บทที่ 6 กลัว
“แม่บอกอายังงั้นเหรอคะ”
“ใช่ลูก ถ้านายจามรไม่ตายกับน้ำ อานี่แหละจะฆ่ามันเอง มันกล้าทำร้ายหลานสาวคนเดียวของอามันสมควรตาย”
“ใช่ มันสมควรตาย” เสียงแทรกรวดเร็วและรุนแรง พลอยดาวหันขวับ ด้านหลังของเธอไม่มีใครอยู่นอกจากน้ำอ้อยที่กำลังยกถาดน้ำดื่มมารับแขก น้ำอ้อยมองหน้านายสาว
“มีอะไรเหรอคะคุณพลอย”
“เมื่อกี้พูดอะไร”
“เปล่านี่คะ หนูเพิ่งเข้ามา ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
“มีอะไรเหรอพลอย” ทรงกลดมองหน้าหลานสาว ท่าทางของพลอยดาวเหมือนได้ยินเสียงของใครสักคน
“เปล่าค่ะ อาโทร.บอกแกเหรอภูมิ ธัญ” หญิงสาวหันมามองเพื่อนรัก ภูมิพันธุ์ส่ายหน้า
“เปล่า ฉันโทร.มาถามงานกับอากลดก็เลยรู้เรื่อง ฉันโทร.บอกยัยธัญแล้วก็มาหาแกนี่แหละ”
“ที่อากลดเล่าเป็นความจริงเหรอพลอย พ่อเลี้ยงแกลวนลามแกจริงเหรอ” ธัญญาจับมือเพื่อนบีบเบาๆ
“ฮื่อ..”
“เลวจริงๆ ฉันอุตส่าห์นับถือ”
“เขาตายไปแล้วอย่าไปว่าเขาเลย อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ทำอะไรฉันนอกจากฉุดกระชากลงสระแค่นั้นเอง”
“ถ้าเขาไม่เป็นตะคริวตายซะก่อนแกจะเป็นยังไง อ้อยก็หลับไม่รู้เรื่องไม่ได้ยินเสียงแก” ภูมิพันธุ์โกรธแทนเพื่อนสาว
“เออน่ะเรื่องมันผ่านไปแล้วอย่าพูดถึงเลย อากลดคะไปวัดกันเถอะค่ะ”
“ไปสิ”
ทรงกลดลุกจากเก้าอี้ก่อนเด็กๆ เขามองไปรอบๆ ห้องโถงแล้วเดินไปที่ประตูทางออก ธัญญาเดินตามหนุ่มใหญ่ ภูมิพันธุ์หันมามองพลอยดาวแล้วพยักหน้า เธอจึงก้าวนำเขาออกไป
เพ็ญศรีนั่งนิ่งงันกับข่าวร้ายที่ไฝพ่นจนเกินความเป็นจริงให้ฟังหลังจากที่กลับเข้าบ้านไม่ถึงนาที ข่าวการตายของจามรทำให้ความสุขของหล่อนอันตรธานหายไปในพริบตา
“คุณนายขา นายจามรตายแล้วค่ะ จมน้ำในสระหลังบ้านแต่ไปตายที่โรงพยาบาลค่ะ ตอนที่อิฉันไปดูนะคะน่ากลั๊วน่ากลัวค่ะคุณนาย”
“พอได้แล้ว แกจะไปไหนก็ไป”
“แต่..คุณนายคะ”
“ฉันบอกให้ออกไป” นายใหญ่ของบ้านตวาดเสียงแข็ง ไฝหุบปากสนิทแล้วถอยออกห่าง
เพ็ญศรีเดินขึ้นชั้นบน เข้าห้องนอนด้วยความรู้สึกหวาดกลัวกับบางสิ่งบางอย่างที่ติดค้างอยู่ในใจ หล่อนไม่อยากคิดถึงความเลวร้ายที่เกิดจากความโลภของหล่อน ความอิจฉาริษยาในตัวลูกเลี้ยงที่ไม่เคยมีพิษภัยกับหล่อนแม้แต่น้อย
หล่อนพยายามลืมเรื่องเก่าๆ หลังจากที่สามีคนที่สองเสียชีวิตด้วยฝีมือของหล่อน ความกลัวบาปก็แล่นเข้ามาปลุกเร้าหัวใจของหล่อนอยู่ตลอดเวลา หล่อนกลายเป็นคนอยู่บ้านไม่ติดตระเวนทำบุญเกือบทุกวัดที่ผ่านไปเห็นและคิดอยากไปทำแต่ถึงกระนั้นความผิดที่เกาะแน่นอยู่ในใจก็ไม่ได้จางหาย มันตอกย้ำทุกครั้งที่ได้ยินข่าวการเสียชีวิตของคนรอบข้างโดยเฉพาะคนที่หมดลมหายใจในน้ำ
สาวใหญ่เข้ามานั่งสงบนิ่งอยู่หน้าองค์พระพุทธรูปในห้องพระ หล่อนกราบไหว้วิงวอนให้พระช่วยลดความร้อนรุ่มในอกให้จางลงบ้างแต่มันกลับรุนแรงกับข่าวที่ได้ยิน
“ฉันหนีมาไกลถึงที่นี่แต่มันก็ยังตามมาหลอนฉัน ฉันต้องทำยังไงมันถึงจะจบสิ้นซะที” เพ็ญศรีเอ่ยต่อหน้าองค์พระ ใบหน้าหมองเศร้า ดวงตาแห้งผาก
“ฉันทำบุญกับเด็กพิการเด็กจรจัด เพื่อไถ่บาปที่ทำกับเขาไว้แต่ทำไมเขาไม่ยอมรับรู้กับสิ่งที่ฉันทำ ไม่รับรู้ว่าฉันเสียใจ ฉันต้องทนทุกข์กับบาปในใจอีกนานแค่ไหน”
เสียงที่ลอดริมฝีปากบางออกมาเบาหวิว น้ำตาที่ไม่เคยหยาดรินมานานเอ่อล้นขอบตาแห้ง ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีเสียงครวญครางเจ็บปวดมีเพียงน้ำตาหยดลงสู่หลังมือขาวซีดทีละหยดๆ จนเปียกชุ่ม
ร่างสงบนิ่งขยับเล็กน้อยแล้วก้มลงกราบองค์พระช้าๆ แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องมาเงียบๆ แสงไฟในห้องพระดับวูบ ประกายแสงสุดท้ายสะท้อนวาบที่ใบหน้าองค์พระพุทธรูปเปล่งประกายวับ รอยยิ้มอ่อนโยนยังคงอยู่เช่นเดิม
“แม่คะ ไปอยู่ที่ไหนมาเนี่ย ดาตามหาจนทั่วบ้าน” ดาลัดเดินเข้ามาหาแม่ที่เพิ่งก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้าย
“มีอะไร ขอเงินอีกละสิ แกเพิ่งกลับเข้าบ้านไม่ใช่เหรอยัยดาแล้วจะออกไปไหนอีก เที่ยวมาทั้งวันไม่พอรึไง” เพ็ญศรีหงุดหงิดกับลูกสาว หล่อนเดินไปนั่งเก้าอี้รับแขก ดาลัดเดินตาม
“แม่คะ ฟังดาก่อนสิเอะอะก็ว่าเอาๆ ทีพี่ชยาไม่เห็นบ่น ป่านนี้ยังไม่กลับเห็นมั้ยละคะ” หญิงสาวแย้งแม่แล้วค้อนขวับ
“มีอะไรกับแม่” สาวใหญ่หันมาจ้องหน้าลูกสาว ดาลัดไม่ขอเงินถ้าอย่างนั้นลูกของหล่อนมีปัญหาอะไรจึงตามหาหล่อน
“แม่รู้เรื่องบ้านน้าพาณีรึยังคะ น้าไฝเล่าให้ดาฟัง ดาอยากไปงานศพน้าจามร อยากไปดูหน้านังพลอยดาว มันจะทำหน้ายังไงที่เพราะมันเป็นต้นเหตุให้น้าจามรต้องตาย”
“หยุดนะ แกไม่มีสิทธิ์ไปใส่ร้ายใคร หนูพลอยไม่ได้เป็นต้นเหตุอย่างที่แกเข้าใจ ทุกอย่างมันเป็นไปตามกรรม ถ้าจะพูดให้ชัดจามรตายเพราะเป็นตะคริว ไม่มีใครช่วยต่างหาก”
“แม่รู้ได้ยังไง น้าไฝบอกดาว่ายัยพลอยมันผลักน้าจามรตกน้ำ”
“แกไปฟังอะไรนังไฝมัน นังนี่มันใส่สีทุกเรื่องไม่รู้จักมันรึไง แล้วนี่มันอยู่ไหนเรียกมันมาแม่จะทำโทษมัน ปากมากดีนัก” เพ็ญศรีโกรธคนรับใช้จนไม่สามารถอยู่นิ่งได้ หล่อนไม่เคยโกรธไฝมากเท่านี้มาก่อน ดาลัดจ้องหน้าแม่อย่างไม่เข้าใจ
“แม่คะ เป็นอะไรคะ โกรธน้าไฝทำไม น้าไฝพูดความจริงไม่ใช่เหรอ”
“มันโกหกแกอย่าไปฟังมันมากนัก หนูพลอยไม่ใช่คนอย่างที่พวกแกคิดหรอกน่ะ”
“แหม. เอ็นดูซะจริง ทำไมไม่รับมาเป็นลูกเลยล่ะ”
“ยัยดา แกอย่าพูดยังงี้นะ คนดีก็บอกว่าดี คนชั่วก็บอกว่าชั่ว ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแกแล้วอย่าว่าคนอื่นอีกถ้าแกอยากไปงานศพเย็นนี้แม่จะพาไปแต่ถ้าแกพูดอะไรให้หนูพลอยไม่สบายใจแม่จะพาแกกลับทันที”
“ค่ะ” ดาลัดรับคำกับแม่แต่สายตามีแววเจ้าเล่ห์ หล่อนจะทำให้พลอยดาวกลายเป็นแม่มดเต้นเร่าๆ ในงานให้แขกดู
“ถ้างั้นเตรียมตัวแล้วอย่าแต่งตัวให้มันน่าเกลียดล่ะไอ้กางเกงสั้นจู๋ กระโปร่งนั่งทีเห็นแก้มก้นน่ะอย่าใส่เชียวนะถ้าไม่เชื่อแกโดนดีแน่”
ความร้ายกาจในตัวของเพ็ญศรีมีเป็นระยะหากลูกๆ หรือคนรับใช้ไม่ทำตามคำสั่งของหล่อน แต่หล่อนพยายามเลี่ยงการใช้อารมณ์แม้มันจะยากเต็มทีก็ตาม
ดาลัดสะบัดหน้ากับคำสั่งของแม่ หล่อนตั้งใจจะใส่กระโปรงสีดำเหนือเข่ากับเสื้อรัดรูปแขนเว้าไปโชว์สัดส่วนงดงามของหล่อนอยู่ทีเดียว หล่อนอยากโชว์ให้ผู้ชายทั้งหนุ่มและไม่หนุ่มหันมาจ้องหล่อนเพียงคนเดียวแต่แม่ก็สั่งห้าม ทำไมแม่ต้องห้ามด้วยนะ ดาลัดหงุดหงิดในใจเดินกระทืบเท้าออกไป