บทที่ 9 หลี
“ไม่เป็นไร แกพูดยังงี้ได้ไงวะ แกไม่ห่วงฉันเลยเหรอไอ้ติ แกอยากให้เพื่อนแกขายทั้งตัวเหรอ ฉันไม่คิดเลยนะว่าแกจะมีความคิดชั่วๆ ยังงี้” นิสาลักษณ์ระเบิดอารมณ์ใส่เพื่อน สายตาที่จ้องหน้าเพื่อนหนุ่มนั้นขุ่นขวาง
“ใจเย็นๆ ฉันล้อเล่น ฉันไม่ได้คิดยังงั้น ฉันเป็นห่วงแก ห่วงมากด้วยถ้าเจอไอ้พวกเสี่ยราคะพวกนั้น แกบอกมาว่าไอ้เสี่ยบ้ากามมันอยู่ไหน ฉันจะไปชกหน้ามัน สั่งสอนให้มันรู้ว่าพวกเราขายแต่งาน”
กิตติวางแก้วกาแฟลุกขึ้นเดินมาหานิสาลักษณ์ที่โต๊ะ วนัชมองทั้งคู่แล้วว่า
“แกก็ใจเย็นๆ ฟังลักษณ์พูดให้จบก่อน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วละเราต้องบอกพี่ดล”
นิสาลักษณ์หันมามองวนัช หล่อนลืมคิดถึงดลมนัสเจ้าของบริษัทไปเสียสนิทเพราะความโกรธที่ถูกเสี่ยบ้ากามดูถูกหล่อนคิดว่าหล่อนเป็นผู้หญิงใจง่ายขายงานพร้อมกับเรือนร่าง หล่อนอดกลั้นยิ้มรับคำพูดลวนลามและสายตาโลมเลียของเสี่ยใหญ่แล้วนำเรื่องทั้งหมดมาบอกดลมนัสเรื่องคงไม่จบแบบนี้ งานที่หล่อนทำมาเกือบสองอาทิตย์ต้องวางทิ้งบนโต๊ะซ้ำร้ายบริษัทขาดลูกค้ารายใหญ่ไปด้วย
“เออว่ะ ลืมคิดถึงพี่ดลไปเลย” กิตติเห็นด้วยกับวนัช เขาหันมามองเพื่อนหนุ่มแล้วหันกลับไปที่เพื่อนสาวอีกครั้ง
“แกไปหาพี่ดล เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พี่ดลน่าจะช่วยแกได้”
“ไม่ต้องแล้ว ฉันฟาดหัวไอ้เสี่ยนั่นไปแล้ว”
“เฮ้ย!” กิตติถอยห่างโต๊ะเพื่อน
“แกทำอะไรลงไปยัยลักษณ์ เขาไม่ตามมาฟ้องแกถึงบริษัทเหรอวะ”
“ให้มันมาฟ้องทีเถอะฉันจะเอาคลิปกับเสียงมันส่งตำรวจ มันกลัวเรื่องถึงหูเมียมัน มันไม่กล้าเสี่ยงกับฉันหรอกเชื่อเถอะ”
“ลักษณ์ เสี่ยมันไม่แค้นเหรอ”
“คงแค้นแต่ฉันไม่สน”
“ระวังตัวบ้างก็ดี คนอย่างนั้นไม่ปล่อยให้เสียหน้าหรอก คืนนี้มีงานรึเปล่าถ้าไม่มีก็กลับบ้านอย่าอยู่ดึก”
วนัชเป็นห่วงเพื่อนอย่างบอกไม่ถูก เขารู้จักเสี่ยที่นิสาลักษณ์เอางานไปขายให้และรู้มาว่าเสี่ยคนนี้ชอบเด็กสาว เสี่ยพร้อมจ่ายถ้าหญิงสาวยอมทอดกายให้เชยชม เมื่อนิสาลักษณ์ไม่ยอมให้ชมและหล่อนยังทำร้ายเขาต่อหน้าลูกน้อง เขาคงไม่ยอมรามือ
“ขอบใจที่เป็นห่วงฉัน แต่มันไม่กล้าหรอกนัช”
“เชื่อไอ้นัชมันก็ดีนะลักษณ์ เย็นนี้แกกลับบ้านก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
“แกก็กลัวอีกคนรึไงติ ไอ้เสี่ยอู๊ดมันไม่กล้าหรอกน่ะ ฉันไม่กลัวมันด้วย ฉันจะทำงานกับพวกแก ถ้าแกเป็นห่วงก็ขับรถตามไปส่งฉันที่บ้าน โอ.เค.นะ”
หล่อนหันมายิ้มกับวนัชแล้วหันไปยักคิ้วกับกิตติก่อนจะยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม วนัชมองเพื่อนสาวแล้วมองกิตติ
“ไอ้ติ ส่งยัยลักษณ์ที่บ้านด้วย พรุ่งนี้ฉันไปส่งเอง”
“เออ มันดื้อยังงี้สิถึงหาผัวไม่ได้ซักที” กิตติว่าให้เพื่อนสาว นิสาลักษณ์ถึงกับสำลักกาแฟ
“ไอ้บ้า มันเกี่ยวอะไรกันวะ”
เสียงหัวเราะดังขึ้น ความเครียดในสมองของนิสาลักษณ์คลายลงไปเกินครึ่ง หล่อนคิดถึงความรักแต่เพราะความไม่จริงใจของชายหนุ่มที่หล่อนมอบใจให้ทั้งดวงไม่มีให้หล่อน เขาหวังเพียงเรือนร่างและเงินในกระเป๋าของหล่อนเท่านั้น หล่อนจึงจำเป็นต้องตัดเขาออกจากใจแม้จะเจ็บปวดสักปานใดก็ตาม
ผู้หญิงเรียบร้อยกลายเป็นคนร่าเริงสนุกสนานกล้าพูดกล้าทำและไม่ยอมให้ผู้ชายเอาเปรียบหล่อนและหล่อนไม่เอาเปรียบใครเช่นกัน…
ไฟในออฟฟิศดลมนัสสว่างพรึบขึ้นหลังจากดับไปเกือบ 5 นาที เสียงหัวเราะในห้องทำงานของวนัชเงียบลง ดลมนัสเดินเข้ามาในออฟฟิศพอดี
“วรรณ เข้ามาหาพี่ด่วนพร้อมเอกสารงาน” เขาเรียกวรรณาเข้าพบในห้องทำงานส่วนตัวซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องของกิตติ
ด้านนอกเป็นโถงรับแขกมุมหนึ่ง อีกมุมเป็นโต๊ะสำหรับทานอาหารของคนในออฟฟิศ ส่วนหน้าห้องกิตติกับดลมนัสเป็นโต๊ะทำงานของวรรณาเลขาฯประจำออฟฟิศและสิรีพรกับมานพ ประชาสัมพันธ์บริษัท รับส่งเอกสารและทั่วไปของบริษัทซึ่งตำแหน่งท้ายนี้มานพรับเพียงคนเดียว
วรรณาหอบแฟ้มเอกสารเข้าไปในห้องดลมนัส ครู่ใหญ่ก็กลับออกมา หล่อนเดินผ่านโต๊ะสิรีพรเลยไปที่ห้องกิตติ ดลมนัสเรียกฝ่ายออกแบบทั้งหมดเข้าพบโดยด่วน
“พี่ติ พี่นัช พี่ลักษณ์ พี่ดลเรียกค่ะ เดี๋ยวนี้ค่ะ” วรรณาโผล่เข้ามาในห้องหลังจากเคาะประตูสองครั้ง
“พี่ดลมาแล้วเหรอ”
“ค่ะ ท่าทางไม่ดี ไม่ยิ้มเลยค่ะ” วรรณากระซิบแล้วถอยกลับออกไป
กิตติมองหน้าวนัชแล้วหันไปมองนิสาลักษณ์
“เรื่องของแกรึเปล่าวะลักษณ์”
“ไม่รู้สิ ไปเจอหน้าพี่ดลเดี๋ยวก็รู้” นิสาลักษณ์ลุกจากเก้าอี้ หล่อนไม่กลัวเจ้านายดุ หล่อนพร้อมจะพูดความจริงทุกอย่าง
วนัชผลักประตูเข้าไปในห้องเจ้านายเมื่อเคาะประตูขออนุญาตแล้ว นิสาลักษณ์ตามติดปิดท้ายด้วยกิตติ ทั้งสามเดินเข้าไปยืนหน้าโต๊ะทำงานของดลมนัส
“ยังไม่ต้องนั่ง ไปนั่งที่โต๊ะรับแขก” ดลมนัสชี้มือไปที่โต๊ะรับแขกซึ่งจัดไว้ติดผนังกระจกใส สามารถมองออกไปด้านนอกเห็นตึกระฟ้าและบ้านเรือนใกล้กับตึกที่บริษัทเช่าอยู่
ทั้งสามเดินไปนั่งคนละมุม รอเจ้านายด้วยอาการสงบนิ่ง ดลมนัสวางปากกาแล้วดึงแฟ้มสีน้ำเงินออกจากกองใหญ่เดินมาที่โต๊ะรับแขก เขานั่งเก้าอี้ว่างตัวยาว วางแฟ้มลงบนโต๊ะกระจกตรงกลางเปิดแฟ้มรวดเร็วแล้วชี้มือลงบนหน้ากระดาษที่เปิดไว้
“จดหมายด่วนจากเสี่ยอู๊ด ลูกน้องเขาส่งให้พี่ตอนที่พี่ลงจากรถ คิดว่าใครจะเข้ามาจี้ซะแล้วท่าทางมันยังกับโจร” หนุ่มใหญ่พูดติดตลก ใบหน้าเคร่งขรึมคลายลง
“มันไม่โทร.รายงานพี่ดลเองเหรอคะ” นิสาลักษณ์รู้ทันทีว่าจดหมายด่วนในเมล์ของเสี่ยอู๊ดส่งให้ดลมนัสเรื่องอะไร
“ไม่ จากข้อความในจดหมายเขาโกรธแกมากนะลักษณ์ แกทำอย่างจดหมายรึเปล่า”
“พี่ฟังเสียงจากโทรศัพท์ลักษณ์เองดีกว่า ลักษณ์ไม่อยากเล่ายิ่งเล่ายิ่งแค้นอยากฆ่าคน”
นิสาลักษณ์วางโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะพร้อมกับเปิดเสียงที่หล่อนแอบอัดไว้ หล่อนไม่เปิดให้วนัชกับกิตติฟังเพราะหล่อนเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟังด้วยตัวเอง ความโกรธมีทางระบายไปได้รอบหนึ่งแล้ว
แม้จะฟังจากปากของหญิงสาวแล้วแต่กิตติกับวนัชก็ได้ยินคำพูดไม่น่าฟังจากคลิปเสียงในโทรศัพท์อีกรอบรู้สึกโกรธแทนเพื่อนสาว ดลมนัสมองหน้านิสาลักษณ์แล้วปิดแฟ้ม
“พี่ไม่ต้องอ่านจดหมายนี่แล้วสิ ทีนี้แกจะทำยังไงถ้าเขาเรียกค่าเสียหายจากบริษัทเรา”
“ให้มันมาเถอะพี่ ลักษณ์จะตอกหน้ามันให้หงายแต่ลักษณ์ว่ามันไม่กล้าหรอก มันรู้ว่ามันผิด”
“แต่มันไม่รู้ว่าพี่รู้ความเลวของมันนี่ แกเตรียมตัวไว้พี่จะนัดมันมาเจอพรุ่งนี้”
“เย็นนี้เลยพี่” นิสาลักษณ์ใจร้อน หล่อนอยากเห็นหน้าเสี่ยหื่นกามว่าจะทำอย่างไรถ้าได้ยินความบัดซบของตัวเองในโทรศัพท์
“ขืนให้มาตอนนี้แกจะทนไหวเหรอ ขนาดที่โรงแรมแกยังฟาดด้วยแฟ้ม ที่ห้องพี่มีไม้หน้าสามบนโต๊ะนะโว้ย”
“ตายง่ายดีไงพี่” หล่อนตอบเร็วปรือ
“ไอ้บ้า” กิตติว่าเพื่อนสาว หล่อนถึงกับหัวเราะก๊าก
“ฉันไม่กล้าทำหรอกน่ะ กลัวติดคุก ให้ตำรวจจัดการดีกว่า”
“พี่จะให้แกคุยกับเขาดีๆ ถ้าตกลงกันได้ งานแกไม่ต้องทิ้งขยะ”
“ลักษณ์ไม่ยอมทิ้งหรอกพี่ ลักษณ์จะเอาไปขายให้ญาติๆ กัน ราคาต่ำลงมาหน่อยไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“เออ ยังไงพรุ่งนี้คุยกับเสี่ยอู๊ดก่อน”
“ได้ค่ะ ถ้ามันคุยรู้เรื่องนะพี่”
“ฉันคุยเอง แกไม่ต้องเจอหน้ามัน” วนัชเอ่ยออกมา เขามองหน้าเพื่อนสาวแล้วหันไปที่ดลมนัส