บทที่ 2
ทันทีที่เธอเอ่ยถึงคำว่า “ ลูกของฉัน” ออกมา โจก็มีความรู้สึกเหมือนร่างของตนลอยลงมาตกกระแทกพื้นดินเข้าเต็มแรง ถ้าเธอพูดถึงลูก ก็ย่อมหมายความว่าเธอจะต้องมีสามี แต่เขาสังเกตเห็นสิ่งหนึ่งตั้งแต่ตอนที่เผชิญหน้ากันว่าเธอมิได้สวมแหวนแต่งงานไว้... แต่นั่นก็มิใช่เรื่องสำคัญอะไรแล้วสำหรับตอนนี้ ไม่มีผู้ชายคนไหนที่จิตใจเป็นปกติจะปล่อยให้ผู้หญิงสวยๆ อย่างนี้หลุดรอดมือไปได้แน่ เขามั่นใจในเรื่องนี้อย่างที่สุด
ใช่แล้ว ถ้าเธอมีลูก ย่อมหมายความว่าเธอมีสามีอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น มันก็ถึงเวลาที่สมควรจะต้องพูดจาอธิบายกันให้มันเป็นที่เข้าใจกันเสียที่ได้แล้ว
“เอ้อ... คุณนายครับ คือผม”
“นี่ เลิกเรียกฉันว่าคุณนายเสียที่ได้ไหม ขอเสียเถอะ ฉันไม่ใช่ยายแก่อายุ 75 นะและเวลาละเวลานี้ฉันก็ไม่ใช่มิสซิสสมิทอีกต่อไปแล้วด้วย เพราะฉะนั้นคุณจะเรียกฉันว่าอลิกซ์ก็ได้และเมื่อเราจะอยู่ด้วยกัน มันก็ไม่จำเป็นจะต้องมาเรียกกันอย่างเป็นงานเป็นการนักหรอก”
เธอบอกว่า...เธอไม่ได้เป็นมิสซิสสมิทอีกต่อไปแล้วอย่างนั้นรึ เขาหวังว่า คำตอบมันจะเป็นเช่นที่เขากำลังคิดอยู่ในใจขณะนี้
“อลิกซ์...เป็นชื่อย่อๆ ของอเล็กซิสหรือครับ”
“ไม่ใช่หรอก ชื่อเต็มๆ ของฉันคือ อเล็กซานดร้า” สายตาของเธอกวาดไปทั่วรูปร่างเนื้อตัวของเขา แต่แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นชาเย็นเหมือนสวมไว้ด้วยหน้ากาก และน้ำเสียงก็เย็นชาไม่แพ้กัน เมื่อกล่าวต่อว่า “ตอนนี้ฉันยอมรับว่าฉันจำเป็นจะต้องใช้บริการของคุณ แต่ฉันก็อยากจะพูดกับคุณอย่างตรงไปตรงมาด้วย ว่าในฐานะที่ฉันเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวอยู่ตามลำพังกับลูกเล็กๆ 2 คนฉันออกจะไม่ใคร่สบายใจนักที่จะต้องอยู่ร่วมบ้านกับผู้ชาย” เธออึ้งไปเป็นครู่ แต่แล้วก็กล่าวต่อว่า “อันที่จริงมันก็ออกจะแปลกๆ อยู่นะ ที่จะมีผู้ชายรูปร่างหน้าตาอย่างคุณเข้ามาทำงานในตำแหน่งอย่างนี้”
อ้อ...เรื่องนี้นั่นเอง...เธอจ้างนายโจคนนั้นเข้ามาทำงาน...แต่ทว่ามันเป็นงานในหน้าที่อะไรกันเล่า เห็นได้ชัดอยู่ว่าเวลานี้เธอกำลังมีความคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ซึ่งเขาจะต้องรีบตามให้ทันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเธอได้แสดงฐานะใบผู้หญิงที่แต่งงานแล้วให้ประจักษ์เช่นนี้
ตลอดเวลาหลายเดือนที่เขาต้องอยู่เบื้องหลังลูกกรง เหล็กนั้น เขาแทบจะไม่เคยคิดถึงสิ่งใดนอกเหนือไปจากการเปลี่ยนแปลงสภาพชีวิตให้เป็นไปอีกรูปแบบหนึ่งภายหลังที่อิสรภาพอีกครั้ง เหนือสิ่งอื่นใด เขาคิดถึงทางเลือกอันแรกที่จะเข้ามาถึงตัว มันจะเป็นโชคดีหรือโชคร้ายก็ตามที่ทำให้เราได้พบเธอเป็นคนแรก และเธอก็ได้กลายเป็นทางเลือกสายแรกสำหรับเขาไปเสียแล้ว
บางทีเธอผู้มีนามว่าอลิกซ์คนนี้อาจจะซื้อบ้านหลังนี้มาจากสามีภรรยาเฟอร์เรลล์กระมัง หรือเธออาจจะเป็นเพื่อนของคนคู่นั้น ก็ได้เป็นใครอีกคนหนึ่งที่จะทำให้เขาสามารถติดตามหาตัวน้องชายจนพบได้ก็เป็น แต่เพียงแสดงบทบาทตามที่นายโจตัวจริงได้กำหนดขึ้นไว้ก็พอแล้ว เพราะมองเห็นชัดๆ อยู่แล้วว่ามันไม่ได้มีทางเสียหายอะไรเลย บางทีมันอาจจะได้ประโยชน์เสียด้วยซ้ำ
เขารู้ว่าเธอกำลังพูดอะไรบางอย่าง แต่อาจจะเป็นเพราะความหมกมุ่นครุ่นคิดทำให้เขาได้ยินที่เธอพูดไม่ถนัด “ขอโทษครับ คุณอลิกซ์ ผมฟังไม่ถนัดว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ช่วยพูดซ้ำอีกทีได้ไหมครับ”
“ฉันบอกว่า ฉันจะขอบใจมากถ้าคุณไม่ยืนจ้องหน้าฉันอยู่อย่างนั้น มันเป็นกิริยาที่หยาบคายมากแล้วก็เป็นการทำตัวอย่างที่ไม่ดีให้ลูกฉันเห็นด้วย”
สัญชาตญาณกระมังที่ทำให้โจกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง
“โอ...ขอโทษครับ”
“คุณดื่มเหล้าหรือเปล่า” เธอถามเสียงแหลม
“ไม่เลยครับ คุณนาย...เอ้อ...คุณอลิกซ์ว่า แต่คุณช่วยบอกหน่อยได้ไหมครับว่าผมมีหน้าที่จะต้องทำอะไรบ้าง”
“ อะไรกัน...คุณไม่รู้จริงๆน่ะหรือ”
เอ...คุณผู้หญิงสาวสวยคนนี้ต้องการอะไรกันแน่นะถ้าจะพูดกันจริงๆ แล้ว เขาอยากจะบอกให้เธอรู้เหลือเกินว่าเขาสามารถจะทำอะไรให้เธอได้บ้าง เช่น สยายเรือนผมหยักศกสวยนั้นลงบนหมอน...ประทับจุมพิตลงบนเรียวปากอิ่มเต็มลิ้มรสหวานจากการเสพย์สมให้กับเธอ
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่รวยรินจากเรือนกายกรุ่นอยู่ได้จมูกนั้น ทำให้เรามีอารมณ์เหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะแรกรู้จักกับความรักและการแสดงบทบาทว่าตนเองเป็นคนอื่นมันก็มิได้ทำให้เรื่องดูง่ายขึ้น แต่อย่างใด แต่จะอย่างไรก็ตาม เขาจำเป็นจะต้องปล่อยให้เธอพูดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้อย่างแน่ใจชัดว่า เขามีหน้าที่ที่จะต้องทำอย่างไรให้เธอบ้าง “ นี่คุณกำลังจะบอกว่า คุณนจำอะไรไม่ได้เลยงั้นหรือคะ "
เธอเชิดหน้า มือทั้งสองข้างเท้าสะเอวเช่นในตอนแรกอีก
นั่นก็แสดงว่าเธอรู้อยู่แก่ใจว่าทำอย่างไรจึงจะเรียกความสนใจจากเขาได้ ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนยั่วให้เขาบังเกิดความสนใจใคร่รู้ในตัวเธอเช่นผู้หญิงคนนี้มาก่อนเลย
“เอ้อ...บังเอิญผมยังไม่เข้าใจอยู่บ้าง แล้วก็หลงลืมไปบ้างนะครับ คุณจะช่วยกรุณา...”
“เอ...นี่ฉันตัดสินใจผิดหรือถูกกันแน่นะ” เธอรำพึงออกมาดังๆ และหันมาประสานสายตาอยู่กับเขา “ก็ฉันพูดตั้งแต่แรกแล้วไงล่ะว่า ฉันต้องการให้คุณมาดูแลทำความสะอาดบ้านมาช่วยทำอาหาร ช่วยดูแลลูกให้ฉัน แล้วก็สอนให้แกรู้จักขี่ม้ารู้จักการใช้ชีวิตภายในไร่ มันก็แค่นั้น”
อลิกซ์พูดถึงหน้าที่นั้นออกมาในลักษณะรวม ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มันมีงานมากมายรวมอยู่ในหน้าที่ที่เธอพูดออกมาอย่างไรบ้าง
“ตอนนี้คุณพอจะจำได้หรือยังล่ะ” เธอถาม
“ก็...ได้แล้วครับ”
“อันที่จริงนะ ถ้าไม่เป็นเพราะว่าคุณมีความรู้ทางด้านการทำไร่ปศุสัตว์อยู่บ้างละก้อ ฉันคงจะขอยืนยันที่จะเอาแม่บ้านที่เป็นผู้หญิงแล้วละและคุณก็คงรู้นะว่า ถ้าคุณเป็นผู้หญิงละก็เราคงจะไม่ต้องมานั่งพูดจาจำไซกันอยู่อย่างนี้หรอก”
ซึ่งมันทำให้โจอดยิ้มออกมากับคำพูดของเธอไม่ได้
“คุณนายสมิทครับ ผมคิดว่าคุณคงไม่ถือในเรื่องเพศหรอกนะครับ”
“คุณจะคิดยังไงมันก็เรื่องของคุณไม่เกี่ยวกับฉัน” ดูเหมือนเธอกำลังใช้ความพยายามระงับความรู้สึกขบขันที่จุดประกายขึ้นในดวงตาชั่วแวบหนึ่ง แต่กระนั้นโจก็ยังสังเกตเห็นได้ เขาเห็นเธอเชิดหน้าขึ้นอีกครั้ง ราวกับการแสดงท่าเช่นนั้น จะทำให้คำพูดของเธอดูมีน้ำหนักขึ้น “ตราบใดที่คุณจดจำได้ว่าที่นี่ใครใหญ่เท่านั้น”
“ผมคิดว่า...จำได้แน่นอนเลยครับ” โจเน้นเสียง
“ก็ดีแล้ว” สีหน้าของเธออ่อนโยนลง แววในดวงตาฉายแสงแห่งความโล่งใจออกมาให้เห็นได้ชัด “เอาละงั้นคุณก็ตามฉันไปหลังบ้านสิ ฉันจะได้ชี้ให้ดูว่าที่พักของคุณอยู่ตรงไหน”
ซึ่งคำพูดประโยคนี้ของเธอ ทำให้ใจมีความรู้สึกเหมือนคนตายแล้ว และดวงวิญญาณได้ลอยขึ้นสู่สวรรค์
“ได้ครับ เจ้านาย”
เขาได้ใช้เวลา 12 เดือนกับอีก 4 วันจมอยู่กับความคิดทบทวนกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีต และครุ่นคิดไปถึงอนาคตในวันข้างหน้า ตลอดเวลานั้น เขาได้ใช้เวลาในแต่ละวันที่ผ่านไปราวกับว่ามันเป็นวันสุดท้ายแห่งชีวิตไม่มีผิด ทำให้เวลาในแต่ละนาที่มีความหมายอย่างยิ่งยวดและเมื่อมาถึงนาที
นี้ กับผู้หญิงที่มีความเป็นพิเศษคนนี้ เขามีความรู้สึกว่าความปรารถนาอันลึกล้ำในหัวใจได้ถูกปลุกเร้าให้ตื่นขึ้นซึ่งมันสร้างความสะท้านสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย
เธอได้แสดงความกล้าหาญออกมาให้เขาเห็น โจครุ่นคิดอยู่ในใจ แต่ทว่าสิ่งที่เขาได้เห็นอยู่ในดวงตาคู่สวยนั้นมันมีใช่ความกล้าหาญอะไรเลย เขาพอจะสังเกตเห็นความอ่อนแอที่เธอได้ใช้ความพยายามอย่างมากที่จะปิดบังมิให้เขาเห็นอยู่เพราะฉะนั้น...เขาจะต้องอยู่ช่วยเธอ อย่างน้อยก็จนกว่านายโจตัวจริงคนนั้นจะเดินทางมาถึง