บทที่ 4
เมื่อรู้สึกว่าเขาออกจะยืนอยู่ใกล้ชิดกับเธอมากเกินไปสักหน่อย อลิกซ์ก็ถอยออกห่าง แต่ขณะเดียวกันเธอรู้สึกว่ามันมีความเป็นธรรมดาอยู่อย่างมากสำหรับการที่จะได้ยืนอยู่ใกล้ชิตเขาในลักษณะนั้น อาการขยับตัวของเธอทำให้ใจหันหน้ามามอง และเอ่ยขึ้นอย่างสงสัยว่า
“คุณมีประสบการณ์ในการทำไร่ปศุสัตว์หรือเปล่าครับคุณอลิกซ์”
“โอ...ไม่หรอก สำหรับเรื่องนี้ฉันจำเป็นต้องยกให้เป็นหน้าที่ของคุณด้วย”
“งั้นหรือครับ...” สีหน้าของเขาบอกความสงสัยอยู่ “ตอนที่ผมขับรถเข้ามา ผมมีความรู้สึกว่าต้นหญ้าที่นี้มันออกจะขึ้นสูงอยู่สักหน่อย ที่นี่เขามีม้าหรือปศุสัตว์ด้วยหรือเปล่าครับ”
“เท่าที่ฉันรู้ ที่นี่มันไม่ใช่ตัวไร่ที่ใช้เลี้ยงสัตว์จริงๆ หรอกนะ เจ้าของเขามีม้าอยู่แค่ 2 ตัวเท่านั้น แต่เขาเอาไปฝากเลี้ยงไว้ที่ไร่อีกแห่งหนึ่งใกล้กับที่นี่ อีกสัก 2-3 วันคุณค่อยไปรับมันกลับมาก็ได้”
“ครับ” ใจรับคำอย่างรวดเร็ว “เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอก”
นี่เธอคิดไปเองหรือเปล่านะ เมื่อเขาได้เปลี่ยนท่าที่จากการแสดงออกถึงความสงสัยมาเป็นแสดงความเอื้ออารีต่อเธอทั้งที่เธอเป็นนายจ้างของเขา อลิกซ์พยายามจะสลัดความข้องที่เกาะเกี่ยวอยู่ในใจให้หลุดออก เธอไม่สามารถจะยอมสูญเสียโอกาสที่จะได้ตั้งต้นชีวิตใหม่ของตนเองได้ และการที่จะได้มาซึ่งโอกาสนั้น เธอก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาอาศัยโจให้ช่วยดูแลบ้านและลูกๆ ให้ การที่เราจะชอบหรือไม่ชอบเธอนั้นมิใช่เรื่องสำคัญ แต่อย่างใดเลย แต่เธอจะยอมให้ความคิดเห็นส่วนตัวที่เรามีต่อเธอมารบกวนความตั้งใจที่เธอมีอยู่ไม่ได้เป็นอันขาด
อลิกซ์บอกกับตัวเองว่า เขาคือลูกจ้างที่จะมาทำงานอยู่กับเธอเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ถ้าเธอจะสามารถทำงานที่ตั้งใจไว้ได้สำเร็จ
“คุณมาอยู่ที่นี่นานแล้วหรือครับ” เขาเอ่ยถามขึ้นอีก
“เพิ่งอาทิตย์เดียวเท่านั้น” ขณะนี้เป็นช่วงเวลากลางเดือนมิถุนายน เธอสามารถจะใช้ไร่ปศุสัตว์แห่งนี้เป็นที่พักอาศัยได้ตลอดทั้งฤดูร้อน แต่สิ่งที่อยู่ในความคิดของเธอก็คือความจริงที่ว่า ถ้าเธอต้องการจะพิสูจน์ต่อโลกและต่อตัวเองว่าเธอมีความตั้งใจที่จะเป็นจิตรกรจริงจังแค่ไหน เธอจะต้องทำงานให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือวาดภาพ 6 ภาพให้เสร็จภายในวันที่ 15 กรกฎาคม ซึ่งหมายถึงหนึ่งเดือนเต็มนับจากวันนี้เป็นต้นไป และวิธีเดียวที่เธอจะทำงานได้เป็นผลสำเร็จก็คือ จะต้องหนีจากดัลลัสมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง
“แล้วตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์นั้นคุณอยู่ที่นี่คนเดียวน่ะหรือครับ”
“เปล่าหรอก...แม่บ้านของคุณแม่มาอยู่เป็นเพื่อนด้วยเพิ่งกลับไปเมื่อเช้านี้เอง เพราะฉันบอกเขาว่าคุณจะมาอยู่ที่นี่ในวันนี้แทน”
“แล้วเจ้าของบาร์ เอฟ.นี่ล่ะ คุณคงจะรู้จักเขาดีสินะครับ”
“อือม์...ก็ทั้งเยสและโนนะ” อลิกซ์อึ้งไป มีความรู้สึกว่าเธอชักจะเล่าเรื่องตัวเองให้เขาฟังมากไปเสียแล้ว
“คุณถามทำไม”
“ไม่ได้มีเหตุผลอะไรหรอก ผมเพียงแต่อยากรู้เท่านั้นล่ะครับ” เขายักไหล่เบาๆ “ว่าแต่...นี่ลูกๆ ของคุณไปไหนหมดล่ะครับ”
“ไม่รู้สิ คงลงไปเล่นกันอยู่แถวลำธารกระมัง”
“อะไรกัน” โจร้องอย่างตกใจ “ไปเล่นกันตามลำพังอย่างนั้นหรือครับ”
“ก็ใช่น่ะสิ” อลิกซ์ตอบอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่ได้บอกว่าพวกแกลงไปเล่นกันในลำธารนะ”
“แต่คุณไม่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยบ้างหรือครับ” เขาพิจารณาความรู้สึกบนใบหน้าของเธออยู่ “ลูกๆ คุณมีความรู้เกี่ยวกับชีวิตในชนบทสักแค่ไหนกันเชียว”
เพราะเหตุใดนะ ทุกคนที่ผ่านเข้ามาในแวดวงชีวิตของเธอ แม้แต่ผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ก็ยังสงสัยในการตัดสินใจของเธอ แต่ทันใดอลิกซ์ก็ได้สินเสียงแจ๋วๆ ของลูกชายดังมาจากข้างนอก
“แม่ฮะ...แม่...แม่อยู่หนาย”
“แม่อยู่นี้” อลิกซ์วิ่งไปเปิดประตูพร้อมกับร้องตอบลูกชายวัย 5 ขวบ เด็กชายกระโดดหย็อยๆ เข้ามาและอลิกซ์ก็ก้มลงโอบร่างน้อยๆ นั้นไว้
“แม่ฮะ” เด็กชายกอตตอมารดาไว้แน่น ดวงตาเป็นประกาย “แม่รู้ไหมฮะว่า ผมไปทำอะไรมา ผมจับผีเสื้อได้ตัวหนึ่งด้วยนะฮะ แต่มันบินหนีไปแล้วล่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอกฮะ คิมบอกว่าเดี๋ยวเราก็จับใหม่ได้อีก”
“ได้แน่เลยลูก
“ผมหิวฮะแม่ ผู้ชายบ้าๆ คนนั้นเขามาถึงหรือยังล่ะฮะ “มิชเชล” อลิกซ์ร้องอย่างตกใจ
เธอได้ยินเสียงโจหัวเราะอยู่ใกล้ตัว ตามมาด้วยเสียงพูดว่า
“ใช่แล้ว มิชเชล ผมมาถึงแล้วไง อย่าวิตกไปเลยนะผมรับรองว่าหนูจะต้องชอบผมแน่ๆ เลย”
“ดีแล้วล่ะฮะ แม่บอกว่าเมื่อคุณมาถึง คุณจะทำอาหารกลางวันให้เรากินกัน และตอนนี้ผมก็หิวแล้วด้วย” เด็กชายตบท้องตัวเอง เหมือนจะยืนยันว่าตัวเองกำลังหิวจริงๆซึ่งอลิกซ์ต้องกลั้นยิ้มไว้
“แหม...ลูกจะหิวได้ยังไงกันจ๊ะ มิชเชล ก็แม่ทำอาหารกลางวันให้กินแล้วไง...จำได้หรือเปล่าล่ะ”
“ไม่ได้เลยฮะ” เด็กชายตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“มิชเชล การพูดปดเป็นสิ่งที่ไม่ดีนะลูก”
แต่ดูเหมือนเด็กชายจะไม่ได้ให้ความสนใจในคำพูดของเธอเท่าไรนัก มิชเชลกำลังแอบมองดูโจอยู่ พร้อมกับเอ่ยถามขึ้นตามมารยาทที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีว่า
“คุณจะกรุณาทำอาหารกลางวันให้ผมกินหน่อย ได้ไหมฮะ
“นี่ล่ะค่ะ นายมิชเชล สมิท ลูกชายคนเก่งของฉันล่ะ” เธอหันไปพูดกับโจเป็นเชิงแนะนำลูกชายอยู่กลายๆ “มิชเชล...นี่คือคุณ..”
“เอาอย่างนี้ ผมเรียกหนูว่าไมค์ แล้วหนูเรียกผมว่าโจดีโหม” เขาขัดขึ้นก่อนจะยิ้มกว้างให้อลิกซ์” เมื่อกี้คุณก็ยังพูดเลยว่าเราไม่จำเป็นจะต้องเรียกกันอย่างเป็นการเป็นงานไง”
“ไม่มีใครเคยเรียกผมว่าไมค์เลยฮะ นอกจากพี่สาวผมซึ่งเขาก็เรียกเป็นบ้างครั้งเท่านั้น แต่ผมก็ชอบให้คุณเรียกอย่างนั้นฮะ...คุณโจ คุณจะช่วยหาอะไรให้ผมกินหน่อยได้ไหมฮะ”
“ได้สิ ไมค์ แล้วหนูอยากกินอะไรล่ะ”
“อะไรก็ได้ที่ร้อนๆ สักหน่อยนะฮะ”
ทำไมลูกชายของเธอจึงต้องบอกเขาไปเสียหมดทุกสิ่งทุกอย่างนะ อลิกซ์เองก็ไม่เข้าใจอยู่เหมือนกัน
“เอ...แม่ว่าลูกไม่ควรจะต้องหิวมากมายขนาดนั้นในเมื่อเราก็กินอาหารกลางวันแล้วนี่นา แต่ถ้ายังหิวอยู่จะกินนมกับคุ้กกี้ที่ลูกชอบก็ได้นะ” เธอเงยหน้าขึ้นมองโจ และไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่เห็นหน้าของเขาแปลกไปเหมือนไม่พอใจในอะไรบางอย่าง บางทีการที่ลูกชายของเธอพูดอะไรออกไปตามประสาเด็กอาจจะทำให้เขารู้ได้ว่า ก่อนหน้าที่นายโจตัวจริงจะมาถึงนั้น เธอมีความรู้สึกอย่างไร
และอาจจะเป็นเพราะสายตาคู่นั้นเองที่ทำให้เธอบอกเขาว่า
“ครัวอยู่ทางนี้ค่ะ สำหรับฉันไม่ต้องนะ ฉันกินคุ้กกี้ได้”
โจเดินเข้าไปในครัวแบบชนบท ซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่การทำอาหารทำความสะอาดบ้านเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับเขาจริงๆ อลิกซ์มองตามร่างใหญ่โตอย่างเคร่งขรึมและใช้ความคิดขณะที่เขาจัดโต๊ะอยู่
คิมเบอร์ลีย์เป็นเด็กหญิงวัย 8 ขวบ ที่กำลังอยู่ในวัยน่ารัก สาวน้อยเดินเข้ามาในครัวตอนที่โจกำลังรินนมใส่ลงในแก้วอยู่ เจ้าหล่อนให้ความสนใจกับเขาในทันที และหลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองพี่น้องก็นั่งฟังเราพูดอย่างตั้งอกตั้งใจ
“คุณโจคะ” คิมเบอร์ลีย์หยิบคุ้กกี้ชิ้นที่สามส่งเข้าปาก “หนูขอช็อคโกแลต ไซรัป ใส่สงในนมของหนูด้วยได้ไหมคะ
“ผมด้วยได้ไหมฮะ” มิชเชลเอาอย่างบ้าง
“ผมว่าในคุ้กกี้นั้นน่ะมันมีน้ำตาลหวานมากพอแล้วนะ ถ้ากินหวานมากๆ ไข่มุกในปากก็จะเสียหมด”
“อะไรฮะ ไข่มุกในปาก” มิชเชลถามอย่างแปลกใจ “อ้าว...ไข่มุกในปากก็แปลว่าฟังไงล่ะ” โจตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“แล้วนั่นก็หมายความว่า เราก็ไม่ได้กินช็อคโกแลต ไซรัป ใช่ไหมฮะ” มิชเชลถามเพื่อความแน่ใจ แต่ขณะเดียวกันทั้งสองพี่น้องก็หันมาขอแรงสนับสนุนจากอลิกซ์
“โจ ปกติแล้ว ทั้งสองคนนี้จะได้รับอนุญาตให้กินนมใส่ช็อคโกแลต ไซรัปได้นะ คุณช่วยเอาให้แกหน่อยสิ”
สองพี่น้องหันกลับไปมองโจทันทีที่ได้ยินคำตัดสินของมารดา
“เห็นจะไม่ได้หรอกครับ คุณอลิกซ์” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจแน่วแน่
คิมเบอร์ลีย์กับมิชเชส หันไปมองหน้ามารดาอีกครั้งอลิกซ์รู้ดีว่าลูกทั้งสองของเธอไม่เคยได้ยินคำปฏิเสธที่หนาแน่นเช่นนี้มาก่อน แต่โจถูกจ้างให้มาดูแลลูกทั้งสองของเธอ ซึ่งอลิกซ์รู้ว่าเธอไม่ควรจะเข้าไปข้องเกี่ยวในอำนาจที่มอบให้เขาคิมเบอร์ลีย์กับมิชเชลอาจจะไม่แน่ใจในคำตอบประโยคนั้น แต่เธอรู้ดีว่ามันหมายถึงการปฏิเสธ
“แม่คะ”
เธอยืนพิงฝาผนังอยู่ รู้ดีว่าโจกำลังรอฟังคำตอบของเธออยู่เช่นกัน
“อย่าพูดทั้งที่มีอาหารอยู่ในปากอย่างนั้นสิลูก คิมเบอร์ลีย์” อลิกซ์พูดเบาๆ
“แต่แม่คะ เรายังไม่ได้กินอะไรเลยนะ นอกจากซีรัลที่ผสมนมเย็นเป็นอาหารกลางวัน และหนูก็หิวด้วย” ลูกสาวของเธออุทธรณ์
“เอาอย่างนี้นะหนู” โจเอ่ยขึ้นอย่างตัดสินใจ “เพื่อให้คุณแม่ของหนูสบายใจขึ้น ครั้งนี้ผมจะยอมให้หนูดื่มนมกับช็อคโกแลต ไซรัป นะ”
“ดีจังเลยค่ะ”
“ขอตัวก่อนนะ...” อลิกซ์เดินยิ้มออกจากห้องครัวไปเธอเดินกลับไปกลับมาอยู่ตรงห้องโถงภายนอกเป็นครู่และแล้วก็ไปหยุดอยู่ตรงหน้าเตาผิง ซึ่งจากตรงนั้น เธอสามารถจะมองเห็นบุคคลทั้งสามได้ทางประตูที่เปิดทิ้งไว้เงี่ยหูฟังเสียงพูดคุยของลูกชาย เสียงหัวเราะของลูกสาวเป็นครู่ รู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก