ตอนที่ 6
“ไม่!...” หญิงสาวตอบเสียงดัง ทำเอาชายหนุ่มหน้าเจื่อนจ๋อยลงในทันที นึกในใจว่าอีตาบ้าคนนี้ช่างกล้า! ทำปากดีมาถามเรื่องพรหมลิขิตกับผู้หญิงที่เจอกันเพียงไม่กี่นาที กับผู้หญิงที่ยังไม่รู้จักชื่อกันด้วยซ้ำ
“สมน้ำหน้าตัวเอง…นึกว่าคุณจะเชื่อเหมือนผม” ชายหนุ่มพึมพำ ทำหน้าเศร้าสลด คอตก ตำหนิตัวเอง นึกสมน้ำหน้าตัวเองอยู่ในใจ ที่กล้าหาญเกินไป แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อความบังเอิญแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นบ่อยๆในชีวิตของคนเรา
เกือบชั่วโมงที่รถแล่นผ่านมา แสงแดดยามสายเริ่มสาดทอนุ่มนวล สีเหลืองอาบไล้ไปทั่วผืนนาข้าวเขียว เมื่อรถแล่นผ่านอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี แลเห็นต้นตาลตระหง่านสูง เรียงรายอยู่สองข้างทาง แลไกลออกไปกลางทุ่ง ลูกตาลหม้อสีดำเข้มที่เกาะกันแน่น กลมเกลียวอยู่ในทะลาย ถูกตัดมาวางขาย นับเป็นรายได้เล็กๆน้อยๆแค่พอประทังชีพ
ข้างๆทะลายตาล บนแคร่ไม้ไผ่ แลเห็นผลมะนาวสีเขียวกลมๆ ที่จัดแบ่งไว้ในกระจาด มีป้ายกระดาษเขียนราคาติดเอาไว้ วางขายเรียงรายอยู่ตามเพิงไม้สองข้างทางที่รถแล่นผ่านมา สลับไปทั้งซ้ายและขวา
“เรากำลังผ่านเพชรบุรีใช่ไหมคะ…” ริมฝีปากอิ่มเต็มของหญิงสาว เอ่ยถามขึ้นเบาๆ กับภูมิทัศน์ที่เรียงรายน่ามองทั้งสองข้างทาง
“ใช่ครับ” ชายหนุ่มตอบ หน้าระรื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากหญิงสาวเงียบไป หลังจากถูกถามออกไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยว่าเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม?
“ดูนั่นสิ!” ชายหนุ่มเริ่มชวนคุย ชี้ชวนไปทางต้นตาลที่ตระหง่านเป็นทิวแถว มองไปไกลๆ แลเห็นใบใหญ่คลี่แผ่เป็นพุ่มกลมอยู่เหนือลำต้นสูงสีดำสนิท
“ทำไมบางต้นมันตายล่ะคะ” หญิงสาวถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะแม้ต้นตาลจะมีให้เห็นอีกมากมาย ทว่าก็มีไม่น้อยที่ใบของมันกำลังเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีน้ำตาลแห้ง อาการคล้ายกำลังจะตาย
“นั่นแหละครับที่เรียกว่ายืนต้นตาย” ชายหนุ่มกล่าว
“อยู่กับน้ำกับนาข้าวแบบนั้น…ยังจะตายอีกหรือคะ?” หญิงสาวสงสัย เพราะจากที่เห็นด้วยสายตา บอกเธอว่าความแล้งไม่น่าจะใช่ปัญหาที่ทำให้มันตาย เพราะเท่าที่เห็นด้วยตา ผืนดินก็ยังคงแลดูอุดมไปด้วยน้ำ
“ตายเพราะดินเป็นกรดครับ…เกิดจากการที่เกษตรกรทำนาปีละ 2 ครั้ง ต้นตาลปรับสภาพไม่ทัน เพราะมีน้ำมากเกินไป”
“มีน้ำมากไม่ดีหรือคะ” คิ้วโค้งราวคันเคียว ขมวดมุ่นด้วยความสงสัย น่าแปลกที่จู่ๆหัวข้อสนทนาของเธอกับเขา ก็หันเหไปเป็นเรื่องต้นตาลได้อย่างน่าแปลกใจ
“พื้นที่บริเวณที่มีน้ำมากเกินไป ต้นตาลไม่มีโอกาสได้ปรับตัว ที่สุดมันก็ยืนต้นตายอย่างที่เห็น” ชายหนุ่มทอดสายตาไปที่แนวตาลซึ่งยืนต้นตายหลายต้น ดวงตารียาวหรี่หลับราวจะไว้อาลัยให้กับระบบนิเวศที่เปลี่ยนไปจากเดิม ระบบนิเวศซึ่งนับวันจะผิดเพี้ยน ไม่มีวันจะเป็นไปตามธรรมชาติอีกต่อไป
“คุณเป็นคนแถวนี้หรือคะ?” หญิงสาวเหลือบมองใบหน้าคมคร้ามครึ้มเคราของเขา จมูกที่โด่งเป็นสัน หน้าผากกว้าง โหนกแก้มและคางได้รูปรับกัน ดูกลมกลืนทั้งใบหน้า ประกายตาสีน้ำตาลและผิวเข้มกว่าชาวต่างชาติทั่วๆไป ทำให้หญิงสาวนึกสงสัยในพื้นเพชีวิตของเขาขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
แปลกที่ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าคล้ายลูกครึ่งมากกว่าจะเป็นเกษตรกรอย่างเขา กลับรู้ดีเรื่องต้นตาล และอธิบายได้เป็นฉากๆอย่างน่าประหลาดใจ
“ในอดีตผมเคยอยู่แถวนี้ครับ…แต่ปัจจุบันอยู่กระบี่” ชายหนุ่มตอบเพียงสั้นๆ
เขาไม่ได้โกหก เพราะชีวิตวัยเด็กของเขาผูกพันอยู่กับเพชรบุรีมานาน บ้านตาบ้านยายอยู่แถวนี้ ก่อนที่บิดาซึ่งเป็นเศรษฐีชาวต่างชาติ สัญชาติเม็กซิกัน จะมาพบรักกับแม่ซึ่งเป็นหญิงสาวชาวไทย
หลังจากแต่งงานกันได้ไม่นานและให้กำเนิดบุตรชายขึ้นมาสองคนคือตัวเขาและน้องชาย บิดาตัดสินใจพาครอบครัวเล็กๆย้ายภูมิลำเนาลงใต้ ตัดสินใจตั้งรกรากอยู่ชายฝั่งทะเลของจังหวัดกระบี่ ทำฟาร์มเลี้ยงหอยมุก ธุรกิจเครื่องประดับ อัญมณีส่งออก และปลูกปาล์มเป็นอาชีพ
“คุณเป็นคนที่ไหนครับ” ชายหนุ่มถามบ้าง เมื่อได้โอกาสสนทนา เขาไม่รอช้าที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหญิงสาวผู้ผู้นี้ให้มากขึ้น
“เป็นคนกรุงเทพฯค่ะ” เธอตอบเบาๆ แสดงท่าทางกระสับกระส่ายออกมาเล็กๆ เพราะเริ่มรู้สึกร้อน
“ทำไมแอร์ร้อนจัง?” หญิงสาวบ่นขึ้นมาลอยๆ แหงนใบหน้างามขึ้นกวาดสายตามองหาช่องระบายลมแอร์ที่อยู่เหนือเพดาล
“ผมไม่เห็นว่ามันจะร้อนตรงไหนเลยคุณ…หนาวจะตาย” ชายหนุ่มกล่าว พลางทำท่าหนาวด้วยการลูบแขนลูบไหล่ไปมา
“ดี!...ถ้าคุณหนาวนักก็เอาแอร์มาให้ฉัน คุณไม่ต้องเอา” หญิงสาวกล่าวโดยไม่ขอ พลางเอื้อมมือขึ้นไปปรับที่ช่องกลมๆเหนือเพดานซึ่งแบ่งกันคนละช่อง จัดสรรแอร์เอาไว้ตามที่นั่งโดยสารอย่างทั่วถึง ทว่าหญิงสาวกลับฉวยเอาไว้คนเดียวทั้งสองช่อง ด้วยการปรับองศาของมันให้ตรงมาที่เธอทั้งหมด
“งกจริงๆ…” ชายหนุ่มว่าให้เธอเบาๆ แกล้งเบ้ปากที่เธอฉวยแอร์ไว้คนเดียว หากก็ไม่ได้ติดใจ ทว่าหลังจากรถแล่นผ่านไปพักใหญ่ๆ หลังจากนั้นหญิงสาวก็ขยับตัว กระสับกระส่ายขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรู้สึกหนาวเกินไปกับลมแอร์ที่ตกต้องผิวเธอเต็มๆ
“อู๊ย!…หนาวจริงๆด้วย ไม่เอาแล้วฉันให้คุณ” หญิงสาวกล่าว พลางลูบแขนไปมา ก่อนจะเอื้อมมือไปปรับแอร์คืนไปที่ชายหนุ่มทั้งสองช่อง ให้ลมเย็นจากช่องแอร์พุ่งไปตกที่ชายหนุ่มเต็มๆ