนว่านีรนาราถอนหายใจเกือบสิบครั้งตั้งแต่เข้ามาภายในห้องสีเหลี่ยมขนาดกลางที่ตกแต่งด้วยสีแดงซึ่งเป็นสีที่เจ้าของห้องชอบ

“ไม่เอา” ปฏิเสธความคิดเห็นของเพื่อนสนิทที่นั่งไขว้ห้างอยู่ตรงหน้า

เรนิตาเป็นคนมีเสน่ห์จนน่าอิจฉา รูปร่างสูงโปร่งที่มากกว่าร้อยหกสิบแปดใส่อะไรก็ดูสวยไปหมด อย่างวันนี้คนตรงหน้าก็สวมเสื้อสายเดี่ยวสีดำเข้าคู่กับกางเกงแสล็คเนื้อดี อวดหุ่นสวยเพรียวต่างจากหล่อนโดยสิ้นเชิง

ส่วนสูงก็เพียงแค่ร้อยห้าสิบแปดจะขึ้นมาอีกสองเซ็นให้ครบร้อยหกสิบก็ไม่ได้ หน้าก็กลม แก้มก็เยอะ ใส่อะไรก็ดูเตี้ยและตันไปหมดจนไม่มั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่ มองภายนอกแล้วคงไม่มีผู้ชายคนไหนชอบผู้หญิงอย่างเธอหรอก

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย นีรนาราไม่ได้ต้องการให้ผู้ชายทั้งโลกหันมามองเธอ ขอแค่คนคนเดียวเท่านั้น

พี่ปรานแค่คนเดียว..

“ถ้าไม่เลิกแกก็ต้องก้มหน้าทนต่อไป” คนคอยให้คำปรึกษาบึนปากอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่นัก

“เป็นฉันนะคงหาแฟนใหม่ที่ดีกว่าหมอนั่นไปแล้วล่ะ หน้าตาก็ไม่ได้หล่อขั้นเทพ ฐานะก็ไม่สู้แกสักนิด เอาจริงนะยายคุณหนู แกเพียบพร้อมขนาดนี้ถ้าอ่อยสักหน่อยผู้ชายคงมาตอมเป็นฝูง” อดให้คำแนะนำด้วยอารมณ์ไม่ได้

นีรนาราไม่ใช่คนขี้เหร่เลยออกจะน่ารักมากเสียด้วยซ้ำ ยิ้มทีตาเป็นสระอิน่ารักเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่ไม่น่าจะหลงเข้ามาอยู่ในฝูงหมาป่าอย่างพวกเธอเลย

“แต่พี่ปรานดีที่สุดแล้ว” เรนิตาได้แต่กลอกตาอย่างเอือมระอา

ให้เหตุผลอะไรไปก็จะมีแค่ประโยคนี้เท่านั้นที่คุณหนูแสนน่ารักจะเอ่ยออกมา

“แกไปเจอผู้ชายทั่วโลกแล้วเหรอถึงรู้ว่าเขาดีที่สุด” นีรนาราเม้มปากแน่น เธอเคยอาศัยอยู่แค่ไทยและอเมริกาไม่ได้เจอทั่วโลกขนาดนั้น

“สตินะสติ ถ้าเขาพูดว่าไม่รักขนาดนั้นแล้วก็คือไม่รัก แกจะเอาช้างมาฉุด ม้ามาลากเขาก็ไม่รักแก มูฟออนได้แล้วยายซื่อ” ที่จริงก็อยากด่าว่าโง่แต่ยั้งปากไว้ได้ทัน

นีรนาราหน้าเสียกว่าเดิม คำว่าไม่รักแค่ปารัชย้ำเธอก็รู้แล้ว แต่มาโดนเพื่อนรักบอกอีกก็เหมือนคนพายเรือไปกลางน้ำอย่างโดดเดี่ยวแล้วโดนคว่ำเรือ พยายามตะเกียกตะกายให้รอดแต่ดูเหมือนหนทางยากเหลือเกิน หล่อนตัวคนเดียว..

ทางที่จะรอดก็คงยอมจมไปกับน้ำและรอเกิดใหม่

“แกเลิกตอกย้ำฉันแล้วช่วยคิดวิธีให้พี่ปรานรักฉันไม่ได้เหรอ” เรนิตาส่ายหน้าทันที

“ยาก เขามองแกเป็นนางร้ายไปแล้วจะให้กลับมามองเป็นคุณหนูนีรนาราแสนสวยแสนดีคนเดิมคงเป็นไปไม่ได้ เปอร์เซ็นเท่ากับ 0.0001” คนฟังถอนหายใจออกมา

“แต่มันก็ยังมีไม่ใช่เหรอ ถึงจะเป็นหนึ่งก็เถอะ”

“ยายนีร! แกฟังไหมว่าก่อนหนึ่งมันมีศูนย์กี่ตัวยะ ฉันพูดนี่แกไม่เห็นภาพเลยเหรอ” คนที่พูดจนปากเปียกปากแฉะแต่เพื่อนก็ไม่ฟังต้องวีนขึ้นเสียงดัง

“แกไม่เป็นฉันแกไม่รู้หรอก ฉันรักเขามาตั้งนาน ซื่อสัตย์กับเขาคนเดียว แล้วจะให้ยอมถอยง่ายๆ ได้ยังไง ฉันก็มีหัวใจเหมือนกันนะ” ยิ่งเอ่ยน้ำตาก็เหมือนจะไหลจนเรนิตาจำต้องเงียบเสียง เข้าใจว่าโลกทั้งใบของนีรนาราคือปารัชคนเดียวตั้งแต่เด็กแล้ว

ก็คงไม่แปลกที่จะฝังใจขนาดนี้

“แกก็ยอมให้เขามีน้อยสิ” ลองเสนอทางเลือกที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ให้เพื่อน และแน่นอนคำตอบจากปากอวบอิ่มก็ตอกกลับทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดให้มากความ

“ไม่มีทาง ฉันต้องเป็นผู้หญิงคนเดียวของเขาเท่านั้น” จะไม่ยอมเป็นหลวงเพื่อให้เขามีน้อยเด็ดขาด ผู้หญิงของปารัชจะต้องเป็นเธอเพียงผู้เดียว

“โอ๊ย คิดไม่ออกแล้ว แกไปถามคนอื่นแล้วกัน เพราะถ้าถามฉันก็บอกได้แค่ตัดใจหรือไม่ก็แก้แค้นไอ้พี่ปรานด้วยการคบคนอื่นไปเลย”

ไม่มีทางหรอก

ถ้าคบคนอื่นเขาจะยิ่งไม่เตลิดหรือ นีรนาราส่ายหน้ากับคำแนะนำของเพื่อนที่ดูจะพึ่งไม่ได้เลยจนต้องทำหน้ายู่ใส่

“ฉันมีธุระที่อื่นต่อ ไว้เจอกันนะ” โบกมือลาทันทีแล้วหยิบกระเป๋าใบแพงขึ้นมาถือก่อนจะเดินออกจากห้อง เรนิตามองตามแล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจไม่รู้จะพูดยังไงอีกฝ่ายถึงจะยอมตัดใจจากคนที่เขาไม่เคยหันมามองเสียที

ขนาดเป็นคนที่มองอยู่ห่างๆ ยังรู้สึกเจ็บแทนทุกครั้งยามเห็นปารัชควงคนอื่นเดินผ่านต่อหน้าต่อตา แล้วนีรนาราทนได้อย่างไร หัวใจทำด้วยหินอย่างนั้นหรือ คิดแล้วก็ปวดหัวก่อนจะสะบัดศีรษะไล่เรื่องคนอื่นออกไปเพราะตอนนี้งานที่กองท่วมโต๊ะก็สร้างความหนักใจให้ไม่แพ้กัน

คุณหนูของบ้านพานิชสุทธิกุลเดินออกจากอาคารสูงแล้วขึ้นรถขับกลับบ้านตัวเอง หลังเรียนจบด้านบริหารจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกาเธอก็กลับมาไทยทันทีด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าพี่ชายที่ครอบครองหัวใจมานานหลายปีจะคิดถึง

ทว่าไม่เป็นอย่างนั้นเลย เขาไม่มาต้อนรับด้วยซ้ำ..

“จัดการอย่าให้ผู้หญิงคนนั้นเข้าใกล้พี่ปรานอีก” โทรสั่งบอดี้การ์ดที่คุณพ่อส่งให้มาดูแลด้วยน้ำเสียงเข้มต่างจากยามอยู่กับปารัชราวเป็นคนละคน

“อย่าให้ถึงเลือดตกยางออก แค่เบาๆ ก็พอ” ไม่อยากจะทำร้ายใครแต่จะให้มองเขามีความสุขกับผู้หญิงคนอื่นก็คงไม่ใช่นีรนาราแล้ว แค่สั่งสอนนิดหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก คิดอย่างปลอบใจตัวเองก่อนจะขับรถกลับบ้านที่ไม่มีคนรอ มีเพียงเธออยู่แค่ลำพังเท่านั้น

บ้านหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังน้ำพุที่มีสาวงามแบกโถเอาไว้ ต้นไม้ขึ้นรายล้อมเต็มไปด้วยบรรยากาศบริสุทธิ์ถึงจะอยู่เมืองหลวงก็เหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ร่างเล็กจอดรถที่หน้าบ้านก่อนจะเอากุญแจให้แก่คนขับรถที่มารอรับอยู่แล้ว ในขณะที่ตนเองเดินขึ้นบันไดยื่นกระเป๋าให้แม่บ้านที่มายืนต้อนรับก่อนจะเปลี่ยนรองเท้าเป็นสลิปเปอร์สำหรับใส่ในบ้าน

ใบหน้าหวานเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใดทั้งสิ้นจนกระทั่งเห็นทนายประจำตระกูลอย่างคุณสารัชวงศ์เดชา ยืนส่งยิ้มให้หล่อนจึงฉีกยิ้มกว้างวิ่งเข้าไปหาบิดาของปารัชด้วยความแจ่มใสต่างจากเมื่อสักครู่ลิบลับ

“คุณอามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ น่าจะโทรบอกนีรก่อนจะได้รีบกลับ” ว่าพลางเข้าไปกอดแขนท่านอย่างเป็นกันเองแล้วชวนให้คนสูงวัยไปนั่งที่ห้องรับแขก

บ้านหลังใหญ่มีห้องรับแขกด้วยกันถึงสี่ห้องตามความชอบของประมุขอย่างคุณเอกพงศ์ พานิชสุทธิกุล ซึ่งแต่ละห้องก็มีสไตล์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ห้องแรกค่อนข้างเรียบง่ายแต่ดูหรูหรา เป็นการออกแบบโดยบิดาที่แม้แต่โซฟาก็หมดไปกว่าครึ่งล้าน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel