บทที่ 3
...ชั่วชีวิตที่ผ่านมาจนกระทั่งอายุถึง 31 ปีนี้...อเล็กซานดร้า สมิท ไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่แปลกเหมือนผู้ชายคนนี้เลย เธอได้ว่าจ้าง โจ โทบิ้น ให้มาทำงานทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเขามาก่อน แต่เป็นเพราะลูซี่ นูแมน เพื่อนที่เธอให้ความเชื่อถือไว้วางใจมากที่สุด ได้กล่าวยกย่องชื่นชมในความสามารถของเขา และช่วยจัดการทุกสิ่งทุกอย่างให้ทั้งหมด
ลูซี่ถึงกับพูดกับอลิกซ์ว่า ถ้าเธอกับสามีไม่ขายบ้านพักฤดูร้อนเสียก่อน เธอจะต้องจ้างใจกลับมาทำงานอีกแน่ และบรรยายความสามารถของเขาเสียจนเลิศลอย แม้แต่สามีภรรยาเฟอร์เรลล์ก็ยังรู้จักชื่อเสียงของโจโทบิ้น เป็นอย่าดีและพลอยดีอกดีใจที่โจจะมาช่วยอลิกซ์ดูแลไร่ปศุสัตว์ บาร์ เอฟ ในขณะ
ที่ตนเองไม่อยู่ด้วย
ดังนั้น ขณะที่อลิกซ์จับตามองดูเขาอยู่อย่างสำรวจตรวจตรานั้น มันทำให้เธอคิดไปในทางที่ว่า ขณะนี้ใจกำลังแกล้งทำเป็นงง การที่เขาจ้องมองหน้าเธออย่าเปิดเผยนั้นมันทำให้เธออดคิดสงสัยไม่ได้ว่า มันมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเธอเช่นนั้นหรือ แต่พอเขาเลิกมองหน้าเธอเข้าจริงๆอลิกซ์ก็กลับอยากจะให้เขามองอีก
จริงๆ แล้วอลิกซ์เองก็ไม่ใคร่สบายใจนัก ที่เธอใจร้อนด่วนสรุปในเรื่องของเขาเร็วไปหน่อย ตำหนิตัวเองว่าไม่สมควรจะแสดงความสนิทสนมกับเขาเร็วจนเกินไปนัก ตอนนั้น เธอเพียงแต่บังเกิดความห่วงใยในสุขภาพของเขาขึ้นมา ซึ่งก็เช่นเดียวกับที่เธอเคยรู้สึกต่อใครๆ หลายคน ซึ่งเมื่อมาถึงตอนนี้เธอก็ได้ แต่หวังว่าเขาจะไม่เดาเจตนาของเธอผิดไปเท่านั้น
ขณะเดียวกัน เธอก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เขามิได้เจ็บใช้ได้ป่วยเป็นอะไรไป แต่ถ้าเป็นก็หมายความว่าเขาสามารถหายได้ในเวลาอันรวดเร็ว เขาเดินไปเปิดตู้ต่างๆ สำรวจตรวจตราว่ามันมีอะไรอยู่ที่ไหน และควรจะต้องซื้อหาอะไรมาเพิ่มเติมบ้าง โดยหารู้ไม่ว่าขณะนั้นมีสายตาของเธอตามดูอยู่ทุกฝีก้าว
ผู้ชายคนนี้ออกจะแปลก เขาไม่เหมือนภาพของผู้ชายคนที่เธอวาดไว้ในใจว่า จะมาเป็นผู้ช่วยในฤดูร้อนปีนี้เลย ผู้ชาย
ในภาพของเธอนั้น เป็นคนที่ค่อนข้างสูงอายุ มีท่าทางเหมือนคนครัวที่ติดไปกับรถของพวกในไร่ปศุสัตว์ คอยทำอาหารให้พวกโคบาลกิน มีลักษณะเป็นชาวตะวันตกอย่างแท้จริง แต่จริงๆ แล้ว นายโจคนนี้กลับมีท่าว่าจะเป็นเจ้าของไร่ปศุสัตว์หรืออย่างน้อยก็อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าคนงาน แต่ไม่ใช่ประเภทรับจ้างทำงานทั่วไปแน่ เพราะรูปร่างหน้าตาของเขาก็ไม่ให้อยู่แล้ว
อลิกซ์แทบจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่า การหัวเราะนั้นเป็นอย่างไร แต่รอยยิ้มตรงมุมปากกับดวงตาที่เป็นประกายคู่นั้นมันยั่วใจเธอให้ต้องยิ้มออกมา ดูเหมือนชีวิตของเธอต้องผ่านพบแต่ปัญหายุ่งยากมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นมันก็คงจะช่วยให้เธอมีความสุขขึ้น ถ้าเธอจะได้เรียนรู้เรื่องการยิ้มการหัวเราะอีกครั้ง
ขณะที่ยืนพิงร่างอยู่กับกรอบประตูนั้น อลิกซ์อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ว่า เพราะเหตุใดผู้ชายคนที่มีลักษณะท่าทางเป็นโคบาลเต็มตัวคนนี้ จึงยอมรับการทำงานในตำแหน่งพ่อบ้าน
ลึกลงไปในใจ อลิกซ์ไม่อยากจะยอมรับเลยว่า เขาเป็นผู้ชายที่มีความสง่างามอยู่ในทุกอิริยาบถ โดยเฉพาะดวงตาสีเข้มคมปลาบที่ดูลึกลับคู่นั้น เรือนผมของเขาตัดสั้นกว่าที่กำลังนิยมกันอยู่ในสมัย แต่มันก็ดำสนิทและค่อนข้างหนา ไม่ได้มีสีเทาแซมอยู่ตรงไหนเลยแม้แต่น้อย
อลิกซ์พิจารณาเรือนร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาอยู่ และพยายามเมินหลบในทุกครั้งที่เขามองมา แต่กระนั้นก็มีความรู้สึกคล้ายกับว่ามันมีแรงผลักดันเกิดอยู่ในใจ คอยแต่จะบังคับให้เธอต้องคอยลอบมองเขาอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ในทุกขณะที่รู้สึกว่าจะปลอดภัยจากสายตาของ เขาช่วงไหล่ที่ผึ่งผายนั้นค่อนข้างกว้าง สะโพกแคบ และต้นขาที่เปี่ยมอยู่ด้วยพลังเขาสวมกางเกงยีนส์ใหม่เอี่ยม แทนที่จะเก่าๆ ขาดๆ สีซีดๆ อย่างที่เธอคาดว้ว่าจะได้เห็น
และเธอออกจะชอบริมฝีปากหนาๆ หนักแน่นคู่นั้นอยู่แต่เพราะสิ่งนี้นะหรือที่ทำให้เขาดูมีเสน่ห์อย่างลึกลับ เธอคิดข้องอยู่ในใจ ใบหน้าของเขาแม้จะไม่หล่อเหลาเช่นดาราภาพยนตร์ แต่ก็มีความคมสันอยู่ไม่น้อยเลยและมีแผลเป็นรอยเล็กๆ อยู่เหนือคิ้วข้างซ้ายด้วย
สิ่งหนึ่งที่อลิกซ์แน่ใจในตัวผู้ชายคนนี้คือ เขาไม่ได้มีลักษณะท่าทางเหมือนผู้ชายคนไหนที่เคยรู้จักมาก่อนในอดีตเลย เธอเคยรู้จักผู้ชายมามากหน้าหลายตา และผู้ชายเหล่านั้น แต่ละคนก็พยายามแสดงความเด่นออกมาให้เธอได้เห็น ไม่ว่าจะในการพูดหรือการกระทำ แต่ก็ไม่มีอะไรที่เด่นเป็นพิเศษ
แต่สำหรับโจ มันคล้ายกับว่าเขามีสัญชาตญาณที่บ่งบอกถึงความมั่นใจในตนเองอย่างมาก มันเป็นลักษณะที่ถ้าจะใช้คำพูดเพียงแค่คำเดียวหรือประโยคเดียวย่อมไม่อาจอธิบายได้
อลิกซ์บอกตัวเองว่า... เธอทั้งชื่นชมและอิจฉาคุณลักษณะอันนี้ของเขาเหลือเกิน ถ้าเพียงแต่เธอจะมีความมั่นใจในตัวเองอย่างนี้เช่นเขาบ้าง ขณะเดียวกันมันก็ทำให้เธอบังเกิดความอ้างว้าง ว้าเหว่ในใจขึ้นมาอย่างประหลาด มันแฝงไว้ด้วยความรู้สึกถวิลหาอาวรณ์ต่อสิ่งที่ขาดไปในชีวิตอย่างลึกๆ
เธอกัดริมฝีปากแน่น...อะไรกัน นี่เธอยังได้รับบทเรียนมาไม่พออีกหรือ ผู้ชายอย่างโจย่อมไม่มีทางที่จะมาให้ความสนใจกับเธอแน่ และจะต้องไม่ใช่อเล็กซานดร้า เพาเวลล์ สมิท ผู้หญิงคนที่ไม่สามารถแม้แต่จะทำให้คนที่เป็นสามีให้ความสนใจแน่
น่าแปลกนัก...ที่เธอจะถือว่าตัวเองเป็นผู้หญิงคนหนึ่งทั้งๆ ที่เธอไม่อาจจะแสดงธาตุแท้ของความเป็นผู้หญิงออกมาไม่เคยมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงประสบการณ์ทางเพศที่ชีวิตเคยได้รับมา
ทันใด เธอก็ยึดร่างขึ้น บอกตัวเองว่า จะต้องตั้งสติให้มั่นไว้ เธอจะต้องทำใจให้ลืมสัญชาตญาณความเป็นผู้ชายของเขาเสีย ซึ่งถ้าเธอทำไม่สำเร็จ ก็จะต้องใช้ความพยายามที่จะไม่ให้ความสนใจเลย เขาเดินทางมาที่นี่เพื่อที่จะทำงานให้เธอเธอกับเขาอยู่ในฐานะของนายจ้างกับลูกจ้าง มิได้มีอะไรมากไปกว่านั้น
“ที่นี่เป็นบ้านที่น่าอยู่มากเลยนะครับ คุณอลิกซ์”โจเดินเข้าไปในส่วนอันเป็นที่พักสำหรับคนรับใช้ ถลกแขนเสื้อขึ้นรอยยิ้มสดใสกระจายอยู่บนใบหน้า “ผมรู้สึกว่าคงจะสบายมากถ้าได้อยู่ที่นี่
“ฉันก็ดีใจนะที่คุณชอบ” เธอเมินไปเสียทางหนึ่ง รู้สึกว่ายากเหลือเกินที่จะแสร้งทำเป็นไม่สนใจกับรอยยิ้มที่ยั่วเย้าอยู่
“คุณเป็นเจ้าของไร่ปศุสัตว์นี่หรือครับคุณอลิกซ์”
“เอ้อ...จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ของฉันหรอก” อีกครั้งหนึ่งที่เธอต้องหันมองหน้าเขา “บาร์เอฟ. นี่เป็นไร่ของเพื่อนสนิทคุณพ่อ แต่ตอนนี้เขากับภรรยากำลังไปพักผ่อน เพราะฉะนั้นเขาก็เลยให้ฉันมาอยู่ที่นี่ในตอนช่วงฤดูร้อน” เธอรู้สึกว่ามันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเล่าให้เขาฟังด้วยว่าเธอได้รับการเอื้อเพื่อให้อยู่ที่นี่ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่คิดฝันมาก่อน “ตัวฉันเองน่ะ อยู่ในดัลลัส”
“แต่แมนเดร่าอยู่ไกลจากดัลลัสมากนะครับ เพราะอะไรคุณถึงต้องมาอยู่ไกลถึงที่นี่ด้วยล่ะครับ”
“ถ้าจะพูดกันจริงๆ ก็คงเป็นเพราะฉันอยากจะออกมาให้พ้นจากที่นั่นมากกว่า อีกประการหนึ่ง ฉันคิดว่ามันเป็นการสร้างเสริมประสบการณ์ให้กับเด็กๆ ด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วฉันมาที่นี่เพื่อทำงาน ฉันเป็นนักเขียนภาพทิวทัศน์นะ”
“ถ้าเช่นนั้น สถานที่แห่งนี้เหมาะสมกับความต้องการของคุณมากทีเดียวนะครับ”
น้ำเสียงของเขาแสดงออกถึงความสนใจในงาน และความเป็นไปของตัวเธออย่างแท้จริง ซึ่งอลิกซ์ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน
“เท่าที่ผมมองดูด้วยสายตา” โจกล่าวต่อ “ผมมีความรู้สึกว่ามันเป็นแผ่นดินที่มีทิวทัศน์สวยงามมากจริงๆ” เราเดินเข้ามาหยุดอยู่เคียงข้างตรงหน้าต่างด้านทิศตะวันออก รูดม่านให้ไปรวมกันอยู่ข้างหนึ่ง ทั้งสองต่างทอดสายตามองออกไปยังภูเขาเบื้องหน้า ซึ่งถูกแต่งแต้มอยู่ด้วยกลุ่มต้นโอ๊คและซีดาร์
อลิกซ์ได้ใช้เวลา 2-3 วันที่ผ่านมา ผสมสีที่จะใช้ ในการเขียนภาพให้มันมีสีสันคล้ายคลึงกับที่ธรรมชาติมอบให้มากที่สุด พยายามศึกษาทุกลายเส้นที่ขีดเขียนลงบนผืนผ้าใบ รายละเอียดความสลับซับซ้อนของสีที่เหลือบต่างระดับกันอยู่ แต่การลอกเลียนความงามของธรรมชามชาตินั้นมิใช่เรื่องง่ายเลย “
ใช่ค่ะมันสวยมากจริงๆ ฉันเพียงแต่หวังว่างานของตัวเองจะออกมาดีเท่านั้น”
เพราะเหตุใดนะเธอจึงได้ปล่อยให้คำพูดเหล่านั้นพลังออกมาจากปาก ทั้งที่เธอไม่เคยสงสัยในความสามารถของตนเอง ไม่เคยสงสัยในการตัดสินใจที่จะวาดภาพโดๆ ทั้งสิ้นโดยเฉพาะความมุ่งหวังตั้งใจในการที่จะให้ความรู้ในความเป็น
ศิลปินของตนเองเป็นเครื่องเลี้ยงชีพ มันเป็นความหวังที่เธอได้เก็บซ่อนไว้ในใจมีให้ใครๆ รู้นอกจากตัวเอง