บท
ตั้งค่า

บทที่ 8

ชาร์ลอตต์จําต้องใช้ผ้าห่มกางต่างเต๊นท์ เมื่อลงมือสวมกางเกงอย่างรีบเร่ง ซึ่งขอบเอวใหญ่กว่าเอวเธอมาก และรัดแน่นอยู่ตรงก้น รีบสอดชายเสื้อเชิ้ตเข้าไว้ และเอาเข็มขัดคาดแน่นหนา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เธอต้องการเข้าห้องน้ำอย่างที่สุด แต่เธอคงจะทําเช่นนั้นไม่ได้ ตราบใดที่มิสเตอร์เทรวาร์เรนยังยืนอยู่ในห้องนี้

“แล้วตอนนี้เราอยู่ที่ไหนล่ะ” เธอถามออกไป เดินไปหยุดอยู่ตรงช่องระบายอากาศเขย่งปลายเท้ามองออกไป แต่ก็เห็นเพียงพื้นน้ำสีเขียวครามที่สะท้อนแสงแดดจนปวดตา “แถวนี้มีสถานทูตอเมริกาบ้างไหมนี่”

“ผมเกรงว่ามันจะไม่มีอะไรอย่างที่คุณคิดหรอกนะ เทพธิดา ถ้าคุณต้องการรู้ตําแหน่งที่เรือวิ่งอยู่ ก็...อีกไม่ไกลเราจะถึงวังของสุลต่านแห่งริซแล้ว” เธอสัมผัสความรู้สึกว่าเขากําลังจับตามองหน้าเธออยู่ “และผมก็คงจะไม่แนะนําให้คุณกระโดดลงไปกินน้ำทะเลตอนที่พยายามว่ายเข้าหาฝั่งหรอก เพราะมันมีปลาฉลามนับร้อยที่ว่ายวนอยู่ข้างเรือของเรา รอเวลาที่จะกินเหยื่ออยู่”

ชาร์ลอตต์ขนลุกพราวทั้งตัว แต่ก็ยังอดที่จะโต้เถียงกับขาไม่ได้

“เวลาว่ายน้ำฉันไม่เคยต้องกินน้ำทะเลเข้าไปสักที รับรู้ไว้ด้วยมิสเตอร์เทรวาร์เรน และอีกอย่างหนึ่งที่คุณอาจจะไม่เคยรู้เกี่ยวกับตัวฉันก็คือ ฉันเป็นคนที่ว่ายน้ำเก่งมากด้วย”

เขาก้าวเข้ามาหยุดอยู่เคียงข้าง ปรายตามองหน้า และยิ้มอย่างน่าหมั่นไส้

“ถ้าทําอย่างนั้นมันยิ่งเป็นเรื่องสนุกสําหรับฉลามมากขึ้น พวกมันชอบนักละ เวลาที่อาหารเช้าของพวกมันต่อสู้กับมันอย่างเต็มที่”

เสียงท้องร้องขึ้น ซึ่งทำให้ชาร์ลอตต์รู้สึกขายหน้าไม่น้อย แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเธอแทบไม่ได้กินอาหารเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา

“ฉันอยากกลับบ้าน” เธอร้องออกมา หยาดน้ำใสหล่อรื้นขึ้นในดวงตา

และเธอก็ออกจะแปลกใจที่อากัปกิริยาของแพตทริคเปลี่ยนไป เขากลับมาเป็นเจ้าชายในฝันของเธออีกครั้ง เมื่อเอื้อมมือมาลูบไล้เนียนแก้ม

“คุณต้องได้กลับแน่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว “ผมสัญญานะชาร์ลอตต์...สัญญาว่าจะไม่มีใครทําร้ายคุณได้ด้วย”

เธออยากเชื่อเขาเหลือเกิน อยากไว้วางใจเขาอย่างที่สุด...แต่ชาร์ลอตต์ไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ดีว่ากฎเกณฑ์ต่างๆในการดําเนินชีวิตได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง นับแต่วันที่เธอถูกลักพาตัวมา

“แล้วครอบครัวของคุณละ” แพตทริคถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เขาเต็มใจจะรับคุณกลับหรือเปล่า”

“ตายจริง...เพราะอะไรเขาถึงจะไม่ยอมรับฉันกลับละ” ชาร์ลอตต์ยกมือขึ้นเท้าสะเอว ในยามนี้แม้เธอจะไม่ยอมรับความจริง แต่ก็รู้อยู่ว่าออกจะชอบการนุ่งกางเกงอยู่ไม่น้อย และให้เกิดความสงสัยว่าเพราะเหตุใด ผู้หญิงจึงไม่คิดที่จะนุ่งกางเกงบ้าง

เขาอ่านความรู้สึกในสีหน้าของเธอด้วยดวงตาคมปลาบคู่นั้น

“ชาร์ลอตต์...ผมมีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูดให้คุณฟังนะ แม้เราจะยอมรับกันว่า การลักพาตัวในครั้งนี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นจากความผิดของคุณเลย แม้ว่ามันจะเป็นการกระทําของคนปัญญาอ่อนที่ออกมาเดินเพ่นพ่านอยู่ กลางตลาด โดยไม่มีผู้ชายเป็นผู้คุ้มกันก็ตาม...แต่คุณจะต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่ง ว่าขณะนี้ชื่อเสียงของคุณมันไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็นมาอีกต่อไปแล้ว มันมีความเป็นไปได้ที่ว่า คุณจะไม่ได้รับการต้อนรับในห้องรับแขกของบ้านใครบางคนอีก และเลวร้ายกว่านั้น อาจจะมีใครบางคนที่แสร้งทําเป็นไม่รู้จักคุณไปเลยก็ได้ แม้จะเดินสวนกันบนท้องถนนก็ตาม”

ทุกคำพูดของแพตทริค แม้มันจะฟังไม่ยุติธรรมอยู่บ้าง แต่กระนั้นชาร์ลอตต์ก็รู้ว่ามันเป็นความจริง ความเคืองแค้นที่เกิดกับเธอในยามนี้ ส่วนหนึ่งจึงเนื่องมาจากความรู้สึกสิ้นหวัง

“ในชีวิต ผู้ที่มีความสําคัญสําหรับฉันคือพ่อ แม่เลี้ยง น้องสาวน้องชาย แล้วก็พวกญาติ ๆ กับเพื่อนของฉันบางคนเท่านั้น คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะรอคอยการกลับไปของฉันเท่านั้น แต่เขาจะต้องต้อนรับฉันด้วยความยินดีอย่างยิ่งด้วย”

เขาโอบร่างเธอไว้ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยนรั้งศีรษะให้ซบลงกับแผงอก เธอได้ยินเสียงเต้นของหัวใจเขาอยู่

ชาร์ลอตต์เดินไปหยุดอยู่ตรงช่องระบายอากาศอีกครั้ง เมื่อแพตทริคออกจากห้องไปแล้ว พยายามสอดส่ายสายตามองหาช่องทางจะหลบหนี แต่สิ่งที่เธอเห็นอยู่เบื้องหน้าก็คือพื้นน้ำสีครามกับหาดทรายขาวที่ทอดตัวยาวเหยียด ขณะเดียวกันเธอก็ยังมองเห็นปราสาทราชวังและความไร้เมตตาที่มีอยู่ในนั้น กับทะเลทรายสีขาวโพลนที่เลยไกลออกไป

เธอรีบรุดกลับไปลากเก้าอี้มาขวางประตูไว้ เหลียวซ้ายแลขวา เมื่อเห็นกระโถนที่ใช้ในห้องนอน เธอก็คว้าออกมาจากใต้เตียง และรีบระบายน้ำที่อัดแน่นอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบเอากระโถนซ่อนไว้ในที่เดิมของมัน ลากเก้าอี้กลับมาตั้งไว้ที่เดิม ซึ่งก็พอดีกับที่ประตูเปิดออก และแพตทริคเดินเข้ามา เธอกําลังก้มหน้าก้มตาล้างมืออยู่

เขาถืออาหารถาดใหม่เข้ามา ในนั้นมีชามใส่พอร์ริดจ์ ขนมปังกับเนยและแยม สําหรับกาแฟนั้นมีอยู่แล้วในเหยือกที่วางอยู่ในถาดแรก ซึ่งชาร์ลอตต์ก็ลงมือกินอาหารอย่างไม่ลังเลใจเลย

“ฉันอยากจะขอขึ้นไปเดินบนดาดฟ้าหน่อย” เธอบอกตัวเองอยู่ว่า บางทีเมื่อขึ้นไปยืนอยู่บนดาดฟ้า เธอ อาจจะได้พบช่องทางที่จะช่วยให้ตัวเองหนีรอดจากเรือลํานี้ได้บ้าง

“อย่าเพิ่งเลย” แพตทริคตอบเรียบ ๆ เขากําลังอ่านปูมเรือที่หยิบออกมาจากในตู้เก็บเอกสาร “มีกําหนดการที่จะต้อนรับเราที่พระราชวังนะเทพธิดา สุลต่านซึ่งเป็นเพื่อนผมน่ะไม่ใช่คนที่จะมีเมตตานัก ถ้าเขาได้รับความผิดหวัง”

ชาร์ลอตต์ใจหายวาบ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอสัมผัสความรู้สึกอยู่ว่า แพตทริคมีน้ำใจกับเธอมาก แม้ว่าเขาจะยั่วเย้าให้เธอโมโหอยู่บ้างก็ตาม และขณะที่เธอเริ่มจะให้ความเชื่อถือในตัวเขา ไม่อยากคิดว่าเขาเป็นโจรสลัดที่จิตใจโหดเหี้ยมอํามหิต ความคิดดังกล่าวก็กลับเข้ามาในสมองอีกครั้ง

“คุณหมายความว่ายังไงที่ว่า เขาจะต้องได้รับความผิดหวังน่ะ” เธอถามด้วยความประหวั่น

แพตทริคเงยหน้าขึ้นจากปูมเรือ คิ้วขมวดมุ่น แล้วก็หันกลับไปให้ความสนใจกับแผนภูมิในการเดินเรืออีกครั้ง

“กาลิบน่ะชอบงานสังคม” เขาตอบสั้น ๆ

ซึ่งชาร์ลอตต์ไม่เข้าใจอะไรเลย รู้แต่เพียงว่าเธอไม่อาจฝืนใจกินอาหารต่อไปได้ จึงเลื่อนถาดออกจากตรงหน้า ก้มลงมองเสื้อผ้าเครื่องแต่งการแบบผู้ชายที่สวมใส่อยู่

“คุณก็เห็นว่าไม่ได้มีเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวที่เหมาะสมกับการไปร่วมงานด้วยเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเจ้าภาพของงานเป็นถึงสุลต่านอย่างที่คุณว่า”

แพตทริคปิดปูมเรือลง เอาวางไว้ในชั้นเหนือศีรษะ

“ไม่ต้องกลัวหรอก” เห็นได้ชัดว่าเขากําลังคิดเรื่องอะไรบางอย่างอยู่ในใจ “ในวังของกาลิบมีผู้หญิงออกมากมาย เขาจะหาเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับโอกาสให้คุณแต่งเอง” พูดจบเขาก็ขยับเดินออกจากห้องไป

“เดี๋ยวสิ” ชาร์ลอตต์ร้อง และเขาเพียงแต่เอี้ยวหน้ามามอง

“มีอะไรหรือ”

“ฉันไม่อยากเข้าไปอยู่ในฮาเร็ม ไม่ว่าจะของใครทั้งนั้น และไม่ว่าจะเป็นสุลต่านหรือไม่ก็ตาม”

แววในดวงตาของแพตทริคบอกให้รู้ว่าเขาเพิ่งเข้าใจ สิ่งที่เธอกําลังหมกมุ่นด้วยความกังวล และรอยยิ้มก็ฉาบขึ้นใบหน้าอีกครั้ง

“อ๋อ...นี่คุณคิดว่าผมจะเอาคุณไปขายให้กาลิบงั้นเรอะ...หรือไม่ก็คงคิดว่าผมจะเอาตัวคุณไปมอบให้เขาเป็นของขวัญละสิท่า...โธ่เอ๊ย...เทพธิดา...คุณน่ะคิดผิดถนัดเลยรู้หรือเปล่า...ที่เราคุยกันมาแต่แรกนั่นน่ะ ผมเพียงแต่ล้อคุณเล่นเท่านั้น นี่เป็นการเยี่ยมเยียนกันแบบธรรมดา และที่ผมจะพาคุณไปด้วย เพราะรู้สึกเสียดาย แทนที่คุณจะพลาดโอกาสได้เห็นอะไรที่มันสวย ๆ งาม ๆ มันก็แค่นั้น”

ความเป็นนักผจญภัย ซึ่งแฝงฝังอยู่ในสัญชาตญาณของชาร์ลอตต์ได้รับการกระตุ้นให้เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ถึง กระนั้นเธอก็ยังระแวงในตัวเขาอยู่ดี ทั้งนี้เพราะสถานการณ์ที่ทําให้เธอต้องมาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขา มันไม่น่าจะทําให้เธอวางใจได้สนิท

“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าคุณพูดความจริง” เธอย้อนถามออกไป และแพตทริคก็ได้แต่ยักไหล่

“ผมว่าคุณคงไม่เชื่อหรอก หรืออย่างน้อยก็ทําใจให้เชื่อไม่ลง” พูดจบเขาก็เดินออกจากห้องพร้อมกับปิดประตูตามหลัง ชาร์ลอตต์รีบเดินไปตรงนั้น แต่ก็ได้ยินเสียงกุญแจที่ปิดล็อคลงเสียก่อน

เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น และรู้ว่าขณะนี้สิ่งที่เธอจำเป็นจะต้องมีอย่างที่สุดคือกําลัง ชาร์ลอตต์จึงกลับมานั่งกินอาหารที่เหลือค้างอยู่ในถาดต่อ

หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน กะลาสีเรือคนหนึ่งก็ถูกส่งมารับตัว และชาร์ลอตต์ก็ได้มีโอกาสเดินขึ้นไปยังคาดฟ้า เรือ “เอนชานเทรสส์” อีกครั้ง

เธอฝันเหนเรือลำนี้เสมอ ภาพของเสากระโดงที่สูงตระหง่านเสียดยอดขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นภาพที่ดึงดูดใจยิ่งนัก และยังใบสีขาวที่กางรับลมแรงเต็มที่ ความเคยคุ้นทําให้เธอมีความรู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับมาถึงบ้านภายหลังจากที่ได้จากไปนานแสนนาน

แพตทริครอเธออยู่ตรงราวระเบียงดาดฟ้าแล้ว ตรงนั้นมีบันไดเชือกที่หย่อนลงข้างลำเรือ เขาหันมายิ้มกว้างให้ ชาร์ลอตต์ออกจะแน่ใจว่าเขาจะต้องคิดถึง เมื่อครั้งที่เขาต้องป่ายปีนขึ้นไปบนเสากระโดงเพื่ออุ้มเธอลงเนื่องจากความหวาดกลัวของเธอในครั้งกระนั้น

“จะต้องให้ผมอุ้มลงหรือเปล่าล่ะ” เขาถามอย่างสุภาพ มิได้แสดงอาการหยันเยาะกับความขลาดกลัวเก่าๆของเธอแม้แต่น้อย

ชาร์ลอตต์อดขุ่นขึ้งไม่ได้ เธอกับมิลลี่น้องสาวเคยแข่งขันขึ้นต้นไม้กันมาแล้ว และเธอก็มิใช่คนขี้ขลาดตาขาวแต่อย่างใด เมื่อได้ยินคําถามเช่นนั้น เธอจึงตวัดสายตามองหน้าแพตทริคอย่างถือดี เดินตรงไปที่บันไดเชือก หันหลังใช้เท้าเกี่ยวกันไดขั้นแรกไว้

เธอพยายามระมัดระวังที่จะไม่ปล่อยใจตนเองให้คิดไปถึงปีศาจร้ายที่ลอยคอรอรับร่างเธออยู่บนพื้นน้ำสีเขียวครามนั้น พยายามที่จะไม่นึกถึงระยะทางระหว่างราวระเบียงกับเรือบตลำเล็กที่ลอยอยู่เบื้องล่างเหนือยอดคลื่น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel