บทที่ 13 ใครช่วย
“เฮ้ย อะไรวะ เป็นอะไรวะ เป็นอะไรวะ” ไอ้หัวหน้าร้องไม่เป็นภาษา
“ช่วย…ดะ..ด้วย…พี่” ลูกน้องของมันร้องเสียงขาดๆ หายๆ
ไอ้คนที่เป็นหัวหน้าก้าวเข้าไปหาลูกน้องเมื่อตั้งสติได้ เขาคว้าแขนลูกน้องดึงออกจากลำคอแต่พริบตานั้นเกลียวน้ำใสตวัดขวับมาที่ร่างบึกบึนของไอ้หัวหน้าและกระชากจนร่างหนาถลาเข้าไปในพงหญ้ารก
“โอ๊ยยยย…” มันร้องด้วยความเจ็บปวด เกลียวน้ำนั้นตามติดแล้วกระชากร่างของมันกลับขึ้นมาปะทะร่างลูกน้องที่ยืนตาเหลือกค้าง สองร่างล้มลงบนถนน เกลียวน้ำเลื่อนไหลไปที่ลำคอของมันทั้งสองแล้วตวัดรอบรัดแน่น แน่นขึ้นๆ
“โอะ..โอะ..อะ..อ่ะ..อ่าก…อ้าก..อะ..” มันร้องเจ็บปวดและสุดท้ายเสียงร้องของมันก็เงียบลง
คนขับรถวิ่งลงมาดูเมื่อได้ยินเสียงร้องน่ากลัวของเพื่อน ทันทีที่มันเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันรนรานวิ่งกลับไปที่รถแต่ไม่ทันถึงเกลียวน้ำก็พุ่งเข้าที่ศีรษะของมันอย่างแรง
“โพล๊ะ..โอ๊ย..” ร่างมันล้มตึงกองอยู่ข้างประตูรถ
ทุกอย่างเป็นความจริง นิสาลักษณ์ยืนนิ่งตาเบิกกว้าง ตื่นกลัวตระหนกตกใจ หัวใจของหล่อนเต้นรัวเร็วและทรุดฮวบลงตรงนั้น
กิตติขับรถเร็วเมื่อถนนว่าง วนัชตามติดๆ เขาเริ่มจำทางได้เพราะเคยมาทางนี้ รถกิตติเลี้ยวเข้าเส้นทางหมู่บ้านหนึ่ง วนัชกะพริบตา
“บ้านยัยลักษณ์ไปทางเดียวกับบ้านเมียใหม่พ่อ” เขาพึมพำเมื่อจำทางเข้าบ้านที่พ่อเคยพามา บ้านแม่เลี้ยงของเขาไปทางนี้
กิตติตบไฟเลี้ยวเข้าแอบข้างทางเมื่อไฟหน้าสาดส่องไปถึงรถคุ้นตาและเมื่อเข้าไปใกล้จึงเห็นรถถนัด หัวใจของชายหนุ่มหล่นวูบ รถเพื่อนสาวจอดอยู่ข้างทางประตูด้านคนขับเปิดอ้า ไฟฉุกเฉินทำงานไม่หยุด เพื่อนรักของเขาเป็นอันตราย เขารู้เพียงเท่านั้นปลายเท้าแตะเบรกหยุดรถทันที
วนัชเลี้ยวจอดตามกิตติเขาเปิดประตูรถก้าวลงมารวดเร็วแล้ววิ่งเข้ามาหาเพื่อน กิตติวิ่งไปข้างหน้า เขาวิ่งตามและสองหนุ่มก็เห็นภาพที่ทำให้หัวใจของพวกเขาหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
วนัชมองร่างชายฉกรรจ์ที่นอนเกลื่อนอยู่ข้างรถตู้คันใหญ่ ร่างเพื่อนสาวนอนแน่นิ่งอยู่ไม่ห่างกันนัก ลางสังหรณ์ของเขาเป็นจริง นิสาลักษณ์ถูกคนร้ายทำร้ายแต่ทำไมคนร้ายพวกนั้นจึงสลบไสลรวมทั้งเพื่อนของเขาด้วย ใครมาช่วยนิสาลักษณ์แล้วทำไมนิสาลักษณ์จึงนอนสลบอยู่กับพวกวายร้ายนี่
“ติ ปลุกยัยลักษณ์เร็ว” วนัชมองไปรอบบริเวณไม่เห็นความผิดปกติ เขาสะกิดกิตติที่ยังคงยืนนิ่งงันกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“หา.เออๆ “ กิตติเดินเข้าไปคุกเข่าลงข้างนิสาลักษณ์ประคองร่างไร้สติขึ้นมา วนัชเดินมานั่งข้างๆ
“ลักษณ์ ยัยลักษณ์ ยัยลักษณ์ ตื่นเร็ว ตื่นสิ ตื่นสิยัยลักษณ์” กิตติเรียกเพื่อน มือข้างหนึ่งตบที่แก้มหล่อนเบาๆ วนัชจับชีพจรเพื่อนสาวแล้วเขย่าแขนแรงๆ
“ลักษณ์ ลักษณ์ ตื่น ตื่น ตื่นสิลักษณ์ ตื่น” เขาเรียกสลับกับกิตติ ครู่เดียวหญิงสาวก็ลืมตาขึ้น
“ลักษณ์” กิตติยิ้มเมื่อเพื่อนลืมตาขึ้นมองหน้าเขา หญิงสาวผวากอดเขาไว้แน่น
“ติ ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย”
“เรามาช่วยแล้ว รีบไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับแก ลุกไหวมั้ย ขับรถไปบ้านแก”
วนัชสั่งเสียงเข้ม ไม่มีเวลามากนักสำหรับพวกเขาในนาทีนี้ กิตติลุกขึ้นยืนดึงร่างไร้เรี่ยวแรงของเพื่อนขึ้นมาด้วย
“ขับรถไหวมั้ยลักษณ์” เขาจ้องหน้าหล่อน
“ไหว” หล่อนพยักหน้าทั้งที่แทบจะก้าวขาไม่ออก กิตติประคองหล่อนไปที่รถของหล่อนรอให้หล่อนเข้าไปนั่งสตาร์ทเครื่องยนต์
“ไปบ้านแกนะ ฉันจะขับนำแกเอง ให้ไอ้นัชขับตามหลัง ไม่ต้องกลัวนะลักษณ์ ไปบ้านแกนะ”
“ฮื่อ..” หญิงสาวพยักหน้ารับฟังเพื่อน กิตติปิดประตูให้หล่อนแล้วหันมาพยักหน้ากับวนัช
สองหนุ่มแยกย้ายกันไปที่รถ กิตติขับออกด้านขวาลดกระจกลงร้องเรียกเพื่อนสาวพร้อมกับบีบแตร หล่อนเคลื่อนรถออกตาม วนัชตามไปอีกคัน ไม่ถึงห้านาทีกิตติก็พารถเข้ามาจอดหน้ารั้วบ้านเดี่ยวของนิสาลักษณ์ ไฟในบ้านยังเปิดอยู่
“ลักษณ์เปิดประตูรั้วสิ” กิตติลงจากรถของเขามาเคาะกระจกให้นิสาลักษณ์เลื่อนกระจกลง เขาบอกให้หล่อนกดรีโมทประตูรั้ว หล่อนทำตามเหมือนหุ่นยนต์ สีหน้าของหล่อนยังซีดขาว ประตูรั้วเลื่อนเปิดออก
“เข้าบ้านลักษณ์ ฉันกับไอ้นัชจะตามไป”
เขาสั่งอีก เวลานี้เพื่อนรักของเขาสั่งตัวเองไม่ได้ นอกจากมีคนคอยกระตุ้นเท่านั้น หญิงสาวทำตามเพื่อนทุกอย่าง รถของหล่อนเคลื่อนเข้าที่จอดหน้าบ้าน กิตติกับวนัชวิ่งตามมาที่รถของหล่อน ประตูรั้วใหญ่เลื่อนปิดเมื่อกิตติกดรีโมทปิดให้หล่อน
“เข้าบ้าน” กิตติสั่งอีกแต่นิสาลักษณ์ไม่ทำตามคำสั่งเพื่อนเสียแล้ว หล่อนก้าวลงจากรถพอพ้นรถก็ทรุดฮวบลง กิตติคว้าร่างบางไว้ วนัชก้าวชิดช่วยประคองก่อนจะทรุดถึงพื้น
หญิงสาวกอดเพื่อนสนิทแน่นเมื่อเขาพาหล่อนเข้ามานั่งที่เก้าอี้รับแขกในห้องโถง กิตติกอดหล่อนไว้ เขารู้ว่าเพื่อนรักขวัญเสีย วนัชนั่งมองหญิงสาวด้วยสายตามีคำถามมากมาย ความกังวลของเขาหายไป ถ้าเขาไม่ชวนกิตติตามมานิสาลักษณ์จะเป็นอย่างไร
“ติ หาอะไรร้อนๆ ให้ยัยลักษณ์ดื่มก่อนดีกว่า บางทีจะช่วยได้บ้าง”
“เออ แกเข้าไปในครัวนะ ซ้ายมือแก น่าจะมีกระติกน้ำร้อนเสียบอยู่ แม่ยัยลักษณ์เสียบไว้ตลอด ยัยลักษณ์กลับบ้านดึกๆ มันชงกาแฟกินก่อนนอนทุกวันแหละ”
วนัชทำตามที่กิตติบอกถึงเขาจะไม่เคยมาบ้านเพื่อนสาวแต่ก็พอจะรู้ว่าตรงไหนวางอะไรบ้าง เขาชงกาแฟสามแก้วเพราะเขากับกิตติต้องการอะไรร้อนๆ เช่นกัน เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสาวแต่เท่าที่เห็นคนนอนเกลื่อนอย่างนั้นต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
เขาถือถาดเล็กใส่แก้วกาแฟสามใบมาวางบนโต๊ะกระจกรับแขก กิตติคว้าแก้วใกล้สุดส่งให้นิสาลักษณ์
“ลักษณ์กาแฟร้อนๆ ดื่มจะดีขึ้น”
หล่อนรับแก้วจากมือเขาและจิบทีละนิด สายตายังมองตรงไปข้างหน้า อาการช็อคยังคงอยู่ กิตติดื่มกาแฟไปครึ่งแก้ว เขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเรียกขวัญของเพื่อนให้กลับมาโดยเร็ว เขาลุกจากเก้าอี้เดินเข้าห้องครัว ครู่เดียวก็กลับออกมาพร้อมน้ำในชามใบโต ผ้าผืนเล็กที่เขาพอหยิบมาได้ลอยอยู่ในน้ำ
“น้ำเย็นเหรอวะ” วนัชมองน้ำในชาม
“เออ ต้องน้ำในตู้เย็นไม่งั้นยัยลักษณ์เบลอจนถึงเช้า เราไม่ต้องนอนกันหรอก”
ชายหนุ่มบิดผ้าพอหมาดแล้วเช็ดหน้าให้เพื่อนสาว หล่อนเบิกตากว้างหันหน้าหนีผ้าเย็นจากมือเพื่อน อาการงุนงงคลายออก หล่อนสั่นศีรษะสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วหันมาจ้องหน้ากิตติก่อนจะหันไปมองวนัช
“ติ นัช แกมาช่วยฉันใช่มั้ย” หล่อนถามละล่ำละลัก
“เออ ไอ้นัชมันเป็นห่วงแก โทรศัพท์ตามก็ไม่รับ เราก็เลยรีบมา พอมาก็เห็นแกนอนสลบอยู่ เกิดอะไรขึ้นกับแกวะ”
กิตติตอบเพื่อนแล้วตั้งคำถามกับหล่อนแต่แทนที่จะได้คำตอบจากนิสาลักษณ์หล่อนกลับร้องไห้โฮโผเข้ากอดเขาแน่น วนัชมองเพื่อนนิ่ง กิตติลูบหลังเพื่อนรักไปมา ปลอบโยนหล่อนด้วยคำพูด
“ไม่เป็นไร แกปลอดภัยแล้ว มีคนช่วยแกไว้ แต่ไม่รู้ใครนะเพราะฉันมาก็ไม่เห็นใคร”
“ใช่ ไม่เห็นใครสักคน เห็นแต่แกกับพวกมันสลบเกลื่อน” วนัชช่วยเสริมอีก นิสาลักษณ์หยุดสะอื้นทันที หล่อนเงยหน้ามองกิตติแล้วหันมามองวนัช