บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

ตลอดเวลาที่ไต่บันไดเชือกลง ชาร์ลอตต์มิได้ลืมตามองอะไรทั้งสิ้น บังเกิดความโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อสัมผัสความรู้สึกอยู่ว่า มีมือที่แข็งแกร่งของผู้ชายเอื้อมมาจับเอวไว้กระชับมั่น และพยุงร่างเธอให้นั่งลงในเรือบต เธอจับตามองขณะที่แพตทริคไต่บันไดเชือกนั้นตามลงมาด้วยสายตาที่บอกการท้าทาย

เชือกที่ผูกเรือบตติดอยู่กับเรือใหญ่ถูกปลดออก แพตทริคกับผู้ชายคนนั้นช่วยกันพายเรือบตเข้าหาฝั่ง ชาร์ลอตต์จับตามองปลาสีเงินที่ลอยตัวขึ้นเหนือพื้นน้ำสีครามใสด้วยความตื่นตาตื่นใจอย่างที่สุด

เธอเฝ้าบอกกับตัวเองอยู่ว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เธอเฝ้าฝันถึงแต่การผจญภัย และบัดนี้ก็ได้พบกับการผจญภัยอันน่าตื่นใจนั่นแล้ว ซึ่งเท่ากับเป็นการพิสูจน์คำพูดของลิเดีย ที่สั่งสอนเธอมาแต่ครั้งเยาว์วัยว่า บุคคลควรที่จะตั้งจุดประสงค์ให้กับตนเอง และเฝ้ารอเวลาอยู่ สักวันหนึ่งสิ่งที่เป็นความฝันความหวังมันจะต้องปรากฏเป็นความจริงขึ้นมาจนได้

หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน เธอก็เห็นพระราชวังชัดเจนขึ้น เธอจับตามองความงดงามของสถาปัตยกรรมที่นํามาใช้ในการก่อสร้างพระราชวังแห่งนี้ ทั้งประตูและหน้าต่างเป็นทรงโค้ง ประกอบด้วยเสาทรงกลมขนาดใหญ่ และลานเฉลียงกว้าง ดาดฟ้าประดับด้วยไม้ฉลุเป็นลวดลายสวยงาม

ยิ่งกว่านั้น เธอก็ยังสังเกตเห็นว่ามีใครสองคนได้ออกมายืนรออยู่บนฝั่ง ต่างแต่งกายด้วยเสื้อคลุมตัวยาวสีสันสดใส และมีผ้าโพกผมสีสดสว่างอยู่เหนือศีรษะ

ภาพที่เห็นทําให้ชาร์ลอตต์ขยับตัวเข้าไปใกล้แพตทริค เนื่องจากเขานั่งอยู่ในท่าที่หันหลังให้ เธอหวังว่าเขาจะไม่เห็นการกระทําแบบตื่นกลัวของเธอในครั้งนี้ ขณะเดียวกัน เธอก็อยากจะเชื่อในทุกคําพูดของเขา และเปี่ยมอยู่ด้วยความหวังว่า เมื่อเขาออกจากพระราชวังในครั้งนี้ เขาจะพาเธอกลับไปด้วย

เมื่อเรือบตเข้าถึงฝั่ง และบุคคลทั้งสองที่เธอเห็นยืนรออยู่ได้เข้ามาช่วยลากเรือขึ้นสู่ชายหาด เตือนเธอด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจังว่า

“เมื่อเข้าไปในวังแล้ว คุณปล่อยให้พวกผู้หญิงดูแลคุณตามหน้าที่ของพวกเขาก็แล้วกัน ไม่ต้องพูดจาตอบโต้แต่อย่างใดทั้งสิ้น เมื่อถึงเวลากลับ ผมจะส่งคนไปรับตัว”

แพตทริคได้รับการต้อนรับจากบุคคลทั้งสองด้วยความดีอกดีใจและการแสดงคารวะนอบน้อม แต่เมื่อพวกเขาหันมาเห็นชาร์ลอตต์ที่แต่งกายแบบผู้ชาย ทั้งสีหน้าและแววตากบอกความไม่พอใจ

แพตทริคประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน พูดด้วยเสียงอันดังกับบุคคลทั้งสอง และทันใดท่าทีของอีกฝ่ายหนึ่งก็เปลี่ยนไป รีบประคับประคองเธอราวของขวัญชิ้นเปราะบางขึ้นสู่หาดทราย

หลังจากนั้นบุคคลทั้งสองก็พาชาร์ลอตต์เดินเข้าไปในลานกว้างที่พื้นปูไว้ด้วยแผ่นศิลาดํา มีอ่างน้ำพุหินอ่อนสีชมพูสวยงามตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางลานนั้น ต่างชวนกันชี้ให้เธอชมความงามของสรรพสิ่งที่นํามาตกแต่งประดับประดาไว้ในบริเวณนี้ ทั้งที่เธอไม่เข้าใจในภาษาที่เขากําลังใช้อยู่แม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดบุคคลทั้งสองก็พาเธอเดินผ่านประตูทรงโค้งที่จําหลักลวดลายวิจิตรตระการตาเข้าสู่ด้านใน

หนึ่งในจํานวนนั้นหันมาจับมือทั้งสองของเธอไว้ และพวกผู้หญิงที่นั่งเอนอิงพิงพักกันอยู่ในบริเวณต่างก็ลุกขึ้นยืนและเริ่มเดินเข้ามารายล้อมชาร์ลอตต์

ทุกคนต่างมองดูการแต่งกายของเธอ และวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ ต่างชี้ให้กันดูเท้าที่เปล่าเปลือย กางเกงที่เธอสวมใส่และยังเรือนผมที่รุ่ยร่าย บางคนก็ถึงกับเอื้อมมือมาจับราวกับต้องการรู้ว่ามันจะมีสัตว์ประเภทใดเข้าไปฝังตัวอยู่ในนั้นบ้าง

เกิดมาในชีวิต ชาร์ลอตต์ไม่เคยมีความรู้สึกว่าตนเองถูกหยามหมิ่นเช่นวันนี้เลย แต่กระนั้น เธอก็มิได้ขุ่นเคืองแต่อย่างใด กลับรู้สึกว่ามันเป็นบรรยากาศที่แปลกใหม่ เธอยอมรับว่าในยามนี้ลึกลงไปในใจ เธอบังเกิดความตื่นกลัวไม่น้อย

แต่เมื่อสังเกตไปโดยรอบด้วยสติอารมณ์ที่ได้รับการควบคุมไว้อย่างมั่นคง ข่มความหวั่นไหวลงไว้แล้ว เธอก็สังเกตเห็นว่า สตรีทั้งหลายที่รุมล้อมเธออยู่ในเวลานี้ ล้วนแล้วแต่มีอายุมากกว่า เห็นได้ชัดว่าจะต้องเป็นผู้หญิงที่อยู่ ในฮาเร็มของสุลต่าน ชาร์ลอตต์บอกตัวเองอีกครั้งว่า บัดนี้เธอได้มาเห็นสิ่งที่ตนเองอยากเห็นมาชั่วชีวิตแล้ว

“มีใครที่พูดภาษาอังกฤษได้บ้างไหม” เธอเอ่ยถามออกไป ด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความมีอํานาจและศักดิ์ศรีเท่าที่จะบังคับให้ตนเองเอ่ยออกมาได้

แต่สิ่งที่เธอได้รับเป็นคำตอบ คือเสียวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังขึ้นเซ็งแซ่ และภายหลังจากที่ผู้ชายคนที่พาตัวเธอมาส่งออกคําสั่งบางอย่างก่อนที่เขาจะผละจากไป ผู้หญิงคนหนึ่งก็จับมือเธอไว้แน่น พาเดินไปยังขอบสระว่ายน้ำขนาดใหญ่

และในนาทีต่อมา เสื้อผ้าของแพตทริคที่เธอสวมใส่อยู่ก็ถูกปลดเปลื้องออกจากร่าง ซึ่งถึงแม้เธออยากจะต่อสู้ขัดขวางการกระทําของผู้หญิงเหล่านั้น แต่ก็รู้อยู่ว่า ถึงทําไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะพวกผู้หญิงที่รุมล้อมอยู่รอบตัวในยามนี้มีมากกว่าสิบคน และทุกคนก็ล้วนแล้วแต่มีร่างกายแข็งแรงด้วยกันทั้งนั้น...

น้ำในสระใสสะอาดและอุ่นกําลังสบาย อบอวลด้วยกลิ่นหอมของอบเชย กุหลาบและการ์ดิเนีย และเนื่องจากแพตทริคให้คํามั่นสัญญาไว้แล้วว่า ชาร์ลอตต์จะปลอดภัยเมื่ออยู่ในพระราชวังแห่งนี้ หญิงสาวจึงยอมรับความ ช่วยเหลือจากบรรดาหญิงสาวทั้งหลายที่อยู่ในฮาเร็มแห่งนี้อย่างดี

ทุกตารางนิ้วบนเรือนร่างนอกจากใบหน้า ได้รับการขัดถูด้วยหินพัมมิส อันเป็นหินจากภูเขาไฟซึ่งใช้สําหรับการขัดถูเนื้อตัวโดยเฉพาะ พวงผมได้รับการสระด้วยไข่ขาวจนสะอาดสะอ้าน หลังจากนั้นชาร์ลอตต์ก็ได้รับการประคับประคองขึ้นจากสระ ในสภาพที่ความตึงเครียดได้ผ่อนคลายลงอย่างมากจนแทบจะหลับไปในนาทีนั้น

บรรดาหญิงสาวทั้งหลายเอาผ้าเนื้อนุ่มมาเช็ดเนื้อตัวให้ และให้เธอนอนคว่ำหน้าลงบนเก้าอี้ยาวที่คลุมด้วยกํามะหยี่สีแดงอ่อน ขณะที่บางคนช่วยหวีผมให้อยู่นั้น อีกคนหนึ่งที่ใช้น้ำมันหอมชโลมลงบนเรือนร่างและคลึงปลายนิ้วแต่เพียงบางเบา เธอระบายลมหายใจออกมาอย่างเปี่ยมสุขเมื่อกล้ามเนื้อคลายลง

หลังจากนั้นหญิงสาวคนหนึ่งก็เอาผ้าแพรเนื้อบางเบาคลุมร่างและปล่อยให้เธอหลับตามสบาย ในยามนั้นที่ชาร์ลอตต์แว่วเสียงดนตรีที่ไพเราะแปลกหู เสียงหัวเราะต่อกระซิกเบา ๆ ของพวกหญิงสาว และเสียงน้ำในสระที่กระฉอกอยู่กับขอบสระที่ปูไว้ด้วยกระเบื้องเคลือบ

เธอฝันว่าตนเองได้กลับไปที่เรือเอนชานเทรสอีกครั้งพร้อมกับแพตทริค เนื้อตัวเปลือยเปล่าที่หอมกรุ่นด้วย น้ำมันหอมทอดอยู่เคียงข้างเขาบนเตียงนอน และเขากําลังโลมไล้เรือนร่างเธอ

“ช่างสวยเหลือเกิน” เสียงใครคนหนึ่งเอ่ยอยู่ และยังเขี่ยปอยผมเปียกชื้นออกจากหน้าผาก “ช่างสวยน่ารัก แล้วก็ยังต้องอยู่ห่างไกลจากบ้านเหลือเกิน”

ความจริงที่ว่า คําพูดประโยคนั้นได้เปล่งออกมาเป็นภาษาอังกฤษ มันได้ทิ่มแทงเข้าไปในความง่วงงุนของชาร์ลอตต์ เธอจึงปรือเปลือกตาขึ้นช้า ๆ และได้พบว่าหญิงสาวผมบลอนด์ ดวงตาสีฟ้าใส อายุประมาณต้นวัยสามสิบ กําลังก้มลงยิ้มให้เธออยู่

ฝ่ามือของผู้หญิงคนนั้นทาไว้ด้วยเฮนน่าสีส้ม อันเป็นธรรมเนียมที่ชาร์ลอตต์เคยอ่านพบ เสื้อคลุมแบบที่หญิงสาวผู้นี้สวมใส่ ตัดเย็บด้วยแพรเนื้อเนียนสีน้ำเงิน ปักประดับทั่วทั้งตัวด้วยลายดอกไม้และนก เดินเส้นด้วยไหมสีเงินสวยงามอย่างเหลือพรรณนา พวงผมของเธอยาวสยายลงคลุมแผ่นหลัง หยักสลวยด้วยลอนธรรมชาติเนียนนุ่มน่าจับต้องยิ่งนัก

“ฉันคืออเลฟ” ผู้หญิงคนนั้นบอกกับชาร์ลอตต์ “เป็นคนโปรดของสุลต่านด้วยนะ อีกไม่นานฉันก็จะได้เลื่อนตําแหน่งขึ้นเป็นคาดินแล้ว”

ชาร์ลอตต์รู้ว่าเธอกําลังเบิกตาโพลง แต่ก็รู้สึกช่วยไม่ได้ เธอกับเพื่อนสาวร่วมชั้นในมหาวิทยาลัยในปารีส ได้หาหนังสือนิยายเกี่ยวกับฮาเร็มมาอ่านกันอย่างสนุกสนานเท่าที่จะหาได้ และเธอรู้ว่าคําว่า “คาดิน” หมายถึง “ภรรยา”

“และฉันคิดว่าเธอเองก็จะได้เป็นคนโปรดด้วยเหมือนนะ” อเลฟกล่าวต่อ ประเมินความคิดของชาร์ลอตต์ด้วยแววตาที่บ่งบอกความยุ่งยากใจ “บางทีคืนนี้เธออาจจะได้มีโอกาสเต้นรํากับกาลิบก็ได้ และถ้าเธอทําให้เป็นที่พอใจของท่านแล้ว เธอก็จะได้นอนร่วมเตียงกับท่านด้วย”

ชาร์ลอตต์ผวาขึนนั่งทันที ซึ่งทำให้หญิงสาวผู้นั้นถึงกับผงะและถอยออกห่าง ตอนนั้นเองที่เธอได้เห็นว่าอเลฟมีครรภ์แก่ใกล้คลอดแล้ว

“ฉันจะไม่มีวันนอนร่วมเตียงกับใครทั้งสิ้น” ชาร์ลอตต์พูดอย่างโกรธเคือง “ฉันเป็นเพื่อนของกัปตันเทรวาร์เรน เมื่อเขาออกเดินทางฉันก็จะไปกับเขาด้วย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel