บท
ตั้งค่า

บทที่9

ห้องพักที่สามสาวเข้าพักเป็นห้องสวีตสุดหรูอย่างที่ทั้งสามคนนึกไม่ถึง พอเปิดประตูเข้าไปปุ๊บจอมขวัญถึงกับอ้าปากค้างทีเดียว หากก็ยังออมคำพูดเอาไว้เมื่อเห็นว่าพนักงานที่ขนกระเป๋าขึ้นมาให้ยังคงแนะนำเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ในห้องให้อีกสองสาวฟัง

เกดแก้วทำท่าเรียบร้อยยืนฟังอย่างสงบพอๆ กับมีนาวลัยนั่นแหละ จอมขวัญปรายตามองพลางนึกขำในใจ รู้เต็มอกว่าเพื่อนของหล่อนกำลังวางมาด ส่วนหล่อนนั้นมิได้สนใจเรื่องราวที่พนักงานหนุ่มบอกกล่าวเท่าใดนัก เพราะอย่างไรเสียเพื่อนทั้งสองคนก็ยืนฟังอยู่แล้ว หล่อนจึงถือโอกาสเดินสำรวจรอบห้องอย่างสนใจ

ห้องใหญ่กว้างขวางแยกห้องนอนออกไปเป็นสัดส่วน เมื่อเข้าไปจึงเจอกับห้องรับแขกเป็นห้องแรก ด้านตรงข้ามประตูทางเข้าคือหน้าต่างกระจกบานใหญ่กว้างเกือบเต็มผนังเผยให้เห็นทิวทัศน์ตัวเมืองเชียงใหม่เต็มๆ ฉากหลังไกลลิบออกไปนั้นคือทิวเขาทอดยาวเป็นแนวสีครามเข้มสูงตระหง่านเงื้อม เหนือขึ้นไปบนยอดเขาที่หากเป็นฤดูหนาวคงมีละไอหมอกลอยอ้อยอิ่งปกคลุมเหมือนผ้าห่มผืนบาง ตรงมุมหนึ่งบนยอดสูงสีทองสุกปลั่งส่องกระทบเข้าตา...จอมขวัญจึงระลึกขึ้นมาได้ว่าภูเขาสูงนั้นคงเป็นดอยสุเทพ และสีทองเป็นประกายที่มองเห็นคือ พระธาตุดอยสุเทพนั่นเอง

โทนสีของห้องค่อนข้างแรงเพราะผนังทั้งหมดเป็นสีปูนแห้งทึบทึม คิวไม้และเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดเป็นสีโอ๊คดูงามสง่าเคร่งขรึม ช่วยข่มสีของผนังห้องให้ลดความร้อนแรงลง ผืนพรมสีแดงเลือดหมูเข้มและผ้าม่านไหมเทียมสีเดียวกับพรมพิมพ์ลายไทยสีทองคร่ำเลียนแบบลายผ้านุ่งโบราณทำให้ห้องดูหรูหราสมเป็นห้องสวีตราคาแพง กึ่งกลางห้องคือชุดรับแขกอันประกอบไปด้วยโซฟาตัวยาวและเก้าอี้บุนวมอีกสองตัวใช้ผ้าไหมเทียมสีและลายเดียวกันกับผ้าม่านเป็นผ้าหุ้มเบาะ ผนังด้านหน้าชุดรับแขกตั้งตู้ทึบต่อเมื่อพนักงานเปิดตู้นั่นแหละจึงพบว่ามีโทรทัศน์ขนาดยี่สิบเก้านิ้วซ่อนอยู่ด้านใน

ด้านขวามือข้างประตูทางเข้ามีมุมแพนทรีเล็กๆ ที่มีเคาน์เตอร์บาร์ตั้งอยู่ จอมขวัญเดินเกร่ไปเปิดตู้เย็นเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ด้านในเคาน์เตอร์บาร์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ข้างในมีทั้งน้ำอัดลม เบียร์ นมกล่อง นมเปรี้ยว น้ำแร่ และช็อคโกแล็ตห่อเล็กๆ วางเรียงอย่างสวยงาม บนชั้นเหนือตู้เย็นวางขวดเหล้าหลายชนิดหลากยี่ห้อพร้อมกับตะกร้าใบย่อมบรรจุถุงขนมกรอบจำพวกมันฝรั่งทอด ถั่วลิสงทอด และซองใส่กาแฟ ชา น้ำตาล และครีมเทียม ด้านข้างมีถาดเรียงแก้วน้ำและถ้วยกาแฟพร้อมจานรองอย่างละสองคู่

...โอ้โห...มีกระติกน้ำร้อนกับไมโครเวฟด้วย...

จอมขวัญนึกอย่างตื่นตาตื่นใจ หญิงสาวเดินกลับไปสมทบกับเพื่อนอีกสองคน พนักงานขนกระเป๋ากลับไปออกแล้ว มีนาวลัยให้เงินเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ แก่เขาเพื่อเป็นการขอบคุณที่ให้บริการเป็นอย่างดี

“มีนา...ห้องนี้น่ะ สวยมากๆ ถ้าเราเช็คอินเข้าพักเอง จะมีปัญญาจ่ายหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ ค่าห้องคืนหนึ่งคงหลายพัน”

เอ่ยอย่างตื่นเต้นยินดี อีกสองสาวหันมายิ้มเบิกบาน มีนาวลัยพยักหน้าให้เอ่ยเสียงสดใส

“ก็แหมม...มากับใครล่ะจ้ะ มีนาวลัยซะอย่าง เพื่อนๆ เที่ยวสบายอยู่แล้วล่ะจ้า”

