บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

เนื้อตัวเปลือยเปล่าของชาร์ลอตต์เต็มไปด้วยริ้วรอยขีดข่วน กระสอบหยาบ ๆ ที่ห่อหุ้มตัวไว้ทําให้เกิดผื่นคันอย่างน่ารังเกียจ ทั้งยังเป็นเหน็บชาไปทั้งร่าง แต่ยามที่เธอเงยหน้าขึ้นมองมิสเตอร์เทรวาร์เรนอยู่นั้น แววในดวงตาเปี่ยมด้วยความหวังอย่างแท้จริง

ภายในห้องแคบ ๆ นั้น ตะเกียงดวงหนึ่งแขวนไว้กับคานต่ำๆ บรรยากาศภายในห้องอบอุ่นน่าสบาย และยังมีหนังสืออีกมากมายก่ายกอง รวมทั้งแผนภูมิต่าง ๆ ด้วย เธอฝืนยิ้มให้เขาอย่างพยายามจะแสดงความกล้าหาญมากกว่า

“ฉันอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นก่อน

มิสเตอร์เทรวาร์เรนหันไปพยักหน้าขรึม ๆ ให้กับลูกเรือ ไล่ให้เขาออกจากห้อง เมื่อประตูปิดลงแล้ว เขาก็เดินไปที่เตียงนอน หยิบผ้าห่มขนสัตว์สีขาวออกมายื่นใน พร้อมกับบอกว่า

“ผมก็หวังอย่างนั้น”

ชาร์ลอตต์รับผ้าห่มมาด้วยความขอบคุณอย่างยิ่ง แต่เธออ่อนเพลียเกินกว่าจะประคองตัวให้ลุกขึ้นจากท่าที่นอนอยู่ได้

“ฉันถูกจับตัวที่ซุค ตอนที่ฉันกับเพื่อนชื่อเบตติน่ากําลังจะหาทางกลับบ้าน...”

แพตทริครินไวน์ใส่ลงในถ้วยไม้ยืนมาให้ แล้วจึงได้ทิ้งตัวลงในเก้าอี้หน้าโต๊ะทํางาน จับตามองเธออยู่เงียบๆ

ชาร์ลอตต์ไม่ชินกับการดื่มเครื่องดื่มที่เขาแอลกอฮอล์ แต่เธอก็ประคองถ้วยใบนั้นไว้ด้วยมือที่สั่นระริก ยกขึ้นจรดปากดื่มเข้าไปทุกหยาดหยด

“มันน่าตกใจเหลือเกินค่ะ มิสเตอร์เทรวาร์เรน...”

เขาขมวดคิ้วย่น ดึงถ้วยใบนั้นไปจากมือเธอ รินไวน์เติมลง

“คุณรู้จักชื่อผมได้ยังไง”

ชาร์ลอตต์ร้อนผ่าวขึ้นทั้งใบหน้า ดื่มไวน์ถ้วยที่สองเข้าไปจนหมด ทั้งโล่งใจและน้อยใจที่ดูเหมือนเขาจะจำเธอไม่ได้เอาเสียเลย ไม่เหมือนเธอที่แม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงสิบปีแล้วแต่เธอก็ยังจดจําเขาได้อย่างแม่นยํา

“เราเคยพบกันมาแล้วครั้งหนึ่ง” เธอไอออกมาเบา ๆ “ขอไวน์ฉันอีกสักถ้วยได้ไหมคะ”

“ไม่ได้แล้ว” น้ำเสียงของเขาบอกความมีอํานาจ ไม่สนใจกับเนื้อตัวเปล่าเปลือยของเธอ ราวกับเขาได้เห็นมันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน “ตอนนี้คุณเริ่มเมาแล้วนะ สิ่งที่ควรจะกินคืออาหาร และที่ดูจากสภาพแล้วรู้สึกว่าควรจะต้องอาบน้ำด้วย”

เธอเคยสร้างเรื่องเพ้อฝันเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ และกับความทรงจำที่ติดค้างอยู่ในใจ ชาร์ลอตต์ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้รับการต้อนรับจากเขาแบบนี้

“นี่คุณไม่อยากรู้ชื่อฉันบ้างหรอกหรือ” เธอถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ศักดิ์ศรีของเลือดเนื้อเชื้อไขแห่งตระกูลเควด ทําให้เธอมองเมินไปเสียทางหนึ่ง

มิสเตอร์เทรวาร์เรนถอนหายใจ ท่าทางของเขาบอกความเบื่อหน่ายราวกับเธอเข้ามาขัดความสําราญของเขาก็ไม่ปาน

“ก็ได้ งั้นช่วยบอกหน่อยสิว่าคุณชื่ออะไร”

ชาร์ลอตต์รู้สึกผิดหวังที่ท่าทางของเขามิได้บอกความเป็นมิตรอย่างที่เธอเคยเฝ้าฝันไว้ แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาได้เห็นความผิดหวังของเธอในครั้งนี้อย่างเด็ดขาด คําถามนั้นทําให้เธอยืดร่างขึ้น มันมีอาการมึนเมาเกิดอยู่ภายในขณะที่จ้องหน้าเขาด้วยดวงตาลุกวาว

“ฉันเห็นจะไม่บอกหรอกนะ...” เธอร้อง “เอาละ...ตอนนี้รู้หรือยังล่ะว่าการที่คนเราได้รับการปฏิบัติอย่าง หยาบคายมันส่งผลยังไงบ้าง”

เขายกมือขึ้นลูบต้นคอ แบบเดียวกับที่ชาร์ลอตต์เคยเห็นพ่อทําเวลาที่เกิดความขุ่นใจกับมารดาเลี้ยง และแล้ว...แพตทริคก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างผลุนผลัน จับไหล่ทั้งสองของเธอไว้ดึงตัวให้ลุกขึ้นยืน

“นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาเล่นเกมแบบเด็กนักเรียนกันหรอกนะ” เขาจ้องหน้าเธอด้วยแววตาเครียดเคร่ง

ทันทีที่เขาปล่อยมือจากไหล่ ชาร์ลอตต์ก็รู้สึกเข่าอ่อนเซซวนไปและทําท่าจะล้มลงกับพื้นห้อง แพตทริคสบถออกมา คว้าร่างเธอขึ้นไว้ในวงแขน อุ้มไปวางลงบนเตียงนอน ชาร์ลอตต์อยากจะร้องออกมา แต่ก็ร้องไม่ออก

จากสีหน้าท่าทางที่บอกความตื่นกลัวทําให้แพตทริคใจอ่อนลงบ้าง แต่กระนั้นร่างกายของเขาก็ดูจะใหญ่โตเสียเหลือเกิน ยามที่ยืนตระหง่านค้ำศีรษะเธออยู่ เขาเท้าแขนอยู่กับที่นอนข้างตัว รอยยิ้มกระจายอยู่บนใบหน้า

“ผมไม่ได้คิดทําร้ายอะไรคุณหรอกนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มนวลราวจะสะกดจิตเธอไว้ “เอาละ ช่วยบอกชื่อให้ผมรู้หน่อยสิ”

ในยามนี้ ฤทธิ์ไวน์ได้กระจายเข้าครอบงําประสาททุกส่วนในเรือนร่าง ความหวาดกลัวดูจะเริ่มเลือนหาย เมื่อความง่วงเข้าครอบงํา เธอยกมือขึ้นปิดปากหาว

“อะโฟรไดท์...” เธอพูดหน้าตาเฉย “ฉันเป็นธิดาแห่งเทพเจ้าซีอุสไงล่ะ”

เธอมองเห็นภาพเทพเจ้าที่ยื่นตระหง่านอยู่เหนือยอดเขาโอลิมปัสที่ปูเก้ท์ ซาวนด์ กําลังจ้องมองมวลมนุษย์ด้วยพระพักตร์ถมึงทึงแล้ว ชาร์ลอตต์ก็หัวเราะคิกออกมา พระพักตร์แห่งเทพเจ้ามิได้ต่างไปจากใบหน้าของมิสเตอร์

เทรวาร์เรนตอนนี้เลย

“คุณน่ะควรจะระวังสายฟ้าจากเทพเจ้าซีอุสให้ดี” เธอพูดต่อ “นี่ถ้าพ่อฉันรู้ว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นละก้อ รับรองว่าจะต้องโมโหโกรธาอย่างไม่มีที่เปรียบเลยเชียวละ”

แพตทริคถอนหายใจออกมาแรง ๆ ผละจากที่นอนนั้น บ่นออกมาดัง ๆ ว่า

“ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดกับคุณตอนนี้หรอก นอนพักผ่อนเสียก่อนเถอะนะเทพธิดา”

เธอดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงจมูก ลอบมองหน้าเขาอยู่

“คุณอย่าทําอะไรฉันนะ” เธอร้องออกมาด้วยสัญชาตญาณแห่งความเป็นผู้หญิง ซึ่งทําให้เขาอดยิ้มอย่าง ขบขันไม่ได้

“นอนเสียเถอะ ผู้หญิงในรสนิยมของผมไม่ใช่ลูกสาวเศรษฐีที่เอาแต่ใจตัวเองหรอก”

“ฉันน่ะเรอะ...เอาแต่ใจตัวเอง...” ชาร์ลอตต์พยายามจะยันตัวขึ้นนั่ง แต่มีพละกำลังพอที่จะทำเช่นนั้นได้อีกต่อไป ทิ้งศีรษะลงกับหมอนแล้วก็หลับสนิทไปเกือบจะในทันที

แพตทริคออกคําสั่งให้ลูกเรือคนหนึ่งไปตามโคชแรน และต้นหนก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมด้วยอ่างน้ำอุ่น ผ้าถูตัวกับสบู่เหลว เขามองหญิงสาวอย่างพิจารณาอยู่เป็นเวลานาน ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า

“ช่างน่าสงสารเสียเหลือเกิน สงสัยว่าสองสามวันที่ผ่านมาคงจะใช้ร่างกายอย่างหนักทีเดียว”

แพตทริคจับจ้องมองใบหน้าเผือดซีดที่ล้อมกรอบอยู่ด้วยผมสีน้ำตาลเข้ม ซึ้งถ้าได้สระสะอาดจะเป็นมันเลื่อมลายสวยงามมากทีเดียว

“คุณหมายความว่ายังไงที่ว่าใช้ร่างกายอย่างหนักน่ะ” สีหน้าของเขาบึ้งตึงด้วยความประหวั่นที่เกิดอยู่ในใจ

โคชแรนยิ้มน้อย ๆ เมื่อวางอ่างน้ำและสิ่งของที่ถือติดมือมาลงบนโต๊ะข้างเตียงนอน

“ผมไม่ได้หมายความถึงความสาวของเขาหรอก ไอ้พวกที่ลักพาตัวเขามานั่นน่ะมันไม่กล้าทําให้สินค้าของมันต้องเสียราคาด้วยการหาความสุขจากเขาหรอก แม้ว่ามันจะอยากทําอย่างนั้นสักแค่ไหนก็ตาม”

มันทําให้แพตทริคฝืดคอขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขายอมรับว่าโล่งใจกับคําพูดของโคชแรนอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันก็อยากกระชากอกเสื้อต้นหนแล้วก็ผลักให้กระเด็นไปติดผนังห้องเสียให้ได้ อย่างไรก็ตาม เขาพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเองไว้อย่างมุ่งมั่น และหวังว่าโคชแรนจะไม่สามารถจับความรู้สึกที่กําลังปรากฏอยู่ในสีหน้าของเขายามนี้ได้

“เขาไม่ยอมบอกชื่อผมเลยนะนี่”

“อาจจะเป็นไปได้ที่เขาคิดว่าคุณเป็นพวกเดียวกับที่ลักพาตัวเขามาก็ได้” โคชแรนพูดพลางยักไหล่ “มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรหรอกที่เขาจะต้องคุมแค้น เขาแสดงความเจ็บใจเข้าใส่คุณบ้างหรือเปล่าล่ะ”

“ไม่หรอก” แพตทริคตอบห้วน ๆ

หญิงสาวขยับตัว พลิกร่างขึ้นนอนตะแคงละเมอออกมาเบา ๆ ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวที่เกิดขึ้นอยู่กับร่างกาย ซึ่งทําให้แพตทริคขบกรามแน่นด้วยความคั่งแค้นใจ

“ถูกทําร้ายจนเนื้อตัวเขียวเป็นจ้ำไปหมด” โคชแรนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ มองดูรอยเขียวช้ำที่ปรากฏอยู่บนแขนและหลังไหล่ “ผมว่าให้เนสเข้ามาดูอาการแล้วก็ทายาให้ก่อนดีกว่า”

“ไม่ต้อง ผมจะดูแลเอง” แพตทริคตวาดอย่างลืมตัว แต่เมื่อพูดออกไปแล้วก็ให้รู้สึกละอายใจยิ่งนัก เพราะเขาใช้ทั้งคําพูดและน้ำเสียงที่รุนแรงกับเพื่อนสนิทเช่นนั้น “เอาไว้ให้ฟื้นเสียก่อน เราค่อยสืบสาวเรื่องว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ผมรู้แต่เพียงว่าเขามาจากซีแอตเติ้ลหรือไม่ก็แถว ๆ นั้น ถ้ารู้ว่าอยู่ที่ไหนจะได้ส่งตัวกลับบ้าน”

“ใช่” โคชแรนเห็นด้วย แต่มันมีความหนักใจแฝงอยู่ในน้ำเสียงเมื่อเขากล่าวต่อ “แต่คุณก็จะต้องรู้ไว้ด้วย ว่าพ่อแม่บางคน เมื่อมีเรื่องแบบนี้เกิดกับลูกสาวมักจะไม่ยอมรับกลับ”

“คุณหมายความว่ายังไงที่พูดแบบนี้”

โคชแรนเดินไปหยุดอยู่ตรงประตูเคบิน มือจับอยู่บนสายยู

“ไม่ว่าหญิงสาวคนนี้จะ...เอ้อ...เสียความบริสุทธิ์แล้วหรือไม่ก็ตาม มีพ่อแม่จํานวนมากที่มักจะมองลูกสาวที่มีเรื่องทำนองนี้ว่าเป็นสินค้าใช้แล้ว ถือว่าเป็นคนที่นำความอับอายขายหน้ามาสู่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูล เพราะฉะนั้นไม่ใช่จํานวนน้อย ๆ เลยนะที่ไม่ยอมรับลูกสาวกลับเข้าไปอยู่ร่วมด้วยอีก”

คําพูดของเพื่อนรักทําให้แพตทริคต้องหันไปมองหญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงของเขาอีกครั้ง ภาพที่เขาเห็น เป็นภาพของเด็กสาวคนที่ป่ายปีนขึ้นไปบนเสากระโดงเรือเมื่อหลายปีก่อน ไม่ใช่หญิงสาวที่เจริญวัยขึ้นมาเช่นนี้ รู้สึกเศร้าสลดใจอย่างบอกไม่ถูก ที่เธอจะต้องได้รับเคราะห์กรรมอย่างต่อเนื่อง ถ้าบุคคลที่เธอรักและควรจะให้ความคุ้มครองป้องกันจะปฏิเสธเธอเช่นนั้น

“ไปได้แล้ว” เขาบอกโคชแรน น้ำเสียงบอกความพ่ายแพ้ ได้ยินเสียงประตูที่ปิดตามหลังโคชแรนล

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel