บทที่ 3 จมน้ำ
“สวัสดีค่ะ”
“ป้าอบ แม่ล่ะ” พลอยดาวจำเสียงคนรับได้รู้ว่าไม่ใช่แม่ของเธอ
“คุณณีอยู่ในห้องอบตัวค่ะ คุณพลอยมีอะไรคะป้าจะไปเรียนให้ค่ะ”
“ป้า อาจามรจมน้ำในสระ ฉันโทร.หาแม่ก็ไม่รับ ป้ารีบบอกแม่กลับบ้านเดี๋ยวนี้ ฉันจะโทร.บอกตำรวจ”
“เอ่อ..ค่ะๆ จะบอกเดี๋ยวนี้ค่ะ” อบเชยรับคำสั่งเสียงสั่น จามรจมน้ำในสระ ให้บอกพาณีเดี๋ยวนี้ พลอยดาวจะแจ้งตำรวจ สมองของแม่บ้านสับสนแต่ก็วิ่งเข้าไปหาเจ้าของร้าน
“คุณคะ บอกคุณณีให้ป้าที ทางบ้านมีเรื่องด่วนค่ะให้กลับเดี๋ยวนี้ค่ะ”
“จ้ะป้า” เจ้าของร้านเสริมสวยทำตามอบเชยขอเพราะสีหน้าซีดไร้สีเลือดของแก
พาณีวิ่งหน้าตื่นออกมา หล่อนยังสวมผ้าถุงรัดอกอยู่ หล่อนไม่สนใจกับตัวเองเท่าคำว่าทางบ้านมีเรื่องด่วน สิ่งแรกที่หล่อนคิดถึงคือพลอยดาวลูกสาวคนเดียวที่หล่อนรักดั่งดวงใจ
“ป้าอบ ใครเป็นอะไร ยัยพลอยเป็นอะไร” สาวใหญ่ถามรัวเร็ว
“คุณณีเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบไปเถอะค่ะเพราะป้าก็ยังไม่รู้แน่ชัด คุณพลอยโทร.มาบอกให้รีบกลับค่ะ” อบเชยไม่กล้าพูดความจริงว่าจามรจมน้ำในสระ แกกลัวพาณีจะเป็นลมก่อนจะกลับถึงบ้าน
พาณีเปลี่ยนเสื้อผ้าภายใน 5 นาที แสนออกรถตามคำสั่งนายสาว ระหว่างทางความร้อนรนใจหัวใจทำให้พาณีนั่งนิ่งเฉยไม่ได้หล่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทร.เข้ามือถือจามร ไม่มีคนรับสายจึงกดเข้าเบอร์บ้าน ไม่มีคนรับสายอีกเช่นกัน หล่อนกลืนน้ำลายลงคอแล้วกดเข้ามือถือของพลอยดาว…
รถตำรวจ 2 คันจอดขวางประตูทางเข้าบ้านขณะที่รถพยาบาลแล่นสวนออกไป แสนชะลอรถเมื่อเห็นเพื่อนบ้านออกันอยู่เต็มทั้งด้านหน้าและด้านในรั้วบ้าน ประตูรถด้านที่พาณีนั่งเปิดออกทั้งที่รถยังจอดไม่สนิท เจ้าของบ้านก้าวลงจากรถวิ่งไปที่ประตูรั้ว สีหน้าตื่นตระหนก
“เกิดอะไรขึ้นคะ ใครเป็นอะไร ลูกฉันอยู่ไหน” พาณีตั้งคำถามรัวและไม่รอคำตอบจากคนที่หล่อนถาม หล่อนวิ่งเข้าไปในบ้าน
“พลอย พลอย พลอยอยู่ไหนลูก พลอย” สาวใหญ่วิ่งเข้าบ้านสายตากวาดไปทั่วห้องโถงรับแขกขณะปากตะโกนเรียกชื่อลูกสาว หัวใจของหล่อนเต้นรัวเร็วเช่นคำพูดที่ดังออกมา
“พลอย พลอย”
“แม่!” พลอยดาวโผถลาเข้าหาอ้อมแขนของแม่ น้ำตาไหลริน
“พลอย เป็นอะไรลูก เป็นอะไร แม่กลับมาแล้วลูก แม่กลับมาแล้ว ไม่มีอะไรแล้วลูก ไม่มีอะไรแล้ว” สาวใหญ่พร่ำย้ำคำปลอบโยนทั้งที่ยังไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ้านของตนเอง
ความกลัวของหล่อนคลายลงเมื่อเห็นหน้าลูกสาวเพราะอย่างน้อยหล่อนก็รู้ว่าลูกสาวของหล่อนปลอดภัย อ้อมแขนของหล่อนรัดร่างลูกสาวแน่น ขณะเดียวกันอ้อมแขนของลูกก็กอดหล่อนแน่นเช่นกัน
“แม่ อาจา..” พลอยดาวรวบรวมพลังลมหายใจเป็นจุดเดียว เธอต้องบอกแม่ก่อนตำรวจจะพูด
“มีอะไรเหรอลูก” พาณีดันร่างลูกสาวออกห่างพลางจ้องหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดของลูกสาว
“อาจา..เอ่อ..” หญิงสาวพูดไม่ได้ชั่วครู่ พาณีกะพริบตาถี่เมื่อลูกสาวมองหน้าหล่อนนิ่ง
“อาจาทำไมลูก เขาทำอะไรลูก เขาทำร้ายลูกเหรอ แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหน” ความกลัวแผ่ซ่านเข้าสู่หัวใจอีกครั้ง สามีใหม่ของหล่อนทำอะไรลูกสาวคนเดียวของหล่อนอย่างนั้นหรือ สาวใหญ่จับต้นแขนลูกสาวบีบแรงๆ พร้อมกับเขย่าอย่างลืมตัว
“เขาอยู่ไหนพลอย บอกแม่มาเดี๋ยวนี้” ความกลัวเปลี่ยนเป็นความโกรธ
“กำลังไปโรงพยาบาลค่ะ” พลอยดาวตอบเสียงเบา
“ไปโรงพยาบาล..ไปทำไม” มือสองข้างที่จับต้นแขนลูกสาวปล่อยออกทันที
“จมน้ำค่ะ พลอยโทร.หาแม่ ไม่รับสาย พลอยสั่งป้าอบให้บอกแม่แล้วก็โทร.หาตำรวจ ตอนนี้ตำรวจส่งตัวอาจาไปโรงพยาบาล” หญิงสาวพยายามพูดให้เป็นเรื่องราวมากที่สุด
พาณีจ้องหน้าลูกนิ่ง หล่อนไม่เข้าใจกับคำบอกเล่าของลูก จามรจมน้ำได้อย่างไรในเมื่อเขาว่ายน้ำเก่ง หล่อนเคยว่ายแข่งกับเขายังแพ้เขาทุกครั้งแล้วทำไมเขาจึงจมน้ำ หล่อนตั้งคำถามกับลูกสาวทางสายตาแล้วหันไปที่นายตำรวจซึ่งยืนรออธิบายในสิ่งที่หล่อนกำลังสงสัย
“ผู้กองคะ” พาณีเอ่ยขึ้น หล่อนต้องรู้เรื่องทั้งหมดเดี๋ยวนี้
“คุณพาณีใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ ดิฉันพาณีเป็นภรรยาคุณจามร จามรเป็นอะไรคะทำไมต้อง..”
“ผมรับรายงานจากลูกน้องว่ามีคนโทรศัพท์แจ้งคนจมน้ำในสระหลังบ้าน ผมก็รีบมาที่นี่ มาถึงเห็นสามีคุณอยู่ในสระแล้วครับ คุณพลอยดาวอยู่ในเหตุการณ์อาจเล่ารายละเอียดได้ดีกว่าผม แต่ตอนนี้ผมต้องเชิญคุณพลอยดาวไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่โรงพัก เชิญคุณพาณีด้วยนะครับ เชิญครับ”
นายตำรวจหนุ่มผายมือให้สาวใหญ่เดินนำออกจากบ้าน พาณีมองหน้าเขาแล้วหันมามองลูกสาว หล่อนไม่มีคำถามใดๆ ในขณะนี้ สมองมึนงงกับสิ่งที่ได้ยิน พลอยดาวคนเดียวเท่านั้นที่จะบอกหล่อนได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่สระน้ำนั่น
“แสน พาฉันไปโรงพัก” เจ้าของบ้านหันมาสั่งคนขับรถแล้วจูงมือพลอยดาวเดินไปที่ประตู แสนก้มศีรษะรับคำสั่งแล้วหันมามองภรรยาก่อนจะเดินตามนายตำรวจออกไปเงียบๆ
อบเชยเดินตามทุกคนไปด้วยอาการงุนงงไม่ต่างจากเจ้าของบ้าน รถหลายคันแล่นออกไปแล้วแต่เพื่อนบ้านใกล้เคียงยังคงยืนออกันอยู่
“เกิดอะไรขึ้นเหรอแม่อบ คุณจามรจมน้ำได้ยังไง เขาว่ายน้ำเป็นไม่ใช่เหรอ”
ไฝแม่บ้านของเพ็ญศรีเดินเข้ามาหาอบเชยสีหน้าสงสัย สายตาอยากรู้อยากเห็น ถ้าตำรวจไม่ห้ามไว้หล่อนคงเข้าไปทำหน้าที่นักข่าวประจำหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว อบเชยมองหน้าไฝแล้วส่ายหน้า
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันออกไปข้างนอกกับคุณณีเพิ่งเข้ามานี่แหละ ตอนนี้ฉันว่าพวกแกแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันไปก่อนดีกว่า ฉันจะปิดประตู”
“เอ็งล่ะนังอ้อย เอ็งอยู่ในบ้านไม่ใช่เหรอ” ไฝไม่ละความพยายามซึ่งเป็นความต้องการของเพื่อนบ้านที่ยืนรอคำตอบจากน้ำอ้อยหน้าสลอน
“ฉันก็ไม่รู้ ตอนเกิดเรื่องฉันดูทีวีอยู่ในบ้าน ไม่รู้เรื่องเลย แม่ ปิดประตู คุณณีสั่งไว้”
น้ำอ้อยสั่นศีรษะแล้วเดินไปดึงบานประตูรั้วเสตนเลสที่เลื่อนเปิดอยู่ อบเชยช่วยลูกสาวดึงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ในขณะนี้ หล่อนไม่รู้ว่าจะให้คำตอบทุกคนอย่างไรเพราะไม่รู้เรื่อง น้ำอ้อยก็เช่นกัน
“อะไรวะ อยู่ในบ้านด้วยกันแท้ๆ ไม่รู้ ยังงี้มันปิดข่าวนี่หว่า” ใครคนหนึ่งตะโกนออกมา
“ถ้าแกอยากรู้นักก็ตามตำรวจไปโรงพักโน่น ที่นี่ไม่มีข่าวโว้ย ไป๊”
น้ำอ้อยชะงักเท้าและมือที่ดึงประตูรั้ว หล่อนก้าวออกด้านนอกประตู มือสองข้างเท้าที่เอว ความโกรธจากน้ำเสียงของคนอยากรู้อยากเห็นทำให้หล่อนต้องใช้วาจาไม่น่าฟังตอบโต้ออกไป