เกดแก้วได้ฟังแล้วก็ค้อนขวับทำหน้าคล้ายหมั่นไส้คนพูดก่อนจะยืนเท้าสะเอวฉอดๆ ใส่เพื่อนสนิทที่ลงไปนั่งเอกเขนกบนโซฟาอย่างสบายอารมณ์

“นี่ยายมีนา ถ้ามากับแกอ่ะนะ ก็คงต้องนอนห้องธรรมดานั่นแหละ ไมได้นอนห้องสวีตหรูหราอย่างนี้หรอก ต้องขอบคุณคุณป้าสุดาต่างหากล่ะ เพราะคุณป้าหรอกเราถึงได้พักห้องใหญ่โตอย่างนี้ ไหนๆ ยังไม่เห็นห้องนอนเลย ตะกี้ตาพนักงานบอกว่าห้องนอนอยู่หลังผนังนี่ใช่มั้ย”

เกดแก้วเดินไปที่ผนังซึ่งทำเป็นประตูบานพับไม้แกะสลักด้วยลวดลายไทยอ่อนช้อยยาวตลอดแนว หญิงสาวเปิดประตูและผลักไปด้านข้าง ห้องสองห้องจึงเชื่อมต่อกันเป็นห้องกว้างห้องเดียว ด้านในตั้งเตียงเดี่ยวขนาดใหญ่คลุมผ้าไหมเทียมสีเดียวกับม่าน หัวเตียงแขวนไม้แกะสลักประดับกระจกเงาบานใหญ่ซึ่งทำให้ห้องดูไม่ทึบทึมจนเกินไป โต๊ะเล็กข้างเตียงทั้งสองด้านตั้งโคมไฟเซรามิกรูปช้างหมอบสีเขียวอ่อน ฝั่งซ้ายของเตียงคือประตูกระจกที่ออกไปสู่ระเบียงเล็กๆ ม่านสองชั้นเปิดกว้างให้แสงส่องเข้ามาได้เต็มที่ ตรงท้ายเตียงใกล้ประตูกระจกและบานพับไม้สลักที่กั้นห้องออกจากกันตั้งเก้าอี้บุนวมตัวใหญ่นั่งสบาย พร้อมเก้าอี้เล็กๆ สำหรับพักเท้า และโต๊ะเล็กที่มีโคมไฟเซรามิกรูปนางฟ้อนในชุดไทยล้านนาตั้งอยู่

สามสาวเดินเข้ามาดูห้องนอนด้วยความตื่นตาตื่นใจ จอมขวัญเป็นคนแรกที่ถลาลงไปนอนกลิ้งอยู่บนเตียง หลังจากนั้นมีนาวลัยจึงตามลงไปนอนข้างๆ เพื่อนอีกคน เกดแก้วที่ยืนมองทั้งคู่ฉีกยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะกิ๊ก

“หัวเราะอะไรยะ นังเกด ทำอย่างกับแกไม่ตื่นตาตื่นใจเหมือนฉันสองคนงั้นแหละ”

จอมขวัญกะบึงกะบอนถาม

“แหม...ฉันก็ขำพวกแกน่ะแหละ ทำเป็นตื่นไปได้ ยิ่งแกนะยายขวัญ ตะกี้ฉันลุ้นแทบตายกลัวแกจะวี้ดว้ายกระตู้วู้ตอนคนขนกระเป๋าอยู่ซะอีก ฉันกะยายมีนาอุตส่าห์วางมาดแทบตาย ไหนๆ ก็มาพักในฐานะแขกวีไอพีกะเขาทั้งที”

จอมขวัญหัวเราะพรืด ยันตัวเองจากท่านอนขึ้นมานั่งตรงขอบเตียง

“แต่ก็จริงอย่างเกดว่า นี่ถ้าคุณป้าสุดาไม่ชวนเรามาพักที่นี่ ป่านนี้เราก็คงไปหาโรงแรมเล็กๆ ที่เหมาะกับเงินในกระเป๋าอยู่แล้วล่ะเนอะ หวังพึ่งยายมีนาคงยากว่ะ”

พูดพลางเหล่ไปทางคนที่ถูกพาดพิงซึ่งยังคงเอกเขนกบนเตียงฟังเพื่อนพูดคุยด้วยความรู้สึกสบายและผ่อนคลาย แต่เมื่อถูกพาดพิงเท่านั้นแหละ เจ้าตัวก็ดีดตัวผึงขึ้นมาทันที

“อะไรยะ หาว่าฉันไม่มีปัญญาให้เพื่อนพักโรงแรมดีๆ เหรอยะ”

“ฉันรู้ว่าแกมีปัญญา แหม...เป็นเจ้าของสวนส้มที่ใหญ่ที่สุด ทำไมจะไม่มีปัญญาวะ แต่แกน่ะเค็มจะตาย มีเหรอจะยอมเสียเงินพักโรงแรมแพงๆ ห้องหรูๆ”

“ฉันไม่ได้เค็มย่ะ แค่ประหยัดเท่านั้นเอง พูดดีๆ พูดดีๆ”

มีนาวลัยโต้คำครหาของจอมขวัญ

“ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนล่ะก็ แกเค็มว่ะ”

จอมขวัญยังย้ำคำเดิม มีนาวลัยส่งค้อนให้พูดเสียงกระเง้ากระงอด

“ตอนนั้นฉันยังไม่ได้ทำงานหาเงินเองนี่ ก็เลยใช้เงินไม่คิด”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel