บทที่ 7
ด้วยความอ่อนโยนที่เขาไม่เคยมีโอกาสได้นําออกมาใช้อีก นับแต่วันที่สุนัขซึ่งเลี้ยงไว้ถูกรถม้าคันหนึ่งทับตาย และเขาได้อุ้มมันขึ้นมาจากถนน แพตทริคเลิกผ้าห่มที่คลุมร่างเธอไว้ออก และเริ่มลงมือเช็ดเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยคราบไคลให้ หลังจากนั้นก็เอาบรั่นดีแตะลงบนรอยแผล สังเกตเห็นชาร์ลอตต์นิ่วหน้า แต่มิได้ตื่นขึ้น แม้ตอนที่เขายกร่างเธอขึ้นและเอาเสื้อเชิ้ตของตนเองสวมใส่ให้
เห็นได้ชัดว่าเธออยู่ในสภาพที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงอย่างมาก แพตทริคมองเธอด้วยความสงสารเห็นใจอย่างเหลือจะกล่าว เมื่อทําหน้าที่ของตนเองเสร็จลง เขาก็ยังยืนมองเธออยู่อีกเป็นครู่ แล้วจึงได้หรี่ไส้ตะเกียงลงเหลือเพียงแสงสลัว แล้วจึงได้ออกจากห้องเพื่อตรวจความเรียบร้อยบนดาดฟ้าเรือ
เมื่อกลับมายังเคบินส่วนตัวอีกครั้ง แขกสาวผู้น่ารักของเขาขดตัวหลับอยู่ด้านหนึ่งของเตียง ผ้าห่มที่คลุมร่างไว้เลื่อนหลุด ขาก่ายทับกันราวกับอยู่ในท่าวิ่ง
แพตทริคทรุดตัวลงนั่งตรงปลายตีนเตียง ถอดรองเท้าออกแล้วจึงได้ลุกขึ้นจัดการเปลื้องผ้าที่สวมใส่ โยน พาดไว้กับพนักเก้าอี้
จากนั้นเขาก็คลานขึ้นเตียง ทอดร่างลงชิดผนัง หาวออกมาด้วยความง่วงงุน หันหลังให้หญิงสาว
เธอทําเสียงละเมอเบา ๆ อยู่ในความหลับไหลนั้น ขยับตัวอีกครั้ง มือพาดลงบนแก้มกันของแพตทริค
มันมีอาการตึงเครียดเกิดขึ้นกับร่างกายเขาอย่างช่วยไม่ได้ ขนลุกไปทั้งตัว ปฏิกิริยาเกิดขึ้นกับร่างกายในทันใด ซึ่งทําให้เขาถึงกับสบถออกมา พยายามเลื่อนตัวให้ห่างจากเธอไว้ พยายามข่มตาข่มใจให้หลับลง
เมื่อชาร์ลอตต์ลืมตาตื่นขึ้นนั้น แสงแดดได้สาดส่องเข้ามาทางช่องระบายอากาศวงกลมที่เจาะอยู่ข้างผนัง และพบว่ามีเพียงเธอที่อยู่บนเคบินนั้นเพียงลําพัง เธอกวาดสายตามองไปรอบเคบินเล็ก ๆ ของกัปตัน อย่างน้อยเธอก็เดาได้ว่า มิสเตอร์เทรวาร์เรนจะต้องเป็นกัปตันเรือลํานี้ เพราะห้องส่วนตัวของเขาดูจะได้รับการตกแต่งไว้ค่อนข้างหรู และดูเขาจะมีทีท่าว่าเป็นผู้ที่ออกคําสั่งให้ทุกคนบนเรือลํานี้ปฏิบัติตามด้วย
เธอพลิกศีรษะอยู่บนหมอน ยืดร่างและบิดตัวเพื่อให้คลายความเมื่อยขบ และตอนนั้นเองที่เธอได้เห็นว่าตนเองสวมใส่เสื้อผ้าของแพตทริคอยู่ เสื้อที่มีจีบระบายเป็นพวงอยู่ข้างหน้า และยังขอบปลายแขนที่จีบรูด แสดงให้เห็นว่า เขาจะต้องเปลื้องผ้าห่มออกก่อนจะจับเธอใส่เสื้อตัวนี้ขณะที่เธอยังหลับอยู่
ความคิดดังกล่าวสร้างความตระหนกให้เกิดขึ้นกับชาร์ลอตต์ แต่เธอพยายามควบคุมไว้ เพราะไม่ต้องการให้ต้องสูญเสียพลังเกินความจําเป็น
ความคิดแรกที่ผ่านเข้ามาในสมองของชาร์ลอตต์ตอนที่ได้เห็นหน้าเขาก็คือ เธอปลอดภัยแล้ว เนื่องจากได้เข้ามาอยู่ในความคุ้มครองของผู้ที่พูดภาษาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงเวลานี้ ขณะที่เธอเหลือบตามองไปยังหมอนใบที่วางอยู่เคียงข้าง ซึ่งยังมีร่องรอยของศีรษะที่เขาหนุนรองอยู่ มันทําให้เธอบังเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าที่คิดว่าปลอดภัยนั้นมันจริงหรือไม่
ความตื่นกลัวทําให้หัวใจเต้นรัวแรงขึ้น เธอจําได้ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา เขาได้ให้เธอดื่มไวน์ มันเป็นไปได้หรือ ไม่ ว่าเขาจะรุกรานขณะที่เธอหลับไหลไม่ได้สติอยู่…
และกับอีกความคิดหนึ่งที่ผ่านเข้ามา ทําให้เธอต้องสํารวจตัวเองด้วยการกางขาออก แต่ก็มิได้รู้สึกเจ็บปวด อย่างผิดปกติแต่อย่างใดเลย มันน่าจะเป็นความตื่นเต้นยินดีเสียด้วยซ้ำ ถ้าแพตทริคจะได้สัมผัสร่างกายเธอแบบนั้น...
มีเสียงเคาะดังขึ้นตรงหน้าประตู และก่อนที่ชาร์ลอตต์จะบอกออกไปว่า ในขณะนี้เธอต้องการอยู่ตามลําพัง ประตูก็เปิดออก พร้อมกับแพตทริคที่เดินยิ้มเข้ามา ซึ่งทําให้ชาร์ลอตต์ทําตาเขียวใส่หน้าอย่างไม่สนใจ
“มันไม่เหมาะเลยนะที่คุณจะเดินเข้ามาในห้องนี้แบบนี้” เธอเอ่ยออกไป ซึ่งทําให้เขาหัวเราะออกมาดัง ๆ
“ผิดถนัด มันไม่เหมาะกับการที่คุณเข้ามาอยู่ในห้องนี้มากกว่า เทพธิดา เพราะคุณก็เห็นอยู่ว่านี้มันห้องส่วนตัวของผม”
เธอดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างจนถึงใบหน้า
“เมื่อคืนคุณนอนบนเตียงนี้ด้วย” น้ำเสียงของเธอตัดพ้ออยู่
“อ้าว...ก็ผมนอนของผมทุกคืนนี่” แพตทริคตอบเสียงใส “เช้านี้ค่อยยังชั่วขึ้นบ้างหรือยังล่ะ”
ชาร์ลอตต์อดนึกไปถึงความรู้สึกตื่นเต้นที่เกิดอยู่กับตนเองเมื่อครู่ที่ผ่านมาไม่ได้ ซึ่งทําให้สีหน้าแดงซ่านขึ้น
“สบายดีแล้วละ และฉันอยากให้คุณส่งตัวฉันกลับบ้านด้วย”
“ผมพร้อมที่จะทําด้วยความยินดีอย่างยิ่ง” เขาเดินไปยังโต๊ะที่มีถาดอาหารตั้งไว้ในกาแฟใส่ลงในถ้วย “สิ่งที่คุณจะต้องทําก็เพียงแค่บอกให้ผมรู้ว่าคุณชื่ออะไรเท่านั้น”
เธออดน้อยใจไม่ได้ว่า เขาช่างจําเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอไม่ได้เอาเสียเลย แต่กระนั้น ด้วยความ มีเหตุผล ชาร์ลอตต์ก็บอกตัวเอง ว่าเธอจะถือเป็นสาเหตุโกรธเคืองเขาตลอดไปไม่ได้
“ฉันชื่อชาร์ลอตต์” สัญชาตญาณเตือนมิให้เธอเอ่ยชื่อสกุลออกไป ทั้งนี้เพราะตระกูล “เควด” นั้น หมายถึงอิทธิพลทั้งทางด้านการเงินและอํานาจ และมันอาจจะเป็นไปได้ที่ว่าแพตทริค มิได้เป็นเพียงเจ้าของเรือขนส่งสินค้า แต่เขาอาจจะค้าทาส หรือจับตัวหญิงสาวเพื่อเรียกเงินค่าไถ่อีกด้วย
ถ้าเขารู้ว่าสามารถเรียกค่าไม่ได้เป็นเงินสูงขนาดไหนแล้ว มันจะต้องเกิดปัญหายุ่งยากขึ้นแทนที่จะเป็นหนทางในการแก้ปัญหาต่อไป
เขาถือกาแฟมาส่งให้ที่เตียงนอน ชาร์ลอตต์ยื่นมือไปรับ แต่อีกมือหนึ่งกระชับผ้าห่มที่คลุมตัวไว้แน่น
“ชาร์ลอตต์” แพตทริคทวนชื่ออย่างใช้ความคิด ราวกับมันเป็นคําปริศนาเก่าแก่ที่เขาอยากจะไขออกมาให้ได้ในขณะนั้น
“ชาร์ลอตต์อะไรล่ะ”
“ไม่มีอะไร...แค่ชาร์ลอตต์เท่านั้น” เธอตอบออกไป ยกถ้วยกาแฟขมขึ้นขึ้นจิบน้อย ๆ
ดวงตาคู่สีม่วงครามหรี่ลง ราวจะแทงทะลุเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ท่าทางของเขาเหมือนอยากจะโต้แย้งอะไรบาง อย่างแล้วก็เปลี่ยนใจ รอยยิ้มกระจ่างขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง
“คุณกําลังทําให้สถานการณ์ยุ่งยากขึ้นโดยไม่จําเป็นเลย” เขาพูดเรียบ ๆ “คุณคงอยากให้ผมขายคุณ เมื่อเรือเข้าเทียบท่า หรือว่าคงอยากจะเข้าไปอยู่ในฮาเล็มของกาลิบเพื่อนผมละมัง”
ถ้วยกาแฟที่ถืออยู่ในมือแทบจะร่วงหล่น
“คุณใจร้ายมากเลยนะที่มาล้อฉันแรงๆ อย่างนี้ เท่าที่ฉันได้รับมานี้มันยังไม่สะใจคุณอีกงั้นหรือ”
“คุณนี่ไม่เพียงแต่เป็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักเท่านั้นนะ คุณยังเป็นเพื่อนนอนที่ดีในตอนกลางคืนอีกด้วย ตอนที่ผู้ชายพยายามจะข่มใจให้หลับลง...”
ถ้วยกาแฟกระทบโต๊ะอย่างแรง เมื่อชาร์ลอตต์กระแทกลง
“ขอโทษ พูดใหม่อีกทีสิ”
เขาหัวเราะอย่างขบขันยกมือขึ้นกอดอก
“ผมนึกแล้วว่าถ้าพูดอย่างนี้ต้องเรียกความสนใจจากคุณได้ ก็เมื่อคืนนี้คุณกับผมนอนอยู่ด้วยกันไงล่ะ คุณชาร์ลอตต์ที่รัก แล้วคุณคิดว่าผมควรจะรู้สึกยังไงตอนที่มือของคุณเอื้อมมาจับอวัยวะส่วนเกินของผมไว้”
เป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งชาร์ลอตต์หวังว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตด้วยที่มีเหตุการณ์เช่นนั้น เกิดขึ้นโดยที่เธอไม่รู้ตัว ใบหน้าร้อนผ่าวจนรู้สึกเจ็บ
“ฉันไม่มีวันทําอะไรบ้า ๆ แบบนั้นแน่” เธอร้องออกไป และแพตทริคก็ยิ้มพราย
“คุณทําแน่ คุณน่ะโชคดีเท่าไหร่แล้วที่ผมยังมีความเป็นสุภาพบุรุษอยู่”
ชาร์ลอตต์ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ออกมาอย่างหน้าตาเฉย แต่มันก็น่าเหลือเชื่อว่าเธออาจจะทำเช่นนั้นจริงขณะที่หลับสนิท แต่กับคําพูดของเขา ทําให้เธออดเสียดายเวลาถึงสิบปีที่ต้องเสียไปเพราะฝันถึงแต่เขาไม่ได้
“คุณอย่ามาเรียกตัวเองว่าสุภาพบุรุษเลย คุณมันคนหยาบคาย...ลูกปีศาจมาเกิด…”
และแพตทริคก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น โค้งกายให้อย่างล้อเลียน
“ขอต้อนรับทุกคําพูดของคุณด้วยความยินดีอย่างยิ่งทีเดียวละขอรับ คุณชาร์ลอตต์ โน-เนมไม่ต้องการมายั่วยุอารมณ์ผมด้วยการกล่าวคําขอบคุณแบบนี้ก็ได้”
“ออกไปนะ...” เธอตวาดใส่หน้า
“โธ่...ก็ผมบอกตั้งแต่แรกแล้วว่านี่มันเคบินของผม” เขาตอบอย่างไม่หวั่นไหว “ถ้าใครสักคนควรจะออกไปให้พ้นจากห้องนี้มันน่าจะเป็นคุณ ไม่ใช่ผม”
“ด้วยความยินดีอย่างยิ่งเชียวละ เอาเสื้อผ้ามาสิ แล้วฉันจะรีบออกไปให้พ้นจากห้องของคุณโดยเร็วที่สุด คุณจะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วฉันเป็นคนยังไง”
แพตทริคผิวปากอย่างสบายอารมณ์ เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบกางเกงขาสามส่วนสีดํากับเข็มขัดเส้นใหญ่ออกจากในตู้นั้น แล้วก็โยนมาให้เธอที่เตียงนอน
“คุณให้ฉันนุ่งกางเกงหรือนี่” เธอร้องเสียงดังลั่น และอีกครั้งหนึ่งที่แพตทริคยิ้มพราย
“ต้องขอโทษด้วยนะ ถ้าคุณคิดว่าไม่เหมาะกับตัวเองคุณชาร์ลอตต์ที่รัก แต่ที่ผมต้องให้คุณนุ่งกางเกงก็เพราะปกติแล้วผมไม่เคยนุ่งกระโปรงหรอก ก็เลยมองไม่เห็นเหตุผลว่าทําไมถึงจะต้องเอามันติดมาเวลาออกทะเลด้วย”
ชาร์ลอตต์ถึงกับหลับตาลง สูดลมหายใจลึก พยายามนับหนึ่งถึงสิบช้า ๆ อยู่ในใจ ก่อนที่จะพูดกับกัปตันเรือผู้นี้ด้วยน้ำเสียงที่สงบสติอารมณ์แล้ว
“งั้นฉันขอเวลาเป็นการส่วนตัวสักครู่จะได้ไหม”
“ได้สิ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกความเต็มใจอย่างยิ่ง แต่มิได้เดินออกจากเคบิน เพียงแต่หันหลังให้เท่านั้